เอเจนซีส์ – ผู้ชายเจ้าชู้กรุ้มกริ่มมีโอกาสสูงที่จะเอาชนะใจสาว ในจังหวะที่ผู้หญิงอยู่ในช่วงที่พร้อมเจริญพันธุ์มากที่สุด ทั้งนี้ เป็นผลการวิจัยจากอังกฤษ
ดร. เอ็ดเวิร์ด มอร์ริสัน นักจิตวิทยาวิวัฒนาการจากมหาวิทยาลัยพอร์ทสมัธ อังกฤษ ขอให้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้หญิงพิจารณาการแสดงออกบนใบหน้าแบบต่างๆ และพบว่าเมื่ออยู่ในช่วงเวลาตกไข่ ผู้หญิงจะชอบผู้ชายที่แสดงสีหน้าเจ้าชู้กรุ้มกริ่มมากกว่าผู้ชายที่นิ่งๆ
“ถ้าเราอยากเอาชนะใจใครสักคนในปาร์ตี้คริสต์มาส การเกี้ยวพาราสีอย่างมีชั้นเชิงแต่เปิดเผยอาจช่วยได้
“ความสามารถในการอ่านและตีความสีหน้า และการรับรู้ว่าคุณกำลังส่งสัญญาณอะไรด้วยการแสดงออกทางใบหน้า จะช่วยเพิ่มโอกาสที่คุณจะจีบผู้หญิงสำเร็จ
“คงยากที่จะนิยามว่าการทำตัวเจ้าชู้ประกอบด้วยอะไรบ้าง และหลายอย่างอาจเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่ดูเหมือนว่าในกรณีที่ไม่มีสัญญาณอื่นๆ ‘สัญญาณทางสังคม’ ของความเคลื่อนไหวบนใบหน้าอาจมีอิทธิพลต่อสิ่งที่เราเห็นว่ามีเสน่ห์ดึงดูด” ดร. มอร์ริสันอธิบาย
ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ในอาร์ไคฟ์ส ออฟ เซ็กซ์ชวล บีแฮฟวิเออร์ นักวิจัยได้สร้างโมเดลใบหน้าที่เป็นภาพเคลื่อนไหวซึ่งอิงกับความเคลื่อนไหวบนใบหน้าของคนจริงๆ และตัดจุดเด่นอื่นๆ บนใบหน้าออก และให้อาสาสมัครหญิง 16 คนให้คะแนนความกรุ้มกริ่มของใบหน้าเหล่านั้น
จากนั้นนักวิจัยจะขอให้อาสาสมัครหญิงอีกกลุ่มจำนวน 47 คนให้คะแนนว่าใบหน้าใดมีเสน่ห์มากที่สุด โดยให้คะแนนตั้งแต่ 1-7
หลังจากวัดระดับความเคลื่อนไหวของใบหน้า นักวิจัยพบว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบใบหน้าที่มีความเคลื่อนไหวมากกว่า ซึ่งสามารถสรุปได้ว่าผู้หญิงรับรู้ถึงสัญญาณทางสังคมที่สื่อถึงการเกี้ยวพา
“การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่าเสน่ห์ดึงดูดไม่ได้ยึดติดกับลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งบนใบหน้า
“การเปลี่ยนแปลงวิธีเคลื่อนไหวของใบหน้าอาจทำให้เราดูมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ดร.มอร์ริสันสำทับว่า ไม่สามารถชี้ชัดว่าความเคลื่อนไหวแบบไหนที่ทำให้ผู้หญิงตีความว่าเป็นใบหน้าที่เจ้าชู้กรุ้มกริ่ม
“วิทยาศาสตร์ยังต้องสำรวจตรวจค้นอีกมากเกี่ยวกับสูตรมหัศจรรย์สำหรับสิ่งที่ผู้หญิงคิดว่าเป็นเสน่ห์ในตัวผู้ชาย
ดร. มอร์ริสันเสริมว่า การวิจัยนี้สนับสนุนงานศึกษาหลายชิ้นที่ระบุว่า พฤติกรรมและความชอบของผู้หญิงมักแตกต่างจากปกติระหว่างรอบเดือน
กล่าวคือในช่วงไข่ตก ผู้หญิงจะชอบผู้ชายตัวสูง ใบหน้ามีความเป็นชายชาตรีและเสียงทุ้ม
“ความชื่นชอบในลักษณะเหล่านี้ระหว่างที่พร้อมเจริญพันธุ์มากที่สุด หมายถึงผู้หญิงมีโอกาสมากขึ้นที่จะถ่ายทอดลักษณะที่ว่าให้แก่ลูก” ดร. มอร์ริสันกล่าว
ดร. เอ็ดเวิร์ด มอร์ริสัน นักจิตวิทยาวิวัฒนาการจากมหาวิทยาลัยพอร์ทสมัธ อังกฤษ ขอให้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้หญิงพิจารณาการแสดงออกบนใบหน้าแบบต่างๆ และพบว่าเมื่ออยู่ในช่วงเวลาตกไข่ ผู้หญิงจะชอบผู้ชายที่แสดงสีหน้าเจ้าชู้กรุ้มกริ่มมากกว่าผู้ชายที่นิ่งๆ
“ถ้าเราอยากเอาชนะใจใครสักคนในปาร์ตี้คริสต์มาส การเกี้ยวพาราสีอย่างมีชั้นเชิงแต่เปิดเผยอาจช่วยได้
“ความสามารถในการอ่านและตีความสีหน้า และการรับรู้ว่าคุณกำลังส่งสัญญาณอะไรด้วยการแสดงออกทางใบหน้า จะช่วยเพิ่มโอกาสที่คุณจะจีบผู้หญิงสำเร็จ
“คงยากที่จะนิยามว่าการทำตัวเจ้าชู้ประกอบด้วยอะไรบ้าง และหลายอย่างอาจเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่ดูเหมือนว่าในกรณีที่ไม่มีสัญญาณอื่นๆ ‘สัญญาณทางสังคม’ ของความเคลื่อนไหวบนใบหน้าอาจมีอิทธิพลต่อสิ่งที่เราเห็นว่ามีเสน่ห์ดึงดูด” ดร. มอร์ริสันอธิบาย
ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ในอาร์ไคฟ์ส ออฟ เซ็กซ์ชวล บีแฮฟวิเออร์ นักวิจัยได้สร้างโมเดลใบหน้าที่เป็นภาพเคลื่อนไหวซึ่งอิงกับความเคลื่อนไหวบนใบหน้าของคนจริงๆ และตัดจุดเด่นอื่นๆ บนใบหน้าออก และให้อาสาสมัครหญิง 16 คนให้คะแนนความกรุ้มกริ่มของใบหน้าเหล่านั้น
จากนั้นนักวิจัยจะขอให้อาสาสมัครหญิงอีกกลุ่มจำนวน 47 คนให้คะแนนว่าใบหน้าใดมีเสน่ห์มากที่สุด โดยให้คะแนนตั้งแต่ 1-7
หลังจากวัดระดับความเคลื่อนไหวของใบหน้า นักวิจัยพบว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบใบหน้าที่มีความเคลื่อนไหวมากกว่า ซึ่งสามารถสรุปได้ว่าผู้หญิงรับรู้ถึงสัญญาณทางสังคมที่สื่อถึงการเกี้ยวพา
“การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่าเสน่ห์ดึงดูดไม่ได้ยึดติดกับลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งบนใบหน้า
“การเปลี่ยนแปลงวิธีเคลื่อนไหวของใบหน้าอาจทำให้เราดูมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ดร.มอร์ริสันสำทับว่า ไม่สามารถชี้ชัดว่าความเคลื่อนไหวแบบไหนที่ทำให้ผู้หญิงตีความว่าเป็นใบหน้าที่เจ้าชู้กรุ้มกริ่ม
“วิทยาศาสตร์ยังต้องสำรวจตรวจค้นอีกมากเกี่ยวกับสูตรมหัศจรรย์สำหรับสิ่งที่ผู้หญิงคิดว่าเป็นเสน่ห์ในตัวผู้ชาย
ดร. มอร์ริสันเสริมว่า การวิจัยนี้สนับสนุนงานศึกษาหลายชิ้นที่ระบุว่า พฤติกรรมและความชอบของผู้หญิงมักแตกต่างจากปกติระหว่างรอบเดือน
กล่าวคือในช่วงไข่ตก ผู้หญิงจะชอบผู้ชายตัวสูง ใบหน้ามีความเป็นชายชาตรีและเสียงทุ้ม
“ความชื่นชอบในลักษณะเหล่านี้ระหว่างที่พร้อมเจริญพันธุ์มากที่สุด หมายถึงผู้หญิงมีโอกาสมากขึ้นที่จะถ่ายทอดลักษณะที่ว่าให้แก่ลูก” ดร. มอร์ริสันกล่าว
