กองปราบฯ บุกค้น “ไทยโตเทค” หลังพบรถกระบะทยอยขนพระพุทธรูปเก่านำไปเก็บไว้ เจอพระพุทธรูปเก่าแก่สมัยสุโขทัย-เชียงแสน กว่า 8 รายการ ควบคุมตัวเจ้าของและผู้ครอบครองพระทั้งหมดสอบ อ้างซื้อจากเพื่อนองค์ละ 3 หมื่น-1.5 แสนบาท เพื่อสะสมประดับบารมี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อขยายผลสืบต่อไป
วันนี้ (28 ธ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.30 น. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป. พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.ชัยพร ศิริเลิศ สว.กก.4 บก.ป. และ พ.ต.ต.เทิม ผิวขำ สว.กก.2 บก.ป. พร้อมกำลังนำหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 1336/2552 เข้าตรวจค้นบริษัท ไทยโตเทค จำกัด เลขที่ 120/25 หมู่ 13 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งเปิดเป็นบริษัทจัดหางาน หลังจากได้รับแจ้งว่ามีการลักลอบนำพระพุทธรูปเก่าแก่ประเมินค่าไม่ได้มาซุกซ่อนไว้ภายในบริษัทดังกล่าว
จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบพระพุทธรูปเก่าแก่ 8 รายการ ประกอบด้วย พระพุทธรูปเชียงแสน เนื้อทองเหลือง ปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร หน้าตักกว้าง 16 นิ้ว สูง 29 นิ้ว, พระพุทธรูปเชียงแสน เนื้อทองเหลือง ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ หน้าตักกว้าง 18 นิ้ว สูง 26 นิ้ว, พระพุทธรูปศิลปะสมัยอู่ทอง เนื้อทองเหลือง ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ หน้าตักกว้าง 20 นิ้ว สูง 34 นิ้ว, พระพุทธรูปสมัยกำแพงเพชร เนื้อทองแดง ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ หน้าตักกว้าง 38 นิ้ว สูง 43 นิ้ว, พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย เนื้อทองแดง ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ หน้าตักกว้าง 38 นิ้ว สูง 46 นิ้ว, พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย เนื้อทองเหลือง ปางลีลายืน สูง 2.2 เมตร, พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย เนื้อทองแดง ปางลีลายืน สูง 24 นิ้ว และพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน สิงห์สาม เนื้อทองแดงผสมทองเหลือง ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ หน้าตักกว้าง 30 นิ้ว สูง 60 นิ้ว
ระหว่างเข้าตรวจค้นมี นายวสพส เนาวนิรุทธ์ อายุ 50 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองพระพุทธรูปทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบสวน ทราบว่าพระพุทธรูปทั้งหมดรับซื้อมาจากเพื่อนที่รู้จักกันในราคาองค์ละประมาณ 30,000-150,000 บาท ส่วนเหตุผลที่รับซื้อเพราะต้องการบูชาและเก็บสะสมไว้ประดับบารมีเท่านั้น ไม่ได้นำไปขายต่อเอากำไรแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การและจะได้สืบสวนสอบสวนที่มาที่ไปเพื่อพิจารณาดำเนินคดีผู้กระทำความผิดต่อไป
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นครั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันมีการลักลอบโจรกรรมพระพุทธรูปตามวัดต่างๆ เป็นจำนวนมาก ชุดสืบสวน กก.2 บก.ป.จึงลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง กระทั่งพบว่ามีการขนพระพุทธรูปเก่าใส่รถกระบะ ทะเบียน วษ 8632 กทม.ขนเก็บไว้ในบริษัท ไทยโตเทคฯ จึงขออนุมัติหมายค้นศาลเข้าตรวจค้นดังกล่าว ซึ่งชุดจับกุมได้แจ้งให้นายวสพส นำเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ต่อไป
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวต่อไปว่า สำหรับพระพุทธรูปทั้งหมด ขณะนี้รอเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมตรวจสอบว่ามีอายุเก่าแก่แค่ไหนและมาจากแหล่งใด รวมทั้งสามารถครอบครองไว้ได้หรือไม่ หากเจ้าอาวาสหรือพิพิธภัณฑ์ไหนสงสัยว่าเป็นพระที่ถูกขโมยมาให้เข้ามาตรวจสอบของกลางได้ที่กองปราบปรามตลอดเวลา ซึ่งหากมีเจ้าทุกข์เข้าแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งในเบื้องต้นนั้นเข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์ หรือรับของโจร แก่นายวสพส
ต่อมา น.ส.อุษา ง้วนเพียรภาค ภัณฑารักษ์ ชำนาญการพิเศษ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร พร้อมทีมงาน เข้าตรวจสอบพระพุทธรูปที่เจ้าหน้าที่ยึดมาได้ โดยน.ส.อุษา กล่าวว่า พระพุทธรูปส่วนใหญ่เป็น พระพุทธรูปที่สร้างเลียนแบบขึ้นมาได้ประมาณ 10-15 ปี ซึ่งมีเพียงพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย เนื้อทองเหลือง ปางลีลายืน สูง 2.2 เมตร เท่านั้นที่คาดว่าจะเป็นของโบราณ ซึ่งจะประสานให้เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ ตรวจดูความเก่าแก่อีกครั้ง อย่างไรก็ตามผู้ครอบครองมีความผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ และ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 2504 แก้ไขเพิ่มเติม 2535 ผู้ใดซ่อนเร้น จำหน่าย เอาไปเสีย หรือรับซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ๆ ซึ่งโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุอันได้มาโดยการ กระทำความผิดตามมาตรา 31 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกิน ห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำผิดตามวรรคหนึ่งได้กระทำไปเพื่อการค้า ผู้กระทำผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินเจ็ดแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
วันนี้ (28 ธ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.30 น. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป. พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.ชัยพร ศิริเลิศ สว.กก.4 บก.ป. และ พ.ต.ต.เทิม ผิวขำ สว.กก.2 บก.ป. พร้อมกำลังนำหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 1336/2552 เข้าตรวจค้นบริษัท ไทยโตเทค จำกัด เลขที่ 120/25 หมู่ 13 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งเปิดเป็นบริษัทจัดหางาน หลังจากได้รับแจ้งว่ามีการลักลอบนำพระพุทธรูปเก่าแก่ประเมินค่าไม่ได้มาซุกซ่อนไว้ภายในบริษัทดังกล่าว
จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบพระพุทธรูปเก่าแก่ 8 รายการ ประกอบด้วย พระพุทธรูปเชียงแสน เนื้อทองเหลือง ปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร หน้าตักกว้าง 16 นิ้ว สูง 29 นิ้ว, พระพุทธรูปเชียงแสน เนื้อทองเหลือง ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ หน้าตักกว้าง 18 นิ้ว สูง 26 นิ้ว, พระพุทธรูปศิลปะสมัยอู่ทอง เนื้อทองเหลือง ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ หน้าตักกว้าง 20 นิ้ว สูง 34 นิ้ว, พระพุทธรูปสมัยกำแพงเพชร เนื้อทองแดง ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ หน้าตักกว้าง 38 นิ้ว สูง 43 นิ้ว, พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย เนื้อทองแดง ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ หน้าตักกว้าง 38 นิ้ว สูง 46 นิ้ว, พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย เนื้อทองเหลือง ปางลีลายืน สูง 2.2 เมตร, พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย เนื้อทองแดง ปางลีลายืน สูง 24 นิ้ว และพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน สิงห์สาม เนื้อทองแดงผสมทองเหลือง ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ หน้าตักกว้าง 30 นิ้ว สูง 60 นิ้ว
ระหว่างเข้าตรวจค้นมี นายวสพส เนาวนิรุทธ์ อายุ 50 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองพระพุทธรูปทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบสวน ทราบว่าพระพุทธรูปทั้งหมดรับซื้อมาจากเพื่อนที่รู้จักกันในราคาองค์ละประมาณ 30,000-150,000 บาท ส่วนเหตุผลที่รับซื้อเพราะต้องการบูชาและเก็บสะสมไว้ประดับบารมีเท่านั้น ไม่ได้นำไปขายต่อเอากำไรแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การและจะได้สืบสวนสอบสวนที่มาที่ไปเพื่อพิจารณาดำเนินคดีผู้กระทำความผิดต่อไป
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นครั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันมีการลักลอบโจรกรรมพระพุทธรูปตามวัดต่างๆ เป็นจำนวนมาก ชุดสืบสวน กก.2 บก.ป.จึงลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง กระทั่งพบว่ามีการขนพระพุทธรูปเก่าใส่รถกระบะ ทะเบียน วษ 8632 กทม.ขนเก็บไว้ในบริษัท ไทยโตเทคฯ จึงขออนุมัติหมายค้นศาลเข้าตรวจค้นดังกล่าว ซึ่งชุดจับกุมได้แจ้งให้นายวสพส นำเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ต่อไป
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวต่อไปว่า สำหรับพระพุทธรูปทั้งหมด ขณะนี้รอเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมตรวจสอบว่ามีอายุเก่าแก่แค่ไหนและมาจากแหล่งใด รวมทั้งสามารถครอบครองไว้ได้หรือไม่ หากเจ้าอาวาสหรือพิพิธภัณฑ์ไหนสงสัยว่าเป็นพระที่ถูกขโมยมาให้เข้ามาตรวจสอบของกลางได้ที่กองปราบปรามตลอดเวลา ซึ่งหากมีเจ้าทุกข์เข้าแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งในเบื้องต้นนั้นเข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์ หรือรับของโจร แก่นายวสพส
ต่อมา น.ส.อุษา ง้วนเพียรภาค ภัณฑารักษ์ ชำนาญการพิเศษ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร พร้อมทีมงาน เข้าตรวจสอบพระพุทธรูปที่เจ้าหน้าที่ยึดมาได้ โดยน.ส.อุษา กล่าวว่า พระพุทธรูปส่วนใหญ่เป็น พระพุทธรูปที่สร้างเลียนแบบขึ้นมาได้ประมาณ 10-15 ปี ซึ่งมีเพียงพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย เนื้อทองเหลือง ปางลีลายืน สูง 2.2 เมตร เท่านั้นที่คาดว่าจะเป็นของโบราณ ซึ่งจะประสานให้เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ ตรวจดูความเก่าแก่อีกครั้ง อย่างไรก็ตามผู้ครอบครองมีความผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ และ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 2504 แก้ไขเพิ่มเติม 2535 ผู้ใดซ่อนเร้น จำหน่าย เอาไปเสีย หรือรับซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ๆ ซึ่งโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุอันได้มาโดยการ กระทำความผิดตามมาตรา 31 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกิน ห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำผิดตามวรรคหนึ่งได้กระทำไปเพื่อการค้า ผู้กระทำผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินเจ็ดแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ