วันที่ 14 ธันวาคม 2552 เป็นอีกวันหนึ่งที่ทักษิณ ชินวัตร และพรรคพวกสามารถทำข่าวใหญ่ในสื่อมวลชนได้สำเร็จ พวกเขาไปชุมนุมกันที่กรุงพนมเปญโดยมีสมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นเจ้าภาพ เนื่องในโอกาสการปล่อยตัวนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ออกจากเรือนจำเพรยซอ ซึ่งพวกเขาถือว่าเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่สามารถจัดฉากแสดงปาหี่ทางการเมืองตบตาชาวโลกได้สำเร็จ ในฐานะที่เป็นคนไทยที่เฝ้าดูพฤติกรรมการเล่นการเมืองแบบสกปรกของคนจำพวกนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ ข้าพเจ้ามีข้อสังเกตและข้อคิดดังต่อไปนี้
1.มหกรรมแสดงปาหี่การเมืองที่พวกทักษิณใช้กัมพูชาเป็นฐานปฏิบัติการป่วนประเทศไทย ตั้งแต่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยของทักษิณพาคณะไปสวามิภักดิ์ต่อฮุนเซน (21 ต.ค.) สมเด็จฯ ฮุนเซน แต่งตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษาฯ (4 พ.ย.) ทักษิณขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไปกรุงพนมเปญ (10 พ.ย.) กัมพูชาจับตัวศิวรักษ์ ชุติพงษ์ (12 พ.ย.) ศาลกรุงพนมเปญพิพากษาจำคุกและปรับศิวรักษ์ในข้อหาจารกรรมความลับของฮุนเซน (8 ธ.ค.) และกษัตริย์กัมพูชาพระราชทานอภัยโทษแก่ศิวรักษ์ (11 ธ.ค.) จนกระทั่งถึงการทำพิธีฉลองผลงานแสดงการฉ้อฉลตบตาให้ชาวโลกทราบเพื่อหาคะแนนนิยมจากคนไทย (14 ธ.ค.) แต่ละขั้นตอนทำได้รวดเร็วแต่ไม่ค่อยแนบเนียนเท่าไร
จากวันที่ศาลตัดสินลงโทษจำคุกศิวรักษ์ 7 ปี ถึงวันที่กษัตริย์กัมพูชาทรงลงพระปรมาภิไธย พระราชทานอภัยโทษนั้นใช้เวลาเพียง 2 วันเศษ ในวันที่ 11 ธันวาคม ขณะที่พรรคเพื่อไทยกำลังจะเดินทางไปยื่นคำขอพระราชทานอภัยโทษศิวรักษ์นั้น มีข่าวออกมาจากกรุงพนมเปญว่า กษัตริย์กัมพูชาได้พระราชทานอภัยโทษให้เรียบร้อยแล้ว เพื่อเพิ่มเครดิตให้ทักษิณ ข่าวจากกรุงพนมเปญอ้างด้วยว่าฮุนเซนทำตามคำขอทางโทรศัพท์จากทักษิณ ดูเหมือนทักษิณ-ฮุนเซนจะทุ่มสุดตัวในการสร้างปัญหาให้รัฐบาลไทย โดยไม่คำนึงถึงหลักการ ความชอบธรรมหรือผลประโยชน์ของประชาชนของประเทศทั้งสองเลย
2.คนพันธุ์ทักษิณคงจะมองว่าทักษิณเป็นคนเก่ง ขออะไรจากฮุนเซนก็ได้ แต่ความจริงพวกเขามีผลประโยชน์ร่วมกัน (หมูไปไก่มา) ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทักษิณให้ประโยชน์แก่ฮุนเซ็นมากในสมัยเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย ตอนนี้เป็นพันธมิตรร่วมกันในความพยายามที่จะโค่นล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์เพื่อเอาทักษิณหรือคนพันธุ์ทักษิณกลับมาเป็นรัฐบาลไทยจะได้หาผลประโยชน์ต่อไปได้สะดวก
นอกจากนั้นฮุนเซนเองก็ใจร้อนไม่น้อยกว่าทักษิณในการปล่อยตัวศิวรักษ์ เพราะมีข่าวสะพัดทั่วโลกแล้วว่าฮุนเซนร่วมกับทักษิณจับคนไทยเป็นเหยื่อการเมือง ในขณะที่ไม่จับนายวันโนเรียะซึ่งเอาข้อมูลการบินของทักษิณให้ เพราะเขาเป็นคนกัมพูชานั้นประการหนึ่ง ประการที่สอง ถ้าปล่อยให้เรื่องยืดเยื้อ การลงโทษผู้ที่ไม่ทำอะไรผิดนั้น เขาจะถูกประณามจากชาวโลกมากขึ้น ประการที่สาม ฮุนเซนไม่พร้อมที่จะทนต่อแรงบีบคั้นจากรัฐบาลและองค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลก เพราะรัฐบาลฮุนเซนต้องพึ่งความช่วยเหลือต่างประเทศปีละหลายร้อยล้านบาท
3.รัฐบาลฮุนเซนเป็นคนพันธุ์เดียวกับทักษิณ ขาดความรับผิดชอบชั่วดี ชอบทำร้ายคู่แข่งโดยลุแก่อำนาจ ปกครองประเทศโดยรวมอำนาจเบ็ดเสร็จ ทั้งอำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ การทำกิจกรรมป่วนรัฐบาลอย่างยืดเยื้ออย่างคนเสื้อแดงทำในไทยนั้นทำไม่ได้เด็ดขาด ถ้าผู้นำไม่ถูกยิงทิ้งก็ถูกจับเข้าคุก ฉะนั้น คนที่แนะตามเว็บไซต์ว่ากัมพูชาพระราชทานอภัยโทษศิวรักษ์ได้ภายใน 3 วัน ทำไมของไทยจะพระราชทานอภัยทักษิณโดยเร็วไม่ได้ คนที่ทำเรื่องจัดฉากเพื่อกระทบชิ่งระบบยุติธรรมของไทยก็ดี คนที่หวังจะให้กษัตริย์ไทยพระราชทานอภัยโทษแก่ทักษิณโดยเร็วก็ดี จะถูกต่อต้านโดยคนไทยอย่างรุนแรงมากขึ้น
4.ทักษิณวางมาดเหมือนผู้นำประเทศมหาอำนาจ โดยใช้เครื่องบินส่วนตัวบินเข้ากัมพูชาอีกครั้ง (13 ธ.ค.) เพื่อไปทำพิธีรับมอบตัวศิวรักษ์เหยื่อทางการเมืองของทักษิณ-ฮุนเซน-ชวลิต ในวันที่ 14 ธันวาคม มีข่าวว่ารัฐบาลฮุนเซนใช้กำลังพิเศษ 300 คน อารักขาทักษิณจากสนามบินตรงไปยังเรือนจำเพรยซอ พวกเขาพยายามสร้างภาพเหมือนกับว่า คนไทยจะบุกเข้าไปลอบทำร้ายทักษิณในกัมพูชา ความจริงนั้นอยากให้ฮุนเซนและพรรคพวกทราบด้วยความเอ็นดูว่า ทักษิณคงจะเป็นโรคประสาทหลอน อันเป็นผลจากการก่อกรรมทำเข็ญไว้มากในแผ่นดินไทย คนชังทักษิณนั้นมีมากก็จริง แต่พวกเขาเป็นชาวพุทธที่เชื่อในกฎแห่งกรรม พวกเขาทำอะไรตรงไปตรงมา ไม่ลอบทำร้ายคน และไม่อยากให้ทักษิณตายแบบวีรบุรุษ แต่ให้เขาตายอย่างทรมาน พลัดลูกพลัดเมีย พลัดบ้านพลัดเมืองเหมือนตกนรกทั้งเป็นอย่างทุกวันนี้ เพราะเขาได้โกงชาติและทำลายผลประโยชน์ของประเทศมากกว่าใครๆ ในประวัติศาสตร์ชาติไทย
คงยังจำกันได้ว่า เรื่องคาร์บอมม์ลอบสังหารทักษิณก็เป็นเรื่องจัดฉาก ทักษิณแสร้งกล่าวโทษพลเอกพัลลพ ปิ่นมณี ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ตอนนั้น พลเอกพัลลพ เป็นรอง ผอ.กอรมน. ในขณะที่ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี และผอ.กอรมน. ภายหลังทักษิณถูกโค่นล้มหนีไปอยู่ต่างประเทศไม่นาน พัลลพเดินทางเข้า-ออกที่พักทักษิณเยี่ยงสหายคนสนิท ควรทราบด้วยว่าพลเอกพัลลพ เป็นคนๆ เดียวกันกับคนที่ทำงานให้ทักษิณในการระเบิดถล่มมัสยิดกรือเซะที่จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2004 ทำให้คนตาย 32 คน ขณะนั้นทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี และ ผอ.กอ.รมน. พัลลพเป็นรอง ผอ.กอ.รมน. และชวลิต ยงใจยุทธ เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เราคนไทยเห็นผลงานเหล่านี้ คนกัมพูชาและคนพันธุ์ทักษิณคงมองไม่เห็น
5.การที่ฮุนเซน-ทักษิณสามารถจับตัวศิวรักษ์ให้ศาลพิพากษาลงโทษและพระราชทานอภัยโทษ ทำเสร็จทุกอย่างภายในเวลา 28 วันนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้รับความร่วมมือจากศิวรักษ์และมารดาด้วย (แต่คงไม่ใช่ร่วมมือกันจัดฉากแต่ต้นดังที่บางคนคิด) มารดาของศิวรักษ์ ชุติพงษ์ คือนางสิมารักษ์ ณ นครพนม ดูเหมือนจะเป็น “คนเสื้อแดง” และครอบครัวมีความใกล้ชิดกับทักษิณ ฉะนั้น เธอคงทำตามคำแนะนำของผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยด้วยดี เปลี่ยนตัวทนายความใหม่ยอมรับว่าลูกทำผิดโดยไม่อุทธรณ์ทั้งๆ ที่ลูกไม่ได้ทำผิด
การที่เธอยอมรับว่าลูกทำผิดโดยไม่ยื่นอุทธรณ์นั้นเป็นเรื่องน่าเห็นใจ เพราะคนที่เป็นแม่นั้นก็คิดถึงลูกมาก่อนโดยธรรมชาติ หลักการและศักดิ์ศรีของชาติเป็นเรื่องรอง แต่กรณีที่เธอพูดผ่านสื่อมวลชนตามกระแสความต้องการของ “คนพันธุ์ทักษิณ” โดยเรียกร้องให้นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกสถานทูตไทยออกมารับผิดชอบแทนลูกเธอนั้น ได้ทำลายความรู้สึกดีๆ และความเห็นใจครอบครัวศิวรักษ์ไปเกือบหมด รัฐบาลได้ช่วยศิวรักษ์อย่างเต็มที่มาแต่ต้น (ไม่เชื่อลองไปตรวจสอบดูว่าค่าตัวของทนายความเภา สุภา กับเขียว สัมโบ ต่างกันเท่าไร ใครออกเงินค่าทนายความให้) เธอไม่รู้หรือว่าคำรบมีเอกสิทธิทางการทูตจึงถูกขับออกนอกประเทศ คำรบถูกทำร้ายไปแล้ว
ที่สำคัญคือ เธอควรรู้ด้วยว่าสิ่งที่ศิวรักษ์และคำรบทำนั้นไม่ได้ทำผิดตามกฎหมายของกัมพูชา และไม่ได้ทำผิดตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ถ้าคำรบสละเอกสิทธิทางการทูตได้และไปต่อสู้กันในศาลกัมพูชา และในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ กฎหมายป่าของฮุนเซนคงไม่มีวันชนะ
6.รัฐบาลฮุนเซนได้สร้างเรื่องขบขันที่เราหัวเราะไม่ออก ศาลกัมพูชาตัดสินลงโทษศิวรักษ์จำคุก 7 ปี (ไม่เบาเลย) และปรับอีก 10 ล้านเรียล หรือ 85,000 บาท (ไม่น้อยเลย) ก่อนปล่อยตัว “นักโทษ” 1 วัน กระบอกเสียงของฮุนเซนออกมาประกาศให้ชาวโลกรู้ว่า ยินดีให้ศิวรักษ์ (นักโทษฐานจารกรรมความลับเกี่ยวกับความมั่นคงของกัมพูชาให้ไทย) กลับไปทำงานที่เดิมได้อีก มีที่ใดในโลกที่เขาทำกันเช่นนี้บ้าง? นั่นเท่ากับยอมรับว่าศิวรักษ์ไม่ได้ทำผิดจริง อยากให้ฮุนเซนขอโทษศิวรักษ์และประชาชนชาวไทยด้วย
7.เป็นเรื่องน่าคิดว่าคนไทยที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทยเขียนหนังสือขอบคุณฮุนเซนที่ปล่อยตัวศิวรักษ์ออกมานั้นเป็นคน (ไทย) หรือเปล่า เพราะนั่นเท่ากับให้ผู้นำของไทยไปรับผิดในสิ่งที่คนไทยไม่ได้ทำผิด นายกรัฐมนตรีของไทยจะต้องเป็นคนรักศักดิ์ศรี รู้อะไรผิดอะไรถูก รู้ใครเป็นคนรักชาติ คนปล้นชาติ รวมทั้งตัวการและผู้สมคบของพวกเขาด้วย และเมื่อพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ก็จะไม่ไปกราบกรานคนต่างชาติมาช่วยกันเผาแผ่นดินอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของตัว
8.บัดนี้ทางการกัมพูชาได้ปล่อยตัวศิวรักษ์แล้ว คนพันธุ์ทักษิณและพรรคพวกฮุนเซน ช่วยกันผูกปมแก้ปมเองแล้วอ้างความดีความชอบให้ทักษิณ และพรรคการเมืองของทักษิณ พวกเขาแสดงความยินดีปรีดาอย่างออกหน้าออกตาว่าได้ช่วยพรรคทักษิณหาคะแนนนิยม (ไม่ใช่ที่ได้ช่วยให้ศิวรักษ์ออกจากคุก) ได้มาก โดยไม่สนใจใยดีต่อความเสียหายต่อประชาชนคนไทยโดยส่วนรวมเลย
ดูเหมือนมหกรรมทำร้ายไทยครั้งนี้ สามารถสร้างกระแสนิยมให้แก่ทักษิณในหมู่ชน “คนรักทักษิณ” จริง แต่ในขณะเดียวกัน คนชังทักษิณก็ดูเหมือนจะเพิ่มความชังมากขึ้น โอกาสที่จะปรองดองกันดูเหมือนจะยากขึ้น โอกาสที่ทักษิณจะมีชีวิตกลับประเทศไทยและอยู่นอกเรือนจำก็คงจะมีน้อยลง แม้ถ้าพรรคเพื่อไทยจะได้ครองอำนาจในอนาคต ก็คงไม่สามารถปกครองประเทศได้ เพราะในทัศนะของคนเสื้อเหลือง เสื้อชมพู เสื้อน้ำเงิน และคนไม่มีสี จำนวนท่วมท้นมองว่าทักษิณเป็นคนขายชาติไปแล้ว
อภิสิทธิ์ไม่เสียคะแนนนิยม และไม่เสียหน้าตามที่ “คนรักทักษิณ” สร้างกระแสให้คนเชื่อ ท่านไม่มีภาพขายชาติ แต่อาจจะเสียคะแนนนิยมไปบ้างจากคนที่เรียกร้องให้ท่านตอบโต้ฮุนเซนอย่างเข้มแข็งหรือมีชั้นเชิงมากกว่านี้
9.ถามว่าต่อไปนี้รัฐบาลไทยควรแก้ปัญหากัมพูชาที่ฮุนเซน-ทักษิณสร้างขึ้นอย่างไร?
ประการแรก รัฐบาลควรหยุดพูดถึงเงื่อนไขที่ว่าฮุนเซนต้องถอนคำสั่งแต่งตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษาฯ หรือทิกษิณต้องลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาฯ ก่อนที่จะมีการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตสู่ระดับเอกอัครราชทูตดังเดิม แต่ในทางปฏิบัติ ก็ขอให้ยึดหลักการนั้น เพราะการกระทำเช่นนั้นของฮุนเซนเท่ากับประกาศตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อไทยก่อน ไทยมีสิทธิเลือกที่จะปฏิบัติต่อกัมพูชาในฐานะรัฐปฏิปักษ์ได้ตามความเหมาะสม ไม่ต้องใจร้อนฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต ปล่อยให้พฤติกรรมความโลภโมโทสันของทักษิณเผาผลาญตนเอง หรือฮุนเซนเองมีอันจะเป็นไปเพราะหาเรื่องใส่ตัว เชิญเอาคนกาลกิณีมาเป็นที่ปรึกษา
ประการที่สอง รัฐบาลไทยมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องขอตัวผู้ร้าย (ทักษิณ) จากรัฐบาลกัมพูชาให้ส่งตัวทักษิณให้ไทย ตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่ทำกันในปี 2008 ให้ทำเรื่องขอใหม่ทุกครั้ง แล้วทำหลักฐานเอกสารคำขอ และคำตอบถ้ามี แล้วเผยแพร่ให้ต่างประเทศทุกประเทศทราบ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่ให้ที่พักพิง) โดยให้ข้อมูลละเอียดว่าทักษิณได้ทำผิดอะไรทั้งที่ศาลตัดสินแล้ว และยังไม่ได้ตัดสิน รัฐบาลไทยต้องชี้ให้ต่างชาติเห็นว่า คำตัดสินไม่ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้ตามสัญญานั้น ฮุนเซนตัดสินเองโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการทางศาล
ประการที่สาม รัฐบาลไทยต้องทำข้อมูลและสื่อสารความจริงให้คนไทย คนกัมพูชา และชาวโลกทราบว่าปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ชวลิต ยงใจยุทธไปหาฮุนเซนเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2009 ใครทำอะไรที่สมควรยกย่องว่าเป็นคนไทยที่แท้จริง พฤติกรรมอย่างไร ถือว่าเป็นคนขายชาติ คนทรยศต่อชาติ หรือคนชักศึกเข้าบ้าน และรัฐบาลไทยควรจะสื่อสารให้ชาวโลกทราบว่าโอกาสที่ทักษิณจะกลับมาเป็นใหญ่ในไทยนั้นไม่มีแล้ว ประเทศที่ให้ที่พักพิงจะต้องไม่ยอมให้เขาทำกิจกรรมทางการเมืองป่วนประเทศไทย มิเช่นนั้น เราควรจัดให้เข้าเป็นประเทศปรปักษ์และหามาตรการอันเหมาะสมตอบโต้ ทั้งหมดนี้ต้องทำอย่างระมัดระวัง อย่าเลยเถิดเอาลัทธิหลงชาติมาใช้
10.เป็นหน้าที่ของคนไทย (ไม่เฉพาะพรรคประชาธิปัตย์) ที่จะปลุกคนไทยให้ตื่นตัวว่า ถ้าเราปล่อยให้ทักษิณหรือพรรคการเมืองของทักษิณขึ้นมาเป็นรัฐบาลแล้ว ประเทศไทยจะเสียหายอะไร อย่างไร ผู้ที่เป็นรัฐบาลจะต้องทำงานอย่างจริงจังในการรักษาผลประโยชน์ของไทยเกี่ยวกับดินแดนที่พิพาทกัมพูชาบริเวณที่ติดต่อกับประสาทพระวิหาร การปักปันเขตแดนในน่านน้ำอ่าวไทย
หมายเหตุ
ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2552 เป็นต้นไป ติดตามอ่านบทความเกี่ยวกับปัญหาไทย-กัมพูชาได้ในเว็บไซต์ของศูนย์โลกสัมพันธ์ไทย : www.thaiworld.org