นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วงต้นปีหน้ากระทรวงการคลังเตรียมจะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.... ซึ่งเป็นการควบรวมภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่เข้าด้วยกัน เพื่อปรับปรุงภาษีทรัพย์สินให้ทันสมัย ยุติธรรม กระจายภาระภาษีให้ครอบคลุมมากขึ้น และสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่จำเป็นต้องนำเม็ดรายได้เพื่อนำไปดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อกระจายรายได้ให้กับประชาชนทั่วประเทศ
"ผมเชื่อว่าพ.ร.บ.ภาษีที่ดินดังกล่าวนี้จะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มากในชั้นของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา แต่ในรอบปีที่ผ่านมากระทรวงการคลังก็ได้รับฟังความเห็นจากประชาชนอย่างกว้างขวางและหลากหลายเพื่อปรับปรุงพ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยหลักการยังคงเดิมที่เพิ่มรายได้ให้รัฐบาล จากปัจจุบันรายได้หลักมาจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ซึ่งหน้าที่จัดเก็บจะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น" นายกรณ์ กล่าว
สำหรับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ผ่านการปรับลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3% เหลือ 0.01% และเพิ่มลดหย่อนภาษีในการซื้อบ้านใหม่ไม่เกิน 3 แสนบาทนั้น ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปและจะไม่เปิดเผยรายละเอียดใดๆ ว่าจะยังคงมาตรการหรือไม่ เพื่อมิให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับกลุ่มบุคคลใด อีกทั้งการที่อายุมาตรการต่างๆ จะหมดลงสิ้นปีนี้ซึ่งมีผลให้ประชาชนเร่งซื้อขายและโอนบ้านในช่วงนี้ ก็เป็นไปตามเป้าหมายของมาตรการที่ต้องการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ให้คึกคักในปี 52 และส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมด้วย ส่วนปีหน้าหากจะต่อหรือยกเลิกมาตรการก็ไม่จำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติภายในปีนี้
นายกรณ์ กล่าวว่า ต่อจากนี้สิ่งที่กระทรวงการคลังต้องการเน้นในปี 53 คือการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้เท่าเทียมกัน โดยจะเร่งสร้างความโปร่งใสด้านการค้าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ดึงนักลงทุนเพื่อลงทุนในประเทศและกลุ่มประเทศอาเซียนที่จะรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวในอนาคต
นอกจากนี้จากปัญหาการระงับโครงการก่อสร้างในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ส่วนหนึ่งก็เป็นสิ่งดีที่รัฐบาลจะได้หาสมดุลระหว่างการพัฒนากับสิ่งแวดล้อม ดังนั้นโดยรวมตนมีความหวังที่ดีกับเศรษฐกิจปีหน้าเพราะในแง่นโยบายแล้วกำลังเดินหน้าไปด้วยดีและเป็นรูปธรรม รวมถึงได้รับรายงานดัชนีการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 24%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมก็ขึ้นสูงเกิน 100 ดีที่สุดในรอบ 42 เดือน
"ผมเชื่อว่าพ.ร.บ.ภาษีที่ดินดังกล่าวนี้จะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มากในชั้นของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา แต่ในรอบปีที่ผ่านมากระทรวงการคลังก็ได้รับฟังความเห็นจากประชาชนอย่างกว้างขวางและหลากหลายเพื่อปรับปรุงพ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยหลักการยังคงเดิมที่เพิ่มรายได้ให้รัฐบาล จากปัจจุบันรายได้หลักมาจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ซึ่งหน้าที่จัดเก็บจะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น" นายกรณ์ กล่าว
สำหรับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ผ่านการปรับลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3% เหลือ 0.01% และเพิ่มลดหย่อนภาษีในการซื้อบ้านใหม่ไม่เกิน 3 แสนบาทนั้น ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปและจะไม่เปิดเผยรายละเอียดใดๆ ว่าจะยังคงมาตรการหรือไม่ เพื่อมิให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับกลุ่มบุคคลใด อีกทั้งการที่อายุมาตรการต่างๆ จะหมดลงสิ้นปีนี้ซึ่งมีผลให้ประชาชนเร่งซื้อขายและโอนบ้านในช่วงนี้ ก็เป็นไปตามเป้าหมายของมาตรการที่ต้องการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ให้คึกคักในปี 52 และส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมด้วย ส่วนปีหน้าหากจะต่อหรือยกเลิกมาตรการก็ไม่จำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติภายในปีนี้
นายกรณ์ กล่าวว่า ต่อจากนี้สิ่งที่กระทรวงการคลังต้องการเน้นในปี 53 คือการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้เท่าเทียมกัน โดยจะเร่งสร้างความโปร่งใสด้านการค้าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ดึงนักลงทุนเพื่อลงทุนในประเทศและกลุ่มประเทศอาเซียนที่จะรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวในอนาคต
นอกจากนี้จากปัญหาการระงับโครงการก่อสร้างในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ส่วนหนึ่งก็เป็นสิ่งดีที่รัฐบาลจะได้หาสมดุลระหว่างการพัฒนากับสิ่งแวดล้อม ดังนั้นโดยรวมตนมีความหวังที่ดีกับเศรษฐกิจปีหน้าเพราะในแง่นโยบายแล้วกำลังเดินหน้าไปด้วยดีและเป็นรูปธรรม รวมถึงได้รับรายงานดัชนีการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 24%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมก็ขึ้นสูงเกิน 100 ดีที่สุดในรอบ 42 เดือน
