ASTVผู้จัดการ - ครม.มีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 71 จังหวัด 1-8 บาท อยุธยาสูงสุด ที่เหลือรอเคาะตัวเลข
วานนี้ (29 ธ.ค.) นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจำนวน 71 จังหวัดตั้งแต่ 1-8 บาท/วัน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปรับขึ้นสูงสุด 8 บาท เป็นวันละ 181 บาท ส่วนกรุงเทพฯ ขึ้นอีก 3 บาท เป็น 206 จังหวัดที่มีการปรับขึ้น 7 บาท มี 5 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา , ปราจีนบุรี ลพบุรี นราธิวาส ภูเก็ต 197 บาท จังหวัดที่มีการปรับขึ้น 6 บาท มี 1 จังหวัด คือ อุบลราชธานี
จังหวัดที่มีการปรับขึ้น 5 บาท มี 6 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี พังงา กระบี่ ตรัง และยะลา จังหวัดที่มีการปรับขึ้น 4 บาท มี 20 จังหวัด ได้แก่ ลำพูนนครนายก ชลบุรี จันทบุรี ตราด ชัยนาท สิงห์บุรี กาญจนบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชัยภูมิ ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา สตูล และปัตตานี จังหวัดที่มีการปรับขึ้น 3 บาท มี 11 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ นครสวรรค์ ราชบุรี สมุทรสงคราม ร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม นครราชสีมา สระแก้ว กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ
นอกจากนี้จังหวัดที่มีการปรับขึ้น 2 บาท มี 20 จังหวัด ได้แก่ ลำปาง ตาก กำแพงเพชร หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู นครพนม มุกดาหาร สกลนคร กาฬสินธุ์ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร ชุมพร นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม และสมุทรสาคร จังหวัดที่มีการปรับขึ้น 1 บาท มี 7 จังหวัด ได้แก่ น่าน พะเยา แพร่ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ พิจิตร และเลย
ต่อมาทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังได้มอบหมายให้ รมว.แรงงาน ไปพิจารณาขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้แก่อีก 5 จังหวัดที่ไม่ได้เสนอ ให้มีการปรับขึ้นในครั้งนี้ด้วย ได้แก่ แม่ฮ่องสอน สุโขทัย เชียงราย เพชรบูรณ์ และอุทัยธานี อัตราค่าจ้างที่ปรับขึ้นดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.53
**ปรับค่ารักษาคนรัฐวิสาหกิจ
นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกจำสำนักนายกฯ กล่าวว่าครม.เห็นชอบตามหลักการร่างประกาศคณะกรมการแรงงานรัฐสาหกิจ เพื่อกำหนดอัตราค่ารักษาพยาบาลให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริง ตามความจำเป็น ในกรณีโรงพยาบาลของรัฐให้จ่ายได้เต็มจำนวน หากเป็นเอกชนให้จ่ายได้ไม่เกิน 45,000 บาท ในกรณีค่ารักษาพยาบาลจากสถานพยาบาลของเอกชนไม่เพียงพอให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นเพิ่มอีกได้ไม่เกิน65,000 บาท แต่หากค่ารักษาพยาบาลที่นายจ้างเพิ่ม65,000 บาทไม่เพียงพอสามารถจ่ายเพิ่มได้อีกเมื่อรวมค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดต้องไม่เกิน 200,000 บาท ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ หากค่ารักษาพยาบาลไม่เพียงพอให้จ่ายได้เท่าที่จ่ายจริงแต่รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 300,000 บาท โดยคณะกรรมการแพทย์และรัฐวิสาหกิจให้ความเห็นชอบ
โดยหลักเกณฑ์ วิธีการ อัตราค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงาน กำหนดค่าใช้จ่ายในกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพไม่เกิน 20,000 บาทและค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพอีกไม่เกิน20,000 บาท การจ่ายค่าทำศพเป็นเงินจำนวน 3 เท่าของค่าจ้างรายเดือนเดือนสุดท้าย แต่ต้องไม่น้อยกว่า 100 เท่าของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายวันตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน ส่วนการจ่ายค่าทดแทนรายเดือนสำหรับกรณีที่ลูกจ้างไม่สามารถทำงานติดต่อกันได้ กรณีสูญเสียอวัยวะบางส่วน ทุพพลภาพ และถึงแก่ความตายหรือสูญหาย โดยกำหนดให้แพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเป็นผู้ประเมินการสูญเสียอวัยวะหรือการสูญเสียสมรรถภาพของอวัยวะให้ผู้มีสิทธิได้รับค่าทดแทน ที่มีการประสบอันตราย เจ็บป่วย หรือสูญหายอันเนื่องมาจากการทำงานที่เกิดขึ้นก่อนวันประกาศนี้มีผลใช้บังคับใช้
วานนี้ (29 ธ.ค.) นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจำนวน 71 จังหวัดตั้งแต่ 1-8 บาท/วัน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปรับขึ้นสูงสุด 8 บาท เป็นวันละ 181 บาท ส่วนกรุงเทพฯ ขึ้นอีก 3 บาท เป็น 206 จังหวัดที่มีการปรับขึ้น 7 บาท มี 5 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา , ปราจีนบุรี ลพบุรี นราธิวาส ภูเก็ต 197 บาท จังหวัดที่มีการปรับขึ้น 6 บาท มี 1 จังหวัด คือ อุบลราชธานี
จังหวัดที่มีการปรับขึ้น 5 บาท มี 6 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี พังงา กระบี่ ตรัง และยะลา จังหวัดที่มีการปรับขึ้น 4 บาท มี 20 จังหวัด ได้แก่ ลำพูนนครนายก ชลบุรี จันทบุรี ตราด ชัยนาท สิงห์บุรี กาญจนบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชัยภูมิ ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา สตูล และปัตตานี จังหวัดที่มีการปรับขึ้น 3 บาท มี 11 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ นครสวรรค์ ราชบุรี สมุทรสงคราม ร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม นครราชสีมา สระแก้ว กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ
นอกจากนี้จังหวัดที่มีการปรับขึ้น 2 บาท มี 20 จังหวัด ได้แก่ ลำปาง ตาก กำแพงเพชร หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู นครพนม มุกดาหาร สกลนคร กาฬสินธุ์ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร ชุมพร นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม และสมุทรสาคร จังหวัดที่มีการปรับขึ้น 1 บาท มี 7 จังหวัด ได้แก่ น่าน พะเยา แพร่ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ พิจิตร และเลย
ต่อมาทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังได้มอบหมายให้ รมว.แรงงาน ไปพิจารณาขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้แก่อีก 5 จังหวัดที่ไม่ได้เสนอ ให้มีการปรับขึ้นในครั้งนี้ด้วย ได้แก่ แม่ฮ่องสอน สุโขทัย เชียงราย เพชรบูรณ์ และอุทัยธานี อัตราค่าจ้างที่ปรับขึ้นดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.53
**ปรับค่ารักษาคนรัฐวิสาหกิจ
นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกจำสำนักนายกฯ กล่าวว่าครม.เห็นชอบตามหลักการร่างประกาศคณะกรมการแรงงานรัฐสาหกิจ เพื่อกำหนดอัตราค่ารักษาพยาบาลให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริง ตามความจำเป็น ในกรณีโรงพยาบาลของรัฐให้จ่ายได้เต็มจำนวน หากเป็นเอกชนให้จ่ายได้ไม่เกิน 45,000 บาท ในกรณีค่ารักษาพยาบาลจากสถานพยาบาลของเอกชนไม่เพียงพอให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นเพิ่มอีกได้ไม่เกิน65,000 บาท แต่หากค่ารักษาพยาบาลที่นายจ้างเพิ่ม65,000 บาทไม่เพียงพอสามารถจ่ายเพิ่มได้อีกเมื่อรวมค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดต้องไม่เกิน 200,000 บาท ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ หากค่ารักษาพยาบาลไม่เพียงพอให้จ่ายได้เท่าที่จ่ายจริงแต่รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 300,000 บาท โดยคณะกรรมการแพทย์และรัฐวิสาหกิจให้ความเห็นชอบ
โดยหลักเกณฑ์ วิธีการ อัตราค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงาน กำหนดค่าใช้จ่ายในกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพไม่เกิน 20,000 บาทและค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพอีกไม่เกิน20,000 บาท การจ่ายค่าทำศพเป็นเงินจำนวน 3 เท่าของค่าจ้างรายเดือนเดือนสุดท้าย แต่ต้องไม่น้อยกว่า 100 เท่าของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายวันตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน ส่วนการจ่ายค่าทดแทนรายเดือนสำหรับกรณีที่ลูกจ้างไม่สามารถทำงานติดต่อกันได้ กรณีสูญเสียอวัยวะบางส่วน ทุพพลภาพ และถึงแก่ความตายหรือสูญหาย โดยกำหนดให้แพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเป็นผู้ประเมินการสูญเสียอวัยวะหรือการสูญเสียสมรรถภาพของอวัยวะให้ผู้มีสิทธิได้รับค่าทดแทน ที่มีการประสบอันตราย เจ็บป่วย หรือสูญหายอันเนื่องมาจากการทำงานที่เกิดขึ้นก่อนวันประกาศนี้มีผลใช้บังคับใช้
