“วัชระ เพชรทอง” เข้าแจ้งจับ “จตุพร-วีระ” นำเอกสารลับกระทรวงการต่างประเทศกระทบชาติไทย ตีพิมพ์เผยแพร่ใน นสพ.ความจริงวันนี้ คอลัมน์ “สถานีแดง” ซึ่งเป็นข้อความที่ทำให้กัมพูชาได้รับประโยชน์ พร้อมเอาตะกร้อครอบปากสุนัขโชว์สื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ “จตุพร” หยุดพูดสร้างความแตกแยก
วันนี้ (28 ธ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวน (สบ 3) บก.ป. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีหมิ่นประมาท หลังจากนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.เมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ นายวัชระ ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช.และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในความผิดฐานนำเอกสารลับของทางราชการมาเปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 123 ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อความเอกสาร หรือสิ่งใดๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และมาตรา 124 ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อให้ผู้อื่นล่วงรู้ หรือได้ไปซึ่งข้อความเอกสาร หรือสิ่งใดๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี โดยนายวัชระนำ นสพ.ความจริงวันนี้ ปีที่ 3 ฉบับที่ 52 วันที่ 25-28 ธันวาคม 2552 และ นสพ.เรดนิวส์ ปีที่ 1 ฉบับที่ 20 วันที่ 25-31 ธันวาคม 2552 และ รายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท เพื่อนพ้อง น้องพี่ จำกัด มีนายวีระเป็น 1 ใน 5 กรรมการบริหาร ถือหุ้น 90 ล้านบาท มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
นายวัชระกล่าวว่า ตนเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทครั้งนี้จะไม่ใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง และตนขอแจ้งความกล่าวโทษให้พนักงานสอบสวน บก.ป.พิจารณาดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการนำเอกสารลับของราชการมาเปิดเผย เริ่มจาก น.ส.พ.ความจริงวันนี้ ในคอลัมน์ “สถานีแดง” เขียนโดยนายจตุพร หน้าที่ 8-9 ซึ่งมีการนำเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศมาเปิดเผยทำให้ประเทศกัมพูชา ได้รับประโยชน์จากข้อมูลดังกล่าว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้นแต่เป็นเรื่องของประเทศชาติ เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในประวัติศาสตร์
“คนในชาตินำข้อมูลของทางราชการมาเปิดเผยเพื่อประโยชน์ของคนคนเดียว คือ นช.ทักษิณ ชินวัตร การทำเช่นนี้เท่ากับทรยศต่อชาติ” นายวัชระ กล่าว
นายวัชระกล่าวต่อไปว่า สำหรับ นสพ.เรดนิวส์ หน้าที่ 20-21 นั้น ได้นำเอกสารลับมาเปิดเผยทั้งหมดโดยบิดเบือนข้อมูล สร้างความเข้าใจผิดให้กับคนในชาติด้วยการอ้างว่าการขจัดเป็นการฆ่า ทำให้เกิดความเข้าใจว่ารัฐบาลมีใบสั่งฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นความเท็จโดยสิ้นเชิง แต่ใน นสพ.ฉบับนี้กลับไม่พบรายชื่อบุคคลที่เป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา จึงต้องขอให้พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบและพิจารณาดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายวัชระยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของนายวีระ ตนยังมีข้อสังเกตด้วยว่าก่อนหน้านี้นายวีระเคยเป็นบุคคลล้มละลาย แต่เหตุใดจึงเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ ซึ่งมีทุนจดทะเบียนบริษัทเป็นเงินสูงถึง 90 ล้านบาท จึงอยากทราบว่านายวีระนำเงินส่วนนี้มาจากไหน และคงจะต้องขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินจำนวนมหาศาลนี้ นอกจากนี้ เมื่อได้ตรวจสอบรายชื่อกรรมการบริษัททั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลใกล้ชิดกับนายวีระ และนายจตุพร มาตั้งแต่เรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่นายวัชระกำลังหอบเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนนั้น นายวัชระได้หยิบเอาตะกร้อครอบปากสุนัขออกมาโชว์ต่อสื่อพร้อมกับกล่าวว่า
“ผมได้นำตะกร้อที่พี่น้องชาวหนองแขมฝากมาเพื่อมอบให้กับนายจตุพร เป็นของขวัญปีใหม่ และเพื่อให้นายจตุพรหยุดพูดจาสร้างความแตกแยกให้กับคนในสังคมในช่วงที่ประชาชนทั่วไปกำลังมีความสุขต้อนรับเทศกาลปีใหม่” ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นอกจากนี้ นายวัชระยังกล่าวอีกว่า การร้องทุกข์ครั้งนี้ไม่ซ้ำกับที่ตนเคยเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.นางเลิ้ง มาก่อนหน้านี้ เพราะเป็นความผิดคนละกรรมและกฎหมายคนละบท ซึ่งตนเชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะดำเนินการโดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้ นายวัชระได้นำตะกร้อครอบปากสุนัขฝากให้พนักงานสอบสวนเพื่อมอบให้นายจตุพร แต่พนักงานสอบสวนปฏิเสธโดยขอให้นำไปมอบกันเอง ซึ่งนายวัชระกล่าวว่า เมื่อทางกองปราบปรามไม่รับฝาก ตนก็จะนำไปให้นายจตุพรที่รัฐสภาด้วยตนเองต่อไป
ด้านพนักงานสอบสวนกล่าวว่า กรณีที่นายวัชระเข้ามอบตัวคดีที่นายจตุพรแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถมารับทราบข้อกล่าวหาได้เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน และยังไม่ออกหมายเรียกแต่อย่างใด ส่วนคดีที่นายวัชระมาแจ้งความก็ดำเนินการสอบปากคำนายวัชระและรวบรวมหลักฐานก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาต่อไป
วันนี้ (28 ธ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวน (สบ 3) บก.ป. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีหมิ่นประมาท หลังจากนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.เมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ นายวัชระ ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช.และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในความผิดฐานนำเอกสารลับของทางราชการมาเปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 123 ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อความเอกสาร หรือสิ่งใดๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และมาตรา 124 ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อให้ผู้อื่นล่วงรู้ หรือได้ไปซึ่งข้อความเอกสาร หรือสิ่งใดๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี โดยนายวัชระนำ นสพ.ความจริงวันนี้ ปีที่ 3 ฉบับที่ 52 วันที่ 25-28 ธันวาคม 2552 และ นสพ.เรดนิวส์ ปีที่ 1 ฉบับที่ 20 วันที่ 25-31 ธันวาคม 2552 และ รายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท เพื่อนพ้อง น้องพี่ จำกัด มีนายวีระเป็น 1 ใน 5 กรรมการบริหาร ถือหุ้น 90 ล้านบาท มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
นายวัชระกล่าวว่า ตนเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทครั้งนี้จะไม่ใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง และตนขอแจ้งความกล่าวโทษให้พนักงานสอบสวน บก.ป.พิจารณาดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการนำเอกสารลับของราชการมาเปิดเผย เริ่มจาก น.ส.พ.ความจริงวันนี้ ในคอลัมน์ “สถานีแดง” เขียนโดยนายจตุพร หน้าที่ 8-9 ซึ่งมีการนำเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศมาเปิดเผยทำให้ประเทศกัมพูชา ได้รับประโยชน์จากข้อมูลดังกล่าว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้นแต่เป็นเรื่องของประเทศชาติ เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในประวัติศาสตร์
“คนในชาตินำข้อมูลของทางราชการมาเปิดเผยเพื่อประโยชน์ของคนคนเดียว คือ นช.ทักษิณ ชินวัตร การทำเช่นนี้เท่ากับทรยศต่อชาติ” นายวัชระ กล่าว
นายวัชระกล่าวต่อไปว่า สำหรับ นสพ.เรดนิวส์ หน้าที่ 20-21 นั้น ได้นำเอกสารลับมาเปิดเผยทั้งหมดโดยบิดเบือนข้อมูล สร้างความเข้าใจผิดให้กับคนในชาติด้วยการอ้างว่าการขจัดเป็นการฆ่า ทำให้เกิดความเข้าใจว่ารัฐบาลมีใบสั่งฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นความเท็จโดยสิ้นเชิง แต่ใน นสพ.ฉบับนี้กลับไม่พบรายชื่อบุคคลที่เป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา จึงต้องขอให้พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบและพิจารณาดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายวัชระยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของนายวีระ ตนยังมีข้อสังเกตด้วยว่าก่อนหน้านี้นายวีระเคยเป็นบุคคลล้มละลาย แต่เหตุใดจึงเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ ซึ่งมีทุนจดทะเบียนบริษัทเป็นเงินสูงถึง 90 ล้านบาท จึงอยากทราบว่านายวีระนำเงินส่วนนี้มาจากไหน และคงจะต้องขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินจำนวนมหาศาลนี้ นอกจากนี้ เมื่อได้ตรวจสอบรายชื่อกรรมการบริษัททั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลใกล้ชิดกับนายวีระ และนายจตุพร มาตั้งแต่เรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่นายวัชระกำลังหอบเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนนั้น นายวัชระได้หยิบเอาตะกร้อครอบปากสุนัขออกมาโชว์ต่อสื่อพร้อมกับกล่าวว่า
“ผมได้นำตะกร้อที่พี่น้องชาวหนองแขมฝากมาเพื่อมอบให้กับนายจตุพร เป็นของขวัญปีใหม่ และเพื่อให้นายจตุพรหยุดพูดจาสร้างความแตกแยกให้กับคนในสังคมในช่วงที่ประชาชนทั่วไปกำลังมีความสุขต้อนรับเทศกาลปีใหม่” ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นอกจากนี้ นายวัชระยังกล่าวอีกว่า การร้องทุกข์ครั้งนี้ไม่ซ้ำกับที่ตนเคยเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.นางเลิ้ง มาก่อนหน้านี้ เพราะเป็นความผิดคนละกรรมและกฎหมายคนละบท ซึ่งตนเชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะดำเนินการโดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้ นายวัชระได้นำตะกร้อครอบปากสุนัขฝากให้พนักงานสอบสวนเพื่อมอบให้นายจตุพร แต่พนักงานสอบสวนปฏิเสธโดยขอให้นำไปมอบกันเอง ซึ่งนายวัชระกล่าวว่า เมื่อทางกองปราบปรามไม่รับฝาก ตนก็จะนำไปให้นายจตุพรที่รัฐสภาด้วยตนเองต่อไป
ด้านพนักงานสอบสวนกล่าวว่า กรณีที่นายวัชระเข้ามอบตัวคดีที่นายจตุพรแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถมารับทราบข้อกล่าวหาได้เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน และยังไม่ออกหมายเรียกแต่อย่างใด ส่วนคดีที่นายวัชระมาแจ้งความก็ดำเนินการสอบปากคำนายวัชระและรวบรวมหลักฐานก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาต่อไป