“วัชระ เพชรทอง” แจ้งจับ “จตุพร” นำข้อมูลเอกสารลับสำคัญต่อประเทศเผยแพร่ต่อสาธารณชน สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อชาติ ระบุทำตัวขายชาติ รับใช้ฮุนเซน พร้อมแจ้งความดำเนินคดี “วีระ” กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม ตีพิมพ์เอกสารลับใน นสพ.ความจริงวันนี้ด้วย
วันนี้ (24 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ธนาเดช หนูเอียด พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.นางเลิ้ง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย และนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช. ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 123 และ 124 หลังทั้งคู่นำเอกสารลับของทางราชการมาเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน และหนังสือพิมพ์ความจริงวันนี้ พร้อมนำหนังสือพิมพ์ความจริงวันนี้ ฉบับวันที่ 22-24 ธ.ค.มามอบให้เป็นหลักฐาน โดยมี พ.ต.ท.ภูเบศ เส้นขาว รองผกก.สส.สน.นางเลิ้ง ร่วมทำการสอบปากคำ
นายวัชระเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากนายจตุพรได้นำเอกสารลับของทางราชการของกระทรวงการต่างประเทศ มาเผยแพร่ลงในบทความของหนังสือพิมพ์ความจริงวันนี้ ฉบับวันที่ 22-24 ธ.ค. ในหน้าที่ 9 คอลัมน์ “สถานีแดง” ซึ่งเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารลับที่สำคัญต่อประเทศจะนำมาเผยแพร่ไม่ได้ แต่นายจตุพรกลับนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประเทศชาติ จึงเข้าข่ายเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 123 ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อความ เอกสาร หรือสิ่งใดๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับ เพื่อความปลอดภัยของประเทศต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี กับมาตรา 124 ผู้ใดกระทำการใดๆ ให้ผู้อื่นล่วงรู้หรือได้ไปซึ่งข้อความ เอกสาร หรือสิ่งใดๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับ เพื่อความปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี เช่นกัน
นายวัชระกล่าวต่อไปว่า ในวันนี้ตนจึงเดินทางมาในฐานะ ส.ส.เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีต่อนายจตุพร ในข้อหานี้ซึ่งสรุปได้ว่า เป็นข้อหาขายชาติ และตนก็ไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายจตุพรเท่านั้น แต่จะแจ้งความดำเนินคดีกับนายวีระ มุสิกพงษ์ ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จำกัด กับบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาของหนังสือพิมพ์ความจริงวันนี้ เนื่องจากเป็นบริษัทที่จัดพิมพ์หนังสือพิมพ์ฉบับนี้จำหน่ายทั่วประเทศ อีกทั้งบริษัทนี้ยังจัดตั้งด้วยเงินทุนจดทะเบียนถึง 90 ล้านบาท จึงอยากฝากไปยัง ปปง.ให้ช่วยตรวจสอบบริษัทนี้ด้วย
“การกระทำของนายจตุพรนั้น ได้สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างร้ายแรงที่สุด เพราะไม่ได้ทำในฐานะประชาชนธรรมดา แต่ทำในฐานะที่เป็น ส.ส. ซึ่งถวายสัตย์ในที่ประชุมรัฐสภาว่าจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ แต่กลับทำตัวเป็นทาสรับใช้ฮุนเซน” นายวัชระกล่าว และว่า “นายจตุพรพูดจาโกหกหลายครั้งหลายหนทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งในสภาและนอกสภา อีกทั้งตั้งแต่เป็น ส.ส.มา 2 ปีเศษ ไม่เคยกลับไปกราบแม่แม้แต่ครั้งเดียว วันนี้ที่ผมเดินทางมาแจ้งความที่ สน.นางเลิ้ง ก็เพราะมีคำว่า “นาง” เผื่อนายจุตพรจะนึกถึงนางนวม บัวแก้ว มาราดาของนายจตุพรขึ้นมาบ้าง และขอให้เลิกทำตัวเป็นทาสของระบอบทักษิณ และเลิกโกหกรายวันได้แล้ว
ด้าน พ.ต.ท.ภูเบศ กล่าวว่า เบื้องต้นจะรับแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจะทำการสอบปากคำผู้แจ้งความร้องทุกข์อย่างละเอียดอีกครั้ง และทำการรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนจะส่งเรื่องให้ทางผู้บังคับบัญชาเป็นผู้พิจารณาต่อไป
ในวันเดียวกัน ที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้แทนฝ่ายกฎหมายรับมอบอำนาจจากปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อให้ดำเนินคดีต่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในข้อหาหมิ่นประมาท เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยทางผู้แทนฝ่ายกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ได้นำเทปบันทึกภาพของสถานีโทรทัศน์ดีทีวี ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเปิดเผยเอกสารลับของกระทรวงการต่างประเทศ มามอบให้กับพนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังพนักงานสอบสวนรับเรื่องและสอบปากคำแล้ว ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นเพื่อขออนุมัติสืบสวนสอบสวนคดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเรื่องเสนอไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)
ส่วนการดำเนินการต่างๆ หากได้รับการอนุมัติสืบสวนสอบสวนนั้น ทางพนักงานสอบสวนก็จะพิจารณาเรียกพยานที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำเพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นผู้ดำเนินรายการทีวีสถานีดังกล่าว เอกสารต่างๆ ที่มีการเผยแพร่ และข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ รวมไปถึงประชาชนที่รับข่าวสารว่ามีความเห็นเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นว่าเข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทบุคคลหรือหน่วยงานใดหรือไม่
ด้านพล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวพนักงานสอบสวน บก.ป.รับคำร้องทุกข์ไว้แล้ว ซึ่งขั้นตอนต่อไปต้องหาพยานหลักฐานต่างๆ ก่อน เรื่องนี้คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งให้เวลาพนักงานสอบสวนดำเนินการก่อน