คลังเตรียมจัดสรรงบไทยเข้มแข็ง สร้างศูนย์ประชุมนานาชาติภูเก็ต-โรงแรมหรู หวังให้เป็นศูนย์กลางการประชุมในอาเซียน คาดเพิ่มมูลค่าที่ราชพัสดุ และเกิดการจ้างงาน เพราะใช้ที่ดินหาดไม้ขาวถึง 150 ไร่ มูลค่าการลงทุน 3.7 พันล้าน
นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังเดินทางไปตรวจดูพื้นที่การก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต (Meeting Incentive Conference Exhibition: MICE) โดยระบุว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบการก่อสร้าง จะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างภายในเดือนธันวาคม 2552 นี้ เพื่อให้การก่อสร้างศูนย์ประชุมแล้วเสร็จ ภายในปี 2554 และเปิดบริการได้ภายในปี 2555
รมช.คลัง กล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับที่ดินราชพัสดุของกรมธนารักษ์ เนื้อที่ 150 ไร่ บริเวณหาดไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต และเกิดการพัฒนาที่ดีในรอบศูนย์ประชุมแล้ว ยังช่วยให้เกิดการจ้างงานในท้องถิ่นด้วย
รัฐบาลได้วางเป้าหมายให้ศูนย์ประชุมดังกล่าวเป็นสถานที่ใช้จัดประชุมระดับนานาชาติในภูมิภาคอาเซียน เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบวงจร รองรับผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 1.6 ล้านคนต่อปี โดยจะมีอาคารศูนย์ประชุมมีห้องประชุมขนาดใหญ่จุได้ถึง 4,000 คน ขนาดกลางจุได้ 2,500 คน และห้องประชุมขนาดเล็ก 4 ห้องๆ ละ 500 คน และห้องประชุมขนาดย่อย
นอกจากนี้ ยังมีอาคารจัดนิทรรศการ โรงแรมระดับ 4 ดาว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและผู้เข้าร่วมประชุม 350 ห้อง และมีพื้นที่จอดรถยนต์และรถบัสได้ถึง 1,000 คัน
ส่วนงบประมาณการก่อสร้างนั้น นพ.พฤฒิชัย กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้เสนอรัฐบาลจัดสรรงบไทยเข้มแข็งมาใช้ดำเนินโครงการ คาดว่า จะเริ่มก่อสร้างได้ปีหน้าแน่นอน โดยโครงการดังกล่าวเป็นการนำพื้นที่เปล่าของที่ราชพัสดุมาพัฒนาเพิ่มมูลค่า เพื่อส่งเสริมธุรกิจจัดการประชุม การท่องเที่ยว การแสดงนิทรรศการและสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่น จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตได้ถึง 2 ล้านคนต่อปี และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมีเงินหมุนเวียนถึง 20,000 ล้านบาท
สำหรับแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งในปี 2553 จ.ภูเก็ต ได้รับงบประมาณทั้งสิ้น 779 ล้านบาท เพื่อจัดสรรโครงกางต่างๆ อาทิเช่น การจัดหาแหล่งน้ำ และพื้นที่ชลประทาน ถนนปลอดฝุ่นรอบเกาะภูเก็ต พัฒนาระบบการขนส่ง ยกระดับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และสถาบันอาชีวศึกษา
นายพฤฒิชัย กล่าวถึงภาพรวมของโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 นั้น กระทรวงการคลังต้องทำควาเมข้าใจกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการ ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่นำมาใช้แทนระเบียบการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี เพื่อให้การมีการเบิกจ่ายงบประมาณ มากระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น โดยระเบียบใหม่จะช่วยให้ขั้นตอน และระยะเวลาในการดำเนินการให้เหลือ 28 วัน จากเดิมใช้เวลาถึง 85 วัน