ASTV ผู้จัดการรายวัน - ทิศทางตลาดรถยนต์ฟื้นตัวชัด ยอดขายเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 23.8% พุ่งสูงสุดในรอบ 53 เดือนที่ผ่านมา คาดธ.ค.นี้ขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้ตัวเลขปีนี้น่าจะปิดที่ 5.2 แสนคัน ขณะที่ “เมอร์เซเดส-เบนซ์” เผยยังไม่มั่นใจเศรษฐกิจจะฟื้นจริง ประกาศแผนรักษาผู้นำตลาดรถหรูปีหน้า รุกขยายตลาดลูกค้าองค์กร และปูพรมเปิดโชว์รูมเคลื่อนที่เจาะตรงลูกค้าทั่วประเทศพ.ย.ยอดขายรถพุ่งสูงสุด53เดือน
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ 11 เดือน(ม.ค.-พ.ย.)ของปี 2552 มีปริมาณทั้งสิ้น 476,786 คัน ลดลง 14.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเฉพาะเดือนพฤศจิกายนปีนี้ มีปริมาณการขาย 57,031 คัน เพิ่มขึ้น 23.8%
“ตลาดรถเดือนพฤศจิกายนที่เพิ่มขึ้น 23.8% ถือว่าเติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 53 เดือนที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่ง หรือเก๋งเติบโต 32.3% สูงสุดในรอบปี อันเป็นผลจากความนิยมอย่างต่อเนื่องของเก๋งหลายรุ่น รวมถึงรถรุ่นใหม่ที่มีการแนะนำเข้าสู่ตลาดในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโต 18.2% โดยตลาดปิกอัพขนาด 1 ตัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 18.9% เพิ่มสูงสุดในรอบปีเช่นกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ประกอบกับราคาสินค้าการเกษตรที่ปรับราคาสูงขึ้น”
ทั้งนี้ในส่วนของยอดขายสะสม 11 เดือนตลาดรถยนต์ ที่ลดลง 14.3% นับ เป็นอัตราการเติบโตที่หดตัวน้อยที่สุดของปี เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยตลาดเก๋งมีอัตราการเติบโตลดลง 1.7% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ลดลง 21.5% และแม้ยอดขายรถสะสมจะยังคงหดตัว แต่เป็นการหดตัวที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจต่างๆที่มีทิศทางเพิ่มขึ้น แสดงถึงการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจ ประกอบกับราคาพืชผลทางการเกษตรที่ปรับขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ อาทิ แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ที่งบประมาณถูกส่งเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง
“สำหรับตลาดรถเดือนธันวาคม คาดว่าจะมีปริมาณการขายดีขึ้น ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาธันวาคมเป็นเดือนที่มียอดขายสูงสุดของปีอยู่แล้ว ประกอบกับค่ายรถต่างๆ ได้มีการแนะนำรถรุ่นใหม่ และรุ่นพิเศษ ตลอดจนนำเสนอเงื่อนไขพิเศษต่างๆ ต่อผู้บริโภค สำหรับในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป และต่อเนื่องตลอดเดือนธันวาคม รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโดยรวมมีสัญญาณการฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์ไทยปีนี้ น่าอยู่ที่ประมาณการไว้ 520,000 คัน”นายวุฒิกรกล่าว
เบนซ์เจาะทั่วปท.รับมือศก.ผันผวน
นาย อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์(ประเทศไทย) จำกัด บริษัทในเครือเดมเลอร์ เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยจะชะลอตัว แต่ในส่วนของเมอร์เซเดส-เบนซ์สามารถรักษายอดขายที่เป็นบวกไว้ได้ โดยมีปริมาณการขาย 11 เดือนแรกของปีนี้ จำนวนกว่า 3,500 คัน เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 2% ถือเป็นไม่กี่แห่งจากทั่วโลกของกลุ่มธุรกิจของเดมเลอร์ ที่สามารถทำตัวเลขยอดขายเป็นบวกได้ในปีนี้
“สำหรับตัวเลขถึงสิ้นปีขอไม่สรุปล่วงหน้าจะเป็นเท่าไหร่ แต่เรามั่นใจจะเป็นผู้นำตลาดรถหรูหราแน่นอน และตั้งเป้าหมายปีหน้าเมอร์เซเดส-เบนซ์จะรักษาสถานะตรงนี้ไว้ แม้ยังไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจริงไม่ รวมถึงความผันผวนทางการเมืองของไทย ฉะนั้นเมอร์เซเดส-เบนซ์จึงต้องทำงานอย่างหนักในปีหน้า เช่นเดียวกับที่เราทำในปีนี้ และประสบความสำเร็จด้วยดี ด้วยการเตรียมแผนที่จะรับมือสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นบวกและลบ”
นายเพาฟเลอร์กล่าวว่า โดยแผนรับมือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองไทย ซึ่งหากทิศทางออกมาเป็นบวกก็ต้องเตรียมเรื่องของไลน์สินค้าที่จะทำตลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขึ้นไลน์ประกอบรถยนต์ในประเทศ(CKD) รวมถึงรุ่นที่จะนำเข้าจากต่างประเทศ(CBU) หรือหากเป็นลบก็ต้องมามีกลวิธีตั้งรับ ในการรักษาหรือเพิ่มยอดขายให้ได้ตามเป้าหมาย
“จากนี้ไปเมอร์เซเดส-เบนซ์จะรุกตลาดรถยนต์ฟรีต หรือรถสำหรับลูกค้าองค์กร ด้วยการกระจายบทบาทให้ตัวแทนจำหน่าย หรือดีลเลอร์ได้ทำตลาดมากขึ้น โดยมีเราเป็นผู้ให้การสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคา หรือแพ็กเกจบริการต่างๆ และต้นปีหน้าเป็นต้นไปเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะใช้กลยุทธ์เปิดโชว์รูมเคลื่อนที่ไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นจุดที่เราและดีลเลอร์ยังเข้าไม่ถึงลูกค้า โดยโชว์รูมเคลื่อนที่นี้จะเข้าไปเจาะพื้นที่นั้นๆ หมุนเวียนกันไป คาดว่าจากรุกตลาดในทุกๆ ด้าน จะทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์มียอดขายเพิ่มขึ้น”นายเพาฟเลอร์กล่าว
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ 11 เดือน(ม.ค.-พ.ย.)ของปี 2552 มีปริมาณทั้งสิ้น 476,786 คัน ลดลง 14.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเฉพาะเดือนพฤศจิกายนปีนี้ มีปริมาณการขาย 57,031 คัน เพิ่มขึ้น 23.8%
“ตลาดรถเดือนพฤศจิกายนที่เพิ่มขึ้น 23.8% ถือว่าเติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 53 เดือนที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่ง หรือเก๋งเติบโต 32.3% สูงสุดในรอบปี อันเป็นผลจากความนิยมอย่างต่อเนื่องของเก๋งหลายรุ่น รวมถึงรถรุ่นใหม่ที่มีการแนะนำเข้าสู่ตลาดในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโต 18.2% โดยตลาดปิกอัพขนาด 1 ตัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 18.9% เพิ่มสูงสุดในรอบปีเช่นกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ประกอบกับราคาสินค้าการเกษตรที่ปรับราคาสูงขึ้น”
ทั้งนี้ในส่วนของยอดขายสะสม 11 เดือนตลาดรถยนต์ ที่ลดลง 14.3% นับ เป็นอัตราการเติบโตที่หดตัวน้อยที่สุดของปี เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยตลาดเก๋งมีอัตราการเติบโตลดลง 1.7% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ลดลง 21.5% และแม้ยอดขายรถสะสมจะยังคงหดตัว แต่เป็นการหดตัวที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจต่างๆที่มีทิศทางเพิ่มขึ้น แสดงถึงการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจ ประกอบกับราคาพืชผลทางการเกษตรที่ปรับขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ อาทิ แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ที่งบประมาณถูกส่งเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง
“สำหรับตลาดรถเดือนธันวาคม คาดว่าจะมีปริมาณการขายดีขึ้น ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาธันวาคมเป็นเดือนที่มียอดขายสูงสุดของปีอยู่แล้ว ประกอบกับค่ายรถต่างๆ ได้มีการแนะนำรถรุ่นใหม่ และรุ่นพิเศษ ตลอดจนนำเสนอเงื่อนไขพิเศษต่างๆ ต่อผู้บริโภค สำหรับในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป และต่อเนื่องตลอดเดือนธันวาคม รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโดยรวมมีสัญญาณการฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์ไทยปีนี้ น่าอยู่ที่ประมาณการไว้ 520,000 คัน”นายวุฒิกรกล่าว
เบนซ์เจาะทั่วปท.รับมือศก.ผันผวน
นาย อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์(ประเทศไทย) จำกัด บริษัทในเครือเดมเลอร์ เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยจะชะลอตัว แต่ในส่วนของเมอร์เซเดส-เบนซ์สามารถรักษายอดขายที่เป็นบวกไว้ได้ โดยมีปริมาณการขาย 11 เดือนแรกของปีนี้ จำนวนกว่า 3,500 คัน เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 2% ถือเป็นไม่กี่แห่งจากทั่วโลกของกลุ่มธุรกิจของเดมเลอร์ ที่สามารถทำตัวเลขยอดขายเป็นบวกได้ในปีนี้
“สำหรับตัวเลขถึงสิ้นปีขอไม่สรุปล่วงหน้าจะเป็นเท่าไหร่ แต่เรามั่นใจจะเป็นผู้นำตลาดรถหรูหราแน่นอน และตั้งเป้าหมายปีหน้าเมอร์เซเดส-เบนซ์จะรักษาสถานะตรงนี้ไว้ แม้ยังไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจริงไม่ รวมถึงความผันผวนทางการเมืองของไทย ฉะนั้นเมอร์เซเดส-เบนซ์จึงต้องทำงานอย่างหนักในปีหน้า เช่นเดียวกับที่เราทำในปีนี้ และประสบความสำเร็จด้วยดี ด้วยการเตรียมแผนที่จะรับมือสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นบวกและลบ”
นายเพาฟเลอร์กล่าวว่า โดยแผนรับมือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองไทย ซึ่งหากทิศทางออกมาเป็นบวกก็ต้องเตรียมเรื่องของไลน์สินค้าที่จะทำตลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขึ้นไลน์ประกอบรถยนต์ในประเทศ(CKD) รวมถึงรุ่นที่จะนำเข้าจากต่างประเทศ(CBU) หรือหากเป็นลบก็ต้องมามีกลวิธีตั้งรับ ในการรักษาหรือเพิ่มยอดขายให้ได้ตามเป้าหมาย
“จากนี้ไปเมอร์เซเดส-เบนซ์จะรุกตลาดรถยนต์ฟรีต หรือรถสำหรับลูกค้าองค์กร ด้วยการกระจายบทบาทให้ตัวแทนจำหน่าย หรือดีลเลอร์ได้ทำตลาดมากขึ้น โดยมีเราเป็นผู้ให้การสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคา หรือแพ็กเกจบริการต่างๆ และต้นปีหน้าเป็นต้นไปเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะใช้กลยุทธ์เปิดโชว์รูมเคลื่อนที่ไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นจุดที่เราและดีลเลอร์ยังเข้าไม่ถึงลูกค้า โดยโชว์รูมเคลื่อนที่นี้จะเข้าไปเจาะพื้นที่นั้นๆ หมุนเวียนกันไป คาดว่าจากรุกตลาดในทุกๆ ด้าน จะทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์มียอดขายเพิ่มขึ้น”นายเพาฟเลอร์กล่าว