xs
xsm
sm
md
lg

เคล็ดลับสร้างสุข “ปีใหม่”ยึดมั่น “ศีล-สติ” กรมธรรม์กันเสือดุ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เข้าสู่ศักราชใหม่ด้วยความรู้สึกที่ยังไม่คลายกังวลของบรรดาประชาชน โหรก็ออกมาทำนายทายทักส่งท้ายปีถึงวิกฤติเมืองไทยในปี “เสือ” ว่ายังมีทีท่าว่า “สาหัส” อยู่ แม้โพลล์หลายสำนักระบุว่าประชาชนพอใจผลงานรัฐบาล “มาร์ค” แต่นายกรัฐมนตรีก็มิวายพูดเรื่องยุบสภาอยู่บ่อยๆ ทุกอย่างจึงดูไม่แน่นอนไปเสียหมด

เข้าสู่ศักราชใหม่ด้วยความรู้สึกที่ยังไม่คลายกังวลของบรรดาประชาชน โหรก็ออกมาทำนายทายทักส่งท้ายปีถึงวิกฤติเมืองไทยในปี “เสือ” ว่ายังมีทีท่าว่า “สาหัส” อยู่ แม้โพลล์หลายสำนักระบุว่าประชาชนพอใจผลงานรัฐบาล “มาร์ค” แต่นายกรัฐมนตรีก็มิวายพูดเรื่องยุบสภาอยู่บ่อยๆ ทุกอย่างจึงดูไม่แน่นอนไปเสียหมด

อย่างไรก็ตาม คนไทยก็จำต้องผ่านวิกฤตนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งแทนที่จะจมอยู่กับคำทำนายชะตา ก็หันหน้ามาน้อมนำหลักธรรมของพระพุทธศาสนามาใช้ เป็นธงในการเริ่มต้นใช้ชีวิตในปี 2553 หรือเพื่อตั้งรับกับปัญหาที่อาจถาโถมเข้ามาได้ทุกเมื่อ และเนื่องในวาระดิถีรับปีใหม่นี้ พระนักเทศน์และพระนักพัฒนาชื่อดัง ก็ได้อำนวยพรฝากไปยังพุทธศาสนิกชนทุกท่านให้นำมาปรับใช้เพื่อเตรียมตัว เตรียมใจฝ่าฟันสารพัดปัญหาที่จะมาถึงนี้ให้ผ่านพ้นในปี “เสือดุ”

ข่มใจตน-มีสติ ก็จะมีสตางค์

พระครูปลัดราชันย์ อริโย พระนักเทศน์นักแหล่ชื่อดังจาก จ.เพชรบูรณ์ ได้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตด้วย พรปีใหม่ที่อยากจะมอบให้แก่ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย คือ “ตั้งสติ” และ “ข่มใจ” ซึ่งพระครูปลัดราชันย์บอกว่าสิ่งที่คนไทยในวันนี้ขาดไม่ใช่เพียงสตางค์เท่านั้น แต่คนไทย “ขาดสติ” กันมากขึ้น ขาดสติกับการใช้เงิน ขาดสติกับการใช้ชีวิต ยิ่งเมื่อมี “น้ำเมา” เข้ามาเกี่ยวยิ่งทำให้สติเตลิด สตางค์หล่นหาย มีวันเดียวทุกเทศกาลคือ “วันกิน” ไม่ว่าเทศกาลไทย จีน ฝรั่ง คนไทยร่วมเมาได้ทั้งหมด

“นิสัยของคนไทยจะเป็นสูตรที่ว่า เมาได้ทุกสถานการณ์แต่บางทีเราสนุกกับชีวิตกันจนเกินไปโดยไม่มองอนาคตภายหน้า ปีใหม่มันมีทุกปีแต่การจะหาสิ่งดีๆ ให้กับชีวิตก็คือการถนอมน้ำใจกัน โดยเฉพาะกับคนที่บ้านโดยเฉพาะ พ่อ แม่ ลูกก็กินกันจนลืมตัว พ่อแม่ก็ทำงานหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน ลูกก็หลังสู้ฟูก หน้าสู้ฝ้ากันไป มันก็ไม่ดี เพราะหลายบ้านเจอปีใหม่ผ่านไปนานแล้ว แต่พ่อกับแม่ยังหาหนี้เล้าหนี้เบียร์ลูกไม่หมดก็มี”

พระครูปลัดราชันย์ มองว่า ค่านิยมคนไทยที่มองว่าคนที่ “ใช้ได้” หรือ “เก่ง ดี มีความสามารถ” นั้นต้องเรียนจบปริญญาตรี ปริญญาโท และตาโตเมื่อเอ่ยถึงปริญญาเอก ทั้งที่บางคนยังขาด “ปริญญาใจ” กล่าวคือ ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่มีศีลเป็นสะพาน ไม่มีทานเป็นเสบียง ไม่ศึกษาธรรมะ ซึ่งหลายคนโดยเฉพาะวัยรุ่นมองว่า ไม่สนุก น่าเบื่อ

พระนักเทศน์ชื่อดัง บอกว่า การศึกษาธรรมะให้สนุกง่ายนิดเดียว คือ เพียงแค่เรามองดูรอบๆ ตัว โดยอย่าคิดว่ากำลังศึกษาธรรม มองพฤติกรรมของคนอื่น และเลือกเยี่ยงอย่างที่ดีมาปฏิบัติ แค่นี้ก็ถือว่าได้ปฏิบัติธรรมเบื้องต้นแล้ว

“ถ้ามีตัวอย่างที่ดีที่บ้านเด็กก็ไม่ต้องมองหาที่ไหนไกล แต่ปัญหาคือที่บ้านก็มัวแต่หาเงิน เพราะหาเท่าไหร่ก็ไม่พอ ได้มาศอก กินไปแขนหนึ่ง ไม่เคยพอ ทั้งหมดนี้เพราะเราไม่ข่มใจ ในหลักธรรมของอาตมา ถ้าเราข่มใจเราได้ชีวิตเรามีความสุขแน่นอน แต่วัยรุ่นจะมีปัญหาเรื่องยาเสพติด และชู้สาวที่ยากจะข่มใจ แต่ถ้าเรามาคิดกันดีๆ เรื่องกามรมณ์มันไม่ได้หิวเหมือนข้าวหรอก อดข้าวอดน้ำมันตาย แต่อดผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่เคยเห็นว่าใครตายสักที แต่เมื่อวิเคราะห์กันแล้วที่เขาข่มใจไม่ได้ เพราะสิ่งยั่วยุเยอะ แต่บางครั้งเราก็โทษแต่เด็กไม่ได้ ที่เขาเป็นแบบนี้เพราะผู้ใหญ่เป็นแบบอย่างให้เห็น”

พระนักเทศน์แห่งเมืองมะขามหวานทิ้งท้ายว่า “อยากจะฝากข้อคิดเรื่อง 4สลึง คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย และหลัก 3 วัย ประกอบด้วย เตาะแตะ เต่งตึง โตงเตง ตั้งแต่เกิดมาชีวิตเราก็ไม่ได้เต็มบาทแล้วนะ เพราะตั้งแต่เราเกิดมาเราก็หมดไปแล้ว 1 สลึง แก่ก็แก่ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ 9 เดือน เจ็บเราก็เจ็บกันมาตั้งแต่เกิด ทุกวันนี้คือเราเหลือแค่สลึงเดียวก็คือความตาย แต่ทำอย่างไรเราจะรักษาสลึงนี้ให้มีประโยชน์ ทำอย่างไรให้รักษาสลึงนี้ให้มีคุณค่า ถ้าเป็นลูกก็เร่งกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาความกตัญญูไว้เหนือหัว ความชั่วเอาไว้ใต้เท้า ตรงนี้แหละถึงจะมีความสุขได้ ไม่สุขเฉพาะคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ คนที่เป็นสามี หรือภรรยา แต่ทุกคนจะมีความสุขไปหมด”

ขยัน-ซื่อสัตย์-อดทน ดำรงตนไม่ลำบาก

สำหรับแนวทางการดำเนินชีวิตของเยาวชน วัยรุ่นนั้น พระมหาตุ้ยนุ้ย ฐิติรังสี พระนักเทศน์ชื่อดัง วัดมหาธาตุ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ กล่าวถึงธรรมะที่พุทธศาสนิกชนควรยึดถือปฏิบัติว่า ควรดำรงตนให้อยู่ในความไม่ประมาท และกตัญญูต่อพ่อแม่ดีที่สุด โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นควรรักและห่วงพ่อ ห่วงแม่ให้เยอะๆ ก่อนจะตัดสินใจทำสิ่งใดๆ ส่วนสิ่งที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน คือ “ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ อดทน” เป็นสิ่งที่นำไปใช้ในการดำรงชีวิตและจะอยู่ได้โดยไม่ลำบาก

“ขอญาติโยมจำไว้ว่า คนเราจะดีจะชั่วอยู่ที่เราทำ จะสูงหรือต่ำอยู่ที่เราทำตัว เพราะฉะนั้น เราอยากเป็นเช่นไรก็ให้ปฏิบัติเอา”

พระมหาตุ้ยนุ้ย ย้ำด้วยว่า สิ่งที่พยายามเน้นกับเด็กๆ วัยรุ่นเรื่องพระคุณพ่อแม่นั้น เพราะเด็กๆ มักจะสนุกจนลืมเรื่องนี้ไป และขอให้รักพ่อ รักแม่ทุกวัน อย่ารักเฉพาะช่วงเทศกาล ขอให้เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นศิษย์ที่ดีของครู เป็นคนดีของประเทศชาติ ถือเป็นของขวัญปีใหม่ให้พ่อแม่ เพราะความจริงแล้วพ่อแม่แค่อยากได้คำพูดดีๆ การปฏิบัติตัวดีๆ จากลูกๆ เท่านั้น ถือเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ ท่านไม่ได้อยากได้ทรัพย์สินเงินทองใดๆ

ศีล 5 กรมธรรม์ป้องกันทุกข์

พระพรพล ปสันโน พระหนุ่มรุ่นใหม่ จากวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก ฝากข้อปฏิบัติสำหรับปีใหม่เพื่อเป็นของขวัญให้กันและกันไว้ว่า พรปีใหม่ไม่มีสิ่งใดจะสำคัญไปกว่าสิ่งที่พระพุทธองค์ได้ประทานไว้ให้คือ การรักษาศีล 5 ซึ่งศีลนับเป็นกรมธรรม์ประกันความปลอดภัยให้เราได้ โดยไม่ต้องเกรงหรือกลัวว่าความทุกข์จะเข้ามาเยี่ยมกรายเมื่อใด เท่านี้ชีวิตก็จะมีความสุขแล้ว ฉะนั้นหากเราได้ให้ของขวัญกับคนที่รักด้วยการมีศีล ผู้คนรอบข้างก็จะมีสุขไปด้วย

“เมื่อไหร่ที่เราไม่มีศีลก็เท่ากับว่าเราขาดความปลอดภัย เพื่อไปซื้อประกันเป็นหลักยึดมั่นในชีวิต ถ้าเราแต่ละคนให้ของขวัญกันด้วยการปฏิบัติศีลก็จะปลอดภัยตลอดปีหน้าแน่นอน เป็นความสุขใจ เราไม่ต้องกลัวอะไรว่าใครจะมาทำร้ายเราเพราะเราไม่ได้ไปทำร้ายใคร ไม่ได้เบียดเบียนใคร”

สำหรับศีลข้อที่คนไทยควรเริ่มทำได้เลยตอนนี้ก็คือ ศีลข้อที่ 5 ซึ่งพระพรพล บอกว่า เป็นข้อที่สำคัญและคนไทยผิดมากที่สุดในช่วงปีใหม่ จุดเริ่มต้นของอุบัติเหตุ เหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้ง การข่มขืน ตลอดจนลักขโมย ก็จะเกิดตามมาเป็นจุดเริ่มต้นของการผิดศีลข้ออื่นๆ ตามมา

“คนไทยชอบสังสรรค์แต่สุรายาเมาจะทำให้งานสุขกลายเป็นงานโศก เพราะฉะนั้นถ้าทำได้ก็เริ่มเลยรักษาศีลแทนที่ปีใหม่จะสังสรรค์ด้วยการดื่มเหล้าก็ไปทำบุญ สวดมนต์ ชีวิตปลอดภัย เพราะถ้าเผื่อมึนเมาแล้วสี่ข้อที่เหลือจะรักษาไม่ได้เลย ไม่เหลือเลย โกหก เบียดเบียน ประพฤติผิดทางกาม ลักขโมยของ ถ้าทำไม่ได้ก็ไปฆ่าเขาทำร้ายเขา ควบคุมตัวเองไม่ได้ ถ้าพ่อแม่มีศีล ลูกก็จะทำตาม”

พระหนุ่มจากวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก ฝากเอาไว้ว่า หากใครคิดว่ารักษาศีลนั้นยาก แต่หากไม่เริ่มทำก็ไม่รู้ว่าดีอย่างไร ดังนั้น ลองฝึกรักษาศีลก่อน 1-2วัน หากทำได้ก็ขยายเป็นหนึ่งอาทิตย์ หนึ่งเดือน เมื่อเห็นของดีแล้วจะทำตลอดพระก็ไม่ว่ามีแต่จะอนุโมทนาให้

“ลองไปรักษาศีลดู ถ้าคิดว่ายากแล้วไม่ทำ เมื่อไม่ทำก็ไม่เห็นของดี เหมือนของที่เราไม่เคยกิน คนอื่นบอกว่าอร่อย แต่เราบอกว่าไม่เอาหรอก แต่พอเราไปลิ้มรสอาจจะติดใจก็ได้ เพราะฉะนั้นอยากให้เริ่ม ใช้วันปีใหม่เป็นโอกาสที่ดีที่จะเริ่มรักษาศีล ดีไม่ดีค่อยมาพิสูจน์กันอีกทีหนึ่ง แต่อย่าปิดกั้นตัวเอง” พระพรพล ให้ข้อคิดทิ้งท้าย

กำลังโหลดความคิดเห็น