นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง แถลงว่า นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ไปแทรกแซง ข่มขู่ศาล กรณีการก่อสร้างศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน (สาขาปาย)บนที่ดินของกรมธนารักษ์ ที่ได้เปิดทำการไปแล้วโดยเรื่องนี้ได้มีนักกฎหมายได้รับหนังสือของนายเวียง ขวัญอ้นอินทร์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ทำหนังสือถึงประธานศาลฎีกา เมื่อวันที่24 กันยายน 2552 เพื่อชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมของการก่อสร้างอาคาร ที่ทำการศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน (สาขาปาย) จำนวน 24 หน้า เพื่อให้ทราบถึงปัญหาการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลฯ วงเงิน5,404,000 ล้านบาท ซึ่งรู้สึกว่าถูกกระทำจากนักการเมืองคือนายกอร์ปศักด์
สำหรับรายละเอียดในหนังสือดังกล่าวสรุปว่า หลังจากผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้รับมอบหมายให้หาที่ดินใช้เป็นที่ก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน(สาขาปาย)ตามนโยบายของประธานศาลฎีกา เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในท้องที่ทุรกันดาร ได้ประสานกับนายปัญญา สอนจันทร์ ธนารักษ์พื้นที่แม่ฮ่องสอน และนายธงชัย วงษ์เหรียญทอง ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน ได้แนะนำที่ดินราชพัสดุ 2 แปลง เป็นที่ว่างเปล่า สามารถใช้เป็นที่ทำการอาคารศาลได้
โดยท้ายที่สุดได้ที่ดินราชพัสดุทะเบียนเลขที่ มส 289 ซึ่งจากข้อมูลที่ดินดังกล่าวเคยมีผู้ขอใช้ประโยชน์ในที่ดินเกือบ 10 ราย รวมถึงเอกชนจะขอใช้สร้างศูนย์ บริการการท่องเที่ยว โรงละคร แต่กรมป่าไม้ไม่ยินยอมให้หน่วยงานหรือเอกชนใดใช้ กรมป่าไม้ได้อนุญาตให้ใช้ที่ดินดังกล่าวและมีการทำสัญญา ในช่วงเวลาทำหนังสืออนุญาตในที่ดินพบว่ามีความผิดปกติ มีความพยายามให้มีการเปลี่ยนแปลงที่ดิน ที่รับมอบ ซึ่งเคยไปชี้แจงข้อเท็จจริงกับกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งมีนายวราเทพ กันทาดี ผู้ที่อ้างตนเป็นคนสนิทของนายกอร์ปศักดิ์ คัดค้านแปลงที่ดินดังกล่าว พร้อมทั้งได้รวบรวมรายชื่อประชาชนมาร่วมคัดค้านด้วย สอดคล้องกับหนังสือของนายกอร์ปศักดิ์ ที่ได้ทำหนังสือไปถึงผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอนเพื่อคัดค้านการก่อสร้าง
นายจตุพร กล่าวว่า เอกสารระบุด้วยว่า ในระหว่างการก่อสร้างอาคาร ที่ทำการศาลนั้น ได้ถูกคนฝ่ายการเมืองในท้องถิ่นพูดผ่าน ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอนว่า จะเอาเงินค่าก่อสร้างที่ลงไปแล้วเท่าใดจะจ่ายคืนให้ จะหางบประมาณอีกเป็นร้อยเป็นพันล้านมาให้แก่สำนักงานศาลยุติธรรม เท่ากับซื้อโครงการของศาลยุติธรรม ซื้อสถานะชีวิตของผู้พิพากษาหัวหน้าศาล หรือเพียรพยายามใช้เงินซื้อศาลยุติธรรม สุดแล้วแต่ผู้มีอำนาจทางการเมืองและทางการเงินจะดำเนินการได้
นายจตุพร กล่าวว่า นายกอร์ปศักดิ์ มีโรงแรมอยู่ที่ปาย อยู่ใกล้ศาล มีภรรยา เป็นผู้จัดการโรงแรม มีคนสนิทเป็นประธานชมรมการท่องเที่ยวปาย เรื่องนี้มีการส่งซิกกันเป็นทอด และนายกอร์ปศักดิ์เคยไปพูดในการประชุมข้าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนเมื่อวันที่ 3 ก.ค. เวลา 13.00 น.พาดพิงถึงผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอนในทำนองว่าเขาทำลายอำเภอปาย เขาไม่สนใจเพราะเขาไม่ใช่คนปาย ไม่ใช่ ส.ส.อำเภอปาย เขาไม่ใช่พวกเราที่รักจังหวัดของเรา เขาไม่แคร์ สร้างเสร็จเขาก็ไป ในเรื่องการตั้งศาลจะต้องมีการออกเป็นกฎหมาย ซึ่งนายกอร์ปศักดิ์ ไม่มีสิทธิ์ไปว่าผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน อีกทั้งนายกอร์ปศักดิ์อาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน มีธุรกิจโรงแรม จึงไม่อยากให้มีการตั้งศาลเพื่อกระทบธุรกิจ
อยากถามว่ามีประชาชน นักท่องเที่ยวไปไหว้พระที่วัดพระแก้ว แล้วจะต้อง ย้ายศาลฎีกาออกไปอย่างนั้นหรือ คำอ้างดังกล่าวของนายกอร์ปศักดิ์ฟังไม่ขึ้น นี่เป็นเรื่องที่ลุแก่อำนาจ มีรัฐบาลชุดไหนกล้าด่าศาลกลางที่ประชุมศาลากลางฯ ทำเหมือนหัวหน้าคณะศาลเป็นลูกน้อง และนายกอร์ปศักดิ์ยังไม่หยุดแค่นั้น ยังบีบ ให้กรมธนารักษ์ส่งมอบที่ดินอีก 1 แปลงไปให้สร้างแทน ซึ่งเป็นที่ไม่มีมูลค่าและน้ำท่วมด้วย อีกทั้งยังมีการโยกงบศาลดุสิตไปสร้างที่จ.แม่ฮ่องสอนแทน
นายจตุพร กล่าวว่า ความจริงแล้วตนอยากให้มีการปรับนายกอร์ปศักดิ์ ออกไปให้พ้น ครม.เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนและมีพฤติกรรมขี้ฉ้อ ขนาดฝรั่งมาเช่าบ้านพักก็ไปแยกเป็น 3 สัญญา เรื่องที่เกิดขึ้นกับศาลแม่ฮ่องสอนถือเป็นการ ย่ำยีศักดิ์ศรีศาล เพียงแค่ไปสร้างขัดใจภรรยานายกอร์ปศักดิ์ จึงย้ายที่ทำการศาลไปที่อื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการปรับนายกอร์ปศักดิ์พ้นจากครม.จะดำเนินการ อย่างไร นายจตุพร กล่าวว่า ขอร้องนายกรัฐมนตรีว่าอย่าเพิ่งปรับนายกอร์ปศักดิ์ ออกจากตำแหน่ง ไปเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพราะยังมีหลายเรื่องที่จะต้องตรวจสอบ โดยจะนำข้อมูลไปอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอย่างแน่นอน ทั้งหมด ยิ่งกว่าใบเสร็จ ไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนไปสั่งศาล จะเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่จะต้องให้มีผลอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป
สำหรับรายละเอียดในหนังสือดังกล่าวสรุปว่า หลังจากผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้รับมอบหมายให้หาที่ดินใช้เป็นที่ก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน(สาขาปาย)ตามนโยบายของประธานศาลฎีกา เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในท้องที่ทุรกันดาร ได้ประสานกับนายปัญญา สอนจันทร์ ธนารักษ์พื้นที่แม่ฮ่องสอน และนายธงชัย วงษ์เหรียญทอง ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน ได้แนะนำที่ดินราชพัสดุ 2 แปลง เป็นที่ว่างเปล่า สามารถใช้เป็นที่ทำการอาคารศาลได้
โดยท้ายที่สุดได้ที่ดินราชพัสดุทะเบียนเลขที่ มส 289 ซึ่งจากข้อมูลที่ดินดังกล่าวเคยมีผู้ขอใช้ประโยชน์ในที่ดินเกือบ 10 ราย รวมถึงเอกชนจะขอใช้สร้างศูนย์ บริการการท่องเที่ยว โรงละคร แต่กรมป่าไม้ไม่ยินยอมให้หน่วยงานหรือเอกชนใดใช้ กรมป่าไม้ได้อนุญาตให้ใช้ที่ดินดังกล่าวและมีการทำสัญญา ในช่วงเวลาทำหนังสืออนุญาตในที่ดินพบว่ามีความผิดปกติ มีความพยายามให้มีการเปลี่ยนแปลงที่ดิน ที่รับมอบ ซึ่งเคยไปชี้แจงข้อเท็จจริงกับกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งมีนายวราเทพ กันทาดี ผู้ที่อ้างตนเป็นคนสนิทของนายกอร์ปศักดิ์ คัดค้านแปลงที่ดินดังกล่าว พร้อมทั้งได้รวบรวมรายชื่อประชาชนมาร่วมคัดค้านด้วย สอดคล้องกับหนังสือของนายกอร์ปศักดิ์ ที่ได้ทำหนังสือไปถึงผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอนเพื่อคัดค้านการก่อสร้าง
นายจตุพร กล่าวว่า เอกสารระบุด้วยว่า ในระหว่างการก่อสร้างอาคาร ที่ทำการศาลนั้น ได้ถูกคนฝ่ายการเมืองในท้องถิ่นพูดผ่าน ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอนว่า จะเอาเงินค่าก่อสร้างที่ลงไปแล้วเท่าใดจะจ่ายคืนให้ จะหางบประมาณอีกเป็นร้อยเป็นพันล้านมาให้แก่สำนักงานศาลยุติธรรม เท่ากับซื้อโครงการของศาลยุติธรรม ซื้อสถานะชีวิตของผู้พิพากษาหัวหน้าศาล หรือเพียรพยายามใช้เงินซื้อศาลยุติธรรม สุดแล้วแต่ผู้มีอำนาจทางการเมืองและทางการเงินจะดำเนินการได้
นายจตุพร กล่าวว่า นายกอร์ปศักดิ์ มีโรงแรมอยู่ที่ปาย อยู่ใกล้ศาล มีภรรยา เป็นผู้จัดการโรงแรม มีคนสนิทเป็นประธานชมรมการท่องเที่ยวปาย เรื่องนี้มีการส่งซิกกันเป็นทอด และนายกอร์ปศักดิ์เคยไปพูดในการประชุมข้าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนเมื่อวันที่ 3 ก.ค. เวลา 13.00 น.พาดพิงถึงผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอนในทำนองว่าเขาทำลายอำเภอปาย เขาไม่สนใจเพราะเขาไม่ใช่คนปาย ไม่ใช่ ส.ส.อำเภอปาย เขาไม่ใช่พวกเราที่รักจังหวัดของเรา เขาไม่แคร์ สร้างเสร็จเขาก็ไป ในเรื่องการตั้งศาลจะต้องมีการออกเป็นกฎหมาย ซึ่งนายกอร์ปศักดิ์ ไม่มีสิทธิ์ไปว่าผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน อีกทั้งนายกอร์ปศักดิ์อาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน มีธุรกิจโรงแรม จึงไม่อยากให้มีการตั้งศาลเพื่อกระทบธุรกิจ
อยากถามว่ามีประชาชน นักท่องเที่ยวไปไหว้พระที่วัดพระแก้ว แล้วจะต้อง ย้ายศาลฎีกาออกไปอย่างนั้นหรือ คำอ้างดังกล่าวของนายกอร์ปศักดิ์ฟังไม่ขึ้น นี่เป็นเรื่องที่ลุแก่อำนาจ มีรัฐบาลชุดไหนกล้าด่าศาลกลางที่ประชุมศาลากลางฯ ทำเหมือนหัวหน้าคณะศาลเป็นลูกน้อง และนายกอร์ปศักดิ์ยังไม่หยุดแค่นั้น ยังบีบ ให้กรมธนารักษ์ส่งมอบที่ดินอีก 1 แปลงไปให้สร้างแทน ซึ่งเป็นที่ไม่มีมูลค่าและน้ำท่วมด้วย อีกทั้งยังมีการโยกงบศาลดุสิตไปสร้างที่จ.แม่ฮ่องสอนแทน
นายจตุพร กล่าวว่า ความจริงแล้วตนอยากให้มีการปรับนายกอร์ปศักดิ์ ออกไปให้พ้น ครม.เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนและมีพฤติกรรมขี้ฉ้อ ขนาดฝรั่งมาเช่าบ้านพักก็ไปแยกเป็น 3 สัญญา เรื่องที่เกิดขึ้นกับศาลแม่ฮ่องสอนถือเป็นการ ย่ำยีศักดิ์ศรีศาล เพียงแค่ไปสร้างขัดใจภรรยานายกอร์ปศักดิ์ จึงย้ายที่ทำการศาลไปที่อื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการปรับนายกอร์ปศักดิ์พ้นจากครม.จะดำเนินการ อย่างไร นายจตุพร กล่าวว่า ขอร้องนายกรัฐมนตรีว่าอย่าเพิ่งปรับนายกอร์ปศักดิ์ ออกจากตำแหน่ง ไปเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพราะยังมีหลายเรื่องที่จะต้องตรวจสอบ โดยจะนำข้อมูลไปอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอย่างแน่นอน ทั้งหมด ยิ่งกว่าใบเสร็จ ไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนไปสั่งศาล จะเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่จะต้องให้มีผลอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป