“กู...ไอ้(เสธ.)แดง พ่อทุกสถาบัน”
งานนี้ หาก “บิ๊กป๊อก-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” ผู้บัญชาการทหารบก ไม่สามารถจัดการกับ “พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล” หรือ (เสธ.) แดงได้ เราคงได้เห็นข้อความเหล่านี้พ่นตามกำแพงของสถานที่สาธารณะต่างๆ ทั่วทั้งเมือง และถ้าจะให้ดีและ “เจ็บ” กว่านี้ ก็คงต้องไปพ่นกำแพงกองทัพบกหรือไม่ก็ที่กำแพงบ้านของบิ๊กป๊อกเสียเลยจะได้รู้แล้วรู้รอด
เพราะขนาดมีประจักษ์พยานและหลักฐานชัดๆ อย่างนี้แล้ว พล.อ.อนุพงษ์จัดการไม่ได้ ก็สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องยกเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารบกให้เสธ.แดงไปเสีย
และดูเหมือนว่า สถานการณ์ล่าสุดจะเป็นไปทำนองนั้นเสียด้วย
ทั้งนี้ หลังจากที่กองทัพบกตั้งข้อหาความผิดทางวินัยของเสธ.แดงและส่งเรื่องต่อไปยังกระทรวงกลาโหมด้วยข้อหา 2 กระทงใหญ่ๆ ด้วยกันคือ 1.การลาราชการไปต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต จากกรณีที่เสธ.แดงเดินทางไปประเทศกัมพูชา เพื่อพบกับ นช.ทักษิณ ชินวัตร และนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และ 2.การให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์กองทัพและผู้บังคับบัญชา ดูเหมือนว่าเสธ.แดงจะไม่ยี่หระกับคำสั่งดังกล่าวแม้แต่น้อย แถมยังออกมาด่ากราดเข้าใส่บรรดา “บิ๊กๆ” ของกองทัพบกและกระทรวงกลาโหมอีกต่างหาก
โดยเฉพาะพล.อ.อนุพงษ์นั้น เสธ. แดงเปิดปากให้สัมภาษณ์ราวกับว่า ไม่ใช่ผบ.ทบ.หากเป็นเพียงแค่ ไอ้เณรหรือไม่ก็ทหารชั้นประทวนเท่านั้น เพราะมีทั้งอ้างความเป็นเพื่อน อ้างความอาวุโส และขู่ให้เลื่อนยศเป็น พล.ท.อีกต่างหาก
"ขอเรียนถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก โดยตรงในฐานะเพื่อนว่า ท่านแปลเจตนาของผมผิด กลายเป็นว่าผมไปปลุกปั่นทหารพรานออกมา เพื่อรบกับทหารหลัก ความจริง ผบ.ทบ.ต้องหนักแน่น เพราะท่านเป็นผู้บังคับบัญชาของผม และผมไม่เคยอคติ ท่านจำได้หรือไม่ว่า เราเป็นเพื่อนวิ่งเล่นด้วยกันมา พล.อ.อนุพงษ์ ติดยศพลตรีหลังผม 5 ปี และผมอาวุโสสุดในกองทัพไทย ดังนั้น ต้องให้ผมเป็นพลโทด้วย ไม่ใช่จะมาพักราชการผม เพราะผมไม่มีความผิดทางวินัย”
ขณะที่พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก หลังออกมาให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการที่กองทัพบกจะจัดการกับ เสธ.แดง ก็ถูกอัดกลับด้วยข้อความที่รุนแรงว่า “ผมจะเดินไปตบปากต่อหน้าสาธารณชน ขณะที่ให้สัมภาษณ์สื่อเลยมาพูดอย่างนี้ได้อย่างไร เดี๋ยวจะเจอสงครามระหว่าง จปร.กับ จปร. ประชาชนไม่ต้องตกใจ คอยดูนักรบกับนักกอล์ฟสู้กัน มึงสั่งพักราชการเมื่อไหร่เจอดีแน่"
เช่นเดียวกับ พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ที่โดนสั่งสอนเข้าด้วยคำพูดว่า “ปลัดกลาโหมก็หูเบา ฟังไม่รู้เรื่องกลับมาด่าผมว่าเป็นทหารสารเลว อยากถามว่าผมทำอะไรให้ ความจริงผมติดนายพลก่อนท่าน ดังนั้น ที่มาด่าผมจะต้องขอโทษผมด้วย”
ที่เด็ดไปกว่านั้นก็คือ อีกไม่กี่วันถัดมา เสธ.แดง ยังได้เดินทางไปยังกรมพระธรรมนูญเพื่อขอความเป็นธรรมกรณีคณะกรรมการสอบสวนไต่สวนการพักราชการ พร้อมทั้งนำเอกสารหลักฐานเพื่อให้สอบ พล.อ.อนุพงษ์ ในมีความผิดฐานให้ร้ายผู้บังคับบัญชา โดยข่มขู่ให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง และจะยื่นหนังสือร้องเรียนต่อกระทรวงกลาโหม ที่ไม่เรียก พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ อดีตประธานกรรมาธิการทหาร สมัยรัฐบาลนายสมชาย มาสอบตามคำสั่งอัยการ จากกรณีที่ผู้บัญชาการ (ผบ.) เหล่าทัพ ร่วมกันออกสถานีโทรทัศน์ช่อง 3
เรียกว่า ทั้งเดินหน้าชนและเอาคืนพล.อ.อนุพงษ์อย่างไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย แถมยังขู่ด้วยว่าจะทำหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พี่เอื้อยแห่งบูรพาพยัคฆ์ ที่มีความสัมพันธ์กันแนบแน่นกับตัวเองอีกด้วย
กรณีของเสธ. แดงนั้น มีการวิเคราะห์กันว่า เหตุที่เขามีความกร่างชนิดไม่กลัวใครนั้น เป็นเพราะเขามี “ลูกพี่” ให้การหนุนหลังชนิดที่ไม่เป็นสองรองใครอีกด้วย ทั้งลูกพี่เก่าผู้เคยยิ่งใหญ่สมัย “รสช.” เรืองอำนาจ โมฆะบุรุษเหนียงหยานแห่งพรรคเพื่อไทย และลูกพี่ใหม่ที่กำลังเป็นใหญ่สูงสุดอยู่ในกระทรวงกลาโหม ณ ขณะนี้
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาท่าทีล่าสุดของ พล.อ.ประวิตรแล้ว ก็จะพบว่า ยังคงเป็นไปด้วยน้ำเสียงที่เอ็นดู โดยยืนยันว่าทุกอย่างจะดำเนินการตามกฎหมาย และกฎระเบียบนายทหาร และจะให้ความเป็นธรรม กับน้องแดงอย่างเต็มที่
ยิ่งเมื่อมีการถามจี้ลงไปว่าจำเป็นต้องพักราชการหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตรก็มีท่าทีที่ชัดเจนว่าจะปกป้องน้องสุดที่รักคนนี้ต่อไป และขณะนี้ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ เนื่องจากต้องพิจารณาอีกครั้งว่า น้องแดงทำความผิดอะไร พร้อมกันนี้มองว่า พล.ต.ขัตติยะจะพิจารณาได้เองว่าสมควรจะยุติการเคลื่อนไหวหรือไม่ รวมทั้งสังคมจับตาดูอยู่
ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากท่าทีที่เกิดขึ้น ก็ส่อให้เห็นว่า (เสธ.) แดงก็น่าจะยังคงอยู่ดีกินดีบนเส้นทางสายนี้อีกต่อไปอีกนาน
