เอเอฟพี/เอเจนซี – สำนักข่าวไอเอสเอ็นเอของอิหร่านรายงานว่า อยาตอลเลาะห์ ฮอสเซน อาลี มอนตาเซอรี ผู้นำศาสนาที่เป็นผู้ต่อต้านรัฐบาลอิหร่านคนสำคัญ ซึ่งเคยวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจัด อย่างรุนแรง ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อคืนวันเสาร์ (19) ในวัย 87 ปี
มอนตาเซอรีเคยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากอยาตอลเลาะห์ รูฮอลเลาะห์ โคไมนี ซึ่งเป็นผู้นำการปฏิวัติอิหร่านเมื่อปี 1979 ทว่าได้เกิดวิวาทะกับโคไมนีในปี 1989 เกี่ยวกับการประหารหมู่นักโทษ จนกระทั่งผู้นำสูงสุดคนปัจจุบัน คือ อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ได้ครองตำแหน่งนี้ภายหลังโคไมนีสิ้นชีวิตในปี 1989 นั้นเอง
ที่ผ่านมา มอนตาเซอรีเป็นผู้วิจารณ์การรวบอำนาจไว้ในมือของผู้นำสูงสุดและเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญเพื่อจำกัดอำนาจของผู้นำลง ถึงแม้เขาเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ขึ้นภายหลังการปฏิวัติอิหร่านด้วย
มอนตาเซอรีเป็นแรงบันดาลใจคนสำคัญให้กับผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชนและพวกสนับสนุนการปฏิรูป ในฐานะที่เขาเป็นผู้นำสูงสุดที่ยังมีชีวิตอยู่ขององค์กรศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ในอิหร่าน
มอนตาเซอรีวิจารณ์อาห์มาดิเนจัดอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับนโยบายทั้งภายในประเทศ นโยบายต่างประเทศ และยังเรียกร้องผู้นำศาสนาคนอื่นๆ อย่านิ่งเฉยต่อปัญหาต่างๆ และต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน นอกจากนั้น เขาเป็นผู้หนึ่งที่ออกมาคัดค้านผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อกลางปีนี้ ซึ่งระบุว่าอาห์มาดิเนจัดชนะแบบท่วมท้น
ส่วนประเด็นการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม เขาเรียกร้องให้อิหร่านเจรจากับสหรัฐฯ โดยตรงเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม
ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 มอนตาเซอรีวิพากษ์วิจารณ์ข้อห้ามทางการเมืองและวัฒนธรรมอย่างเปิดเผย จนโคไมนีต้องสั่งให้เขาเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและมุ่งไปที่เรื่องการสอนศาสนาเป็นหลัก แต่เขายังคงเป็นนักวิจารณ์ฝีปากกล้า และเคยถูกกักตัวในบ้านเป็นเวลานานถึง 5 ปี หลังจากพ้นโทษนี้แล้ว เขาก็ยังออกมายืนยันว่าจะปกป้องเสรีภาพและความยุติธรรมต่อไป
มอนตาเซอรีเคยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากอยาตอลเลาะห์ รูฮอลเลาะห์ โคไมนี ซึ่งเป็นผู้นำการปฏิวัติอิหร่านเมื่อปี 1979 ทว่าได้เกิดวิวาทะกับโคไมนีในปี 1989 เกี่ยวกับการประหารหมู่นักโทษ จนกระทั่งผู้นำสูงสุดคนปัจจุบัน คือ อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ได้ครองตำแหน่งนี้ภายหลังโคไมนีสิ้นชีวิตในปี 1989 นั้นเอง
ที่ผ่านมา มอนตาเซอรีเป็นผู้วิจารณ์การรวบอำนาจไว้ในมือของผู้นำสูงสุดและเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญเพื่อจำกัดอำนาจของผู้นำลง ถึงแม้เขาเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ขึ้นภายหลังการปฏิวัติอิหร่านด้วย
มอนตาเซอรีเป็นแรงบันดาลใจคนสำคัญให้กับผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชนและพวกสนับสนุนการปฏิรูป ในฐานะที่เขาเป็นผู้นำสูงสุดที่ยังมีชีวิตอยู่ขององค์กรศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ในอิหร่าน
มอนตาเซอรีวิจารณ์อาห์มาดิเนจัดอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับนโยบายทั้งภายในประเทศ นโยบายต่างประเทศ และยังเรียกร้องผู้นำศาสนาคนอื่นๆ อย่านิ่งเฉยต่อปัญหาต่างๆ และต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน นอกจากนั้น เขาเป็นผู้หนึ่งที่ออกมาคัดค้านผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อกลางปีนี้ ซึ่งระบุว่าอาห์มาดิเนจัดชนะแบบท่วมท้น
ส่วนประเด็นการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม เขาเรียกร้องให้อิหร่านเจรจากับสหรัฐฯ โดยตรงเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม
ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 มอนตาเซอรีวิพากษ์วิจารณ์ข้อห้ามทางการเมืองและวัฒนธรรมอย่างเปิดเผย จนโคไมนีต้องสั่งให้เขาเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและมุ่งไปที่เรื่องการสอนศาสนาเป็นหลัก แต่เขายังคงเป็นนักวิจารณ์ฝีปากกล้า และเคยถูกกักตัวในบ้านเป็นเวลานานถึง 5 ปี หลังจากพ้นโทษนี้แล้ว เขาก็ยังออกมายืนยันว่าจะปกป้องเสรีภาพและความยุติธรรมต่อไป
