ASTVผู้จัดการรายวัน – กรมธนารักษ์เผยปี 53 เพิ่มรายได้บริหารที่ราชพัสดุกว่า 3 พันล้านบาท พร้อมเดินหน้าโครงการเพื่อสังคมมากขึ้น ส่วนโครงการร้านค้าใต้ทางด่วนคาดว่าเร็วๆ นี้นำเสนอเข้าที่ประชุมครม.เพื่ออนุมัติ
รายงานข่าวจากกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 53 นี้ทางกรมวางเป้าหมายที่จะจัดเก็บรายได้จากการบริหารที่ราชพัสดุให้ได้ 3,010 ล้านบาท ขณะที่ได้รับงบประมาณรายจ่าย 3,092.34 ล้านบาท และงบประมาณตามพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 2,671.83 ล้านบาท โดยเฉพาะในโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการ และโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติจ.ภูเก็ตโดยปี 53 นี้จะมีโครงการที่น่าสนใจ เช่น การนำที่ราชพัสดุไปสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 1,000 ไร่ เท่ากับปี 52 ที่ผ่านมาทำได้เกินเป้าหมายไปที่ 15,644 ไร่ โครงการบ้านมั่นคง ที่จะก่อสร้างบ้านเพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยตามชุมชนแออัดต่างๆ เช่นราคาถูกอย่างต่อเนื่องอีก 10 ชุมชน จากปี 52 ทำได้ 16 ชุมชน จากเป้าหมายที่วางไว้ 13 ชุมชน
นอกจากนี้ ยังมีโครงการจัดสร้างศูนย์แห่งความสุข (แฮปปี้เนส เซ็นเตอร์) ซึ่งภายในศูนย์ฯจะมีกิจกรรมต่างๆ อยู่ในบริเวณเดียวกันตามความเหมาะสม เช่น สวนสาธารณะ สนามกีฬา อาคารกีฬาในร่ม สนามฟุตบอล ลานกิจกรรมกลางแจ้ง เป็นต้น รวมถึงให้มีกิจกรรมร้านค้าเชิงธุรกิจ เพื่ออำนวยความสะดวกให้มาใช้บริการ เช่น นวดแผนไทย โรงละคร ซุ้มอาหารเครื่องดื่ม ซึ่งที่ผ่านมายังไม่ได้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม แต่ในปี 53 นี้จะเร่งหารือเพื่อหาแนวทางดำเนินโครงการ โดยมีเป้าหมายจะจัดทำศูนย์ฯ 38 แห่ง และให้บริษัทธนารักษ์ พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) เข้ามาดำเนินการ
รวมถึงโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุเชิงท่องเที่ยว ซึ่งกรมฯ จะคัดเลือกที่ราชพัสดุที่เหมาะสมกับการท่องเที่ยว จากนั้นจะเปิดประมูลเพื่อหาผู้ลงทุนในการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวต่อไป ซึ่งปี 52 ที่ผ่านมามีเป้าหมายจะดำเนินการใน 6 จังหวัด และเริ่มมีความคืบหน้าบ้างแล้วคือ อ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน จ.อำนาจเจริญ ที่กำลังรอข้อสรุปว่าจะให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) หรือเทศบาลเป็นผู้ดำเนินการ เป็นต้น เพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวให้ดีขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล
ส่วนโครงการร้านค้าใต้ทางด่วนนั้น คาดว่าเร็วๆ นี้นำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่ออนุมัติ เนื่องจากก่อนหน้านี้ครม.มีวาระการประชุมหลายเรื่อง จึงยังไม่ทันบรรจุเข้าวาระการประชุมครม.ได้ทัน ซึ่งในรายละเอียดนั้น อาจมีปรับเปลี่ยนบ้าง เนื่องจากการดำเนินโครงการในระยะแรก ที่ใต้ทางด่วนสุขุมวิท 200 บูทนั้น ถือว่าเป็นย่านทำเลที่ดีในการค้าขายและมีนักท่องเที่ยวช็อปปิ้งจำนวนมาก ดังนั้นจึงจะปรับราคาค่าเช่าร้านใหม่ตามพื้นที่ทำเล โดยอาจจะไม่ใช่ราคาเริ่มต้นที่วันละ 100 บาทแล้ว แต่จะเริ่มต้นที่วันละ 300 บาทเป็นต้นไป โดยเมื่อครม.อนุมัติแล้ว ธพส.จะปรับปรุงพื้นที่แล้วเสร็จตามแนวคิดช้อปปิ้งสตรีทภายในไม่เกิน 5 เดือน ส่วนระยะที่ 2 ในพื้นที่ใต้ทางด่วนอื่นอีก 2,150 บูทนั้น อาจจะเริ่มต้นที่วันละ 100 บาทได้
รายงานข่าวจากกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 53 นี้ทางกรมวางเป้าหมายที่จะจัดเก็บรายได้จากการบริหารที่ราชพัสดุให้ได้ 3,010 ล้านบาท ขณะที่ได้รับงบประมาณรายจ่าย 3,092.34 ล้านบาท และงบประมาณตามพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 2,671.83 ล้านบาท โดยเฉพาะในโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการ และโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติจ.ภูเก็ตโดยปี 53 นี้จะมีโครงการที่น่าสนใจ เช่น การนำที่ราชพัสดุไปสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 1,000 ไร่ เท่ากับปี 52 ที่ผ่านมาทำได้เกินเป้าหมายไปที่ 15,644 ไร่ โครงการบ้านมั่นคง ที่จะก่อสร้างบ้านเพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยตามชุมชนแออัดต่างๆ เช่นราคาถูกอย่างต่อเนื่องอีก 10 ชุมชน จากปี 52 ทำได้ 16 ชุมชน จากเป้าหมายที่วางไว้ 13 ชุมชน
นอกจากนี้ ยังมีโครงการจัดสร้างศูนย์แห่งความสุข (แฮปปี้เนส เซ็นเตอร์) ซึ่งภายในศูนย์ฯจะมีกิจกรรมต่างๆ อยู่ในบริเวณเดียวกันตามความเหมาะสม เช่น สวนสาธารณะ สนามกีฬา อาคารกีฬาในร่ม สนามฟุตบอล ลานกิจกรรมกลางแจ้ง เป็นต้น รวมถึงให้มีกิจกรรมร้านค้าเชิงธุรกิจ เพื่ออำนวยความสะดวกให้มาใช้บริการ เช่น นวดแผนไทย โรงละคร ซุ้มอาหารเครื่องดื่ม ซึ่งที่ผ่านมายังไม่ได้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม แต่ในปี 53 นี้จะเร่งหารือเพื่อหาแนวทางดำเนินโครงการ โดยมีเป้าหมายจะจัดทำศูนย์ฯ 38 แห่ง และให้บริษัทธนารักษ์ พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) เข้ามาดำเนินการ
รวมถึงโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุเชิงท่องเที่ยว ซึ่งกรมฯ จะคัดเลือกที่ราชพัสดุที่เหมาะสมกับการท่องเที่ยว จากนั้นจะเปิดประมูลเพื่อหาผู้ลงทุนในการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวต่อไป ซึ่งปี 52 ที่ผ่านมามีเป้าหมายจะดำเนินการใน 6 จังหวัด และเริ่มมีความคืบหน้าบ้างแล้วคือ อ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน จ.อำนาจเจริญ ที่กำลังรอข้อสรุปว่าจะให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) หรือเทศบาลเป็นผู้ดำเนินการ เป็นต้น เพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวให้ดีขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล
ส่วนโครงการร้านค้าใต้ทางด่วนนั้น คาดว่าเร็วๆ นี้นำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่ออนุมัติ เนื่องจากก่อนหน้านี้ครม.มีวาระการประชุมหลายเรื่อง จึงยังไม่ทันบรรจุเข้าวาระการประชุมครม.ได้ทัน ซึ่งในรายละเอียดนั้น อาจมีปรับเปลี่ยนบ้าง เนื่องจากการดำเนินโครงการในระยะแรก ที่ใต้ทางด่วนสุขุมวิท 200 บูทนั้น ถือว่าเป็นย่านทำเลที่ดีในการค้าขายและมีนักท่องเที่ยวช็อปปิ้งจำนวนมาก ดังนั้นจึงจะปรับราคาค่าเช่าร้านใหม่ตามพื้นที่ทำเล โดยอาจจะไม่ใช่ราคาเริ่มต้นที่วันละ 100 บาทแล้ว แต่จะเริ่มต้นที่วันละ 300 บาทเป็นต้นไป โดยเมื่อครม.อนุมัติแล้ว ธพส.จะปรับปรุงพื้นที่แล้วเสร็จตามแนวคิดช้อปปิ้งสตรีทภายในไม่เกิน 5 เดือน ส่วนระยะที่ 2 ในพื้นที่ใต้ทางด่วนอื่นอีก 2,150 บูทนั้น อาจจะเริ่มต้นที่วันละ 100 บาทได้