ASTVผู้จัดการรายวัน - บิ๊กกองทุนฟื้นฟูฯ แถลงข่าวด่วน! สุดท้ายแค่ข่าวเก่า มีทั้งสถาบันการเงินไทยและต่างชาติรุมตอม
นางทองอุไร ลิ้มปิติ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายจัดการกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และในฐานะผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฟื้นฟูฯ) เปิดเผยว่า หลังจากกองทุนฟื้นฟูฯ ได้นำเสนอรายชื่อและจำนวนรายผู้สนใจเข้าร่วมประมูลราคาขายหุ้นรอบแรก (Nonbinding Indicative Bids) ของธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCIB ซึ่งกองทุนถือหุ้นอยู่ 47.58% ต่อคณะกรรมการจัดการกองทุนเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา จึงคาดว่าในสิ้นเดือน มี.ค.นี้จะได้ทราบรายชื่อผู้ที่ได้รับคัดเลือกซื้อหุ้นธนาคารนครหลวงไทยจากกองทุนฟื้นฟูฯ ได้ และกระบวนการซื้อขายหุ้นครั้งนี้จะเสร็จสิ้นได้ภายในไตรมาส 2 ของปี 53
“ขณะนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อและจำนวนรายผู้ที่สนใจได้ เพราะอาจมีผลต่อราคาขายได้ แต่เท่าที่ดูมีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลราคาใช้ได้ทีเดียว ถือว่าได้รับความสนใจอย่างมากทั้งไทยและเทศ และผู้ที่ได้รับคัดเลือกจากการเสนอราคาประมูลรอบแรกก็ได้มีทั้งไทยและเทศเช่นกัน”
กระบวนการต่อจากนี้ไป ผู้ที่เข้าร่วมประมูลราคารอบแรกได้จะเข้าทำการตรวจสอบฐานะทรัพย์สินและหนี้สิน (Due Diligence) ของธนาคารนครหลวงไทยอย่างละเอียดจากรหัสผ่านที่กองทุนฟื้นฟูฯให้ไป ซึ่งคาดว่าใช้เวลา 5-6 สัปดาห์ จึงจะให้ผู้สนใจเข้าร่วมประมูลราคารอบสุดท้าย (Final Bids) ภายในเดือนม.ค.นี้ ซึ่งกองทุนฟื้นฟูฯจะเจรจากับแต่ละราย และเน้นเรื่องราคาเป็นปัจจัยสำคัญ รองลงมาเป็นเรื่องคุณสมบัติ เนื่องจากตัวกองทุนฟื้นฟูฯกว่าจะปิดลงอีก 3 ปีข้างหน้า จึงต้องการคัดเลือกให้ได้นักลงทุนที่มีกลยุทธ์ที่ดี (Strategic Partner) เข้ามาดูแลสถาบันการเงินนี้ต่อไป
การขายหุ้นครั้งนี้ กองทุนฟื้นฟูฯได้มีการพูดคุยกับผู้บริหารธนาคารนครหลวงไทยอยู่เสมอ เพื่อให้กระบวนการขายราบรื่น และการขายหุ้นธนาคารนครหลวงไทยครั้งนี้ กองทุนฟื้นฟูฯได้ขายใบอนุญาตประกอบธุรกิจเต็มใบ ทำให้ผู้ที่ซื้อหุ้นนี้ไปจะได้ตัวบริษัทในเครือไปด้วยทั้งหมดด้วย
ด้านการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่สนใจซื้อหุ้น กองทุนฟื้นฟูฯได้ส่งรายชื่อผู้เข้าร่วมประมูลราคารอบแรกทั้งหมดให้สายกำกับสถาบันการเงินของธปท.ตรวจสอบให้ในครั้งแรก และท้ายที่สุดเมื่อได้รายชื่อผู้ที่สนใจซื้อหุ้นนี้แล้วจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติอีกครั้งหนึ่ง หรือเป็นช่วงก่อนที่จะส่งรายชื่อให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังผ่อนผัน หากเป็นนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นเกิน 49% ซึ่งธนาคารนครหลวงไทยจะทำหนังสือเสนอมายัง ธปท.และยื่นให้แก่กระทรวงการคลังต่อไป
ส่วนประเด็นที่ว่าขณะนี้ภาวะตลาดหุ้นมีการโยกย้ายการลงทุนช่วงปลายปีจะมีราคาขายหุ้นไม่ดีนั้น ผู้จัดการกองทุนฟื้นฟูฯกล่าวว่า ปัจจัยทุกอย่างมีผลระบบเศรษฐกิจโดยรวม แต่ราคาขึ้นอยู่กับมุมมองนักลงทุนที่สนใจเข้ามาซื้อมากกว่า ดังนั้น ราคาขายหุ้นต่างกับขายทรัพย์สินทั่วไป หากมีผู้สนใจมีความต้องการหุ้นตัวนี้มากก็จะมีผลต่อราคาให้สูงตามไปด้วย แต่สาเหตุสำคัญที่ขายช่วงนี้ เพราะกองทุนฟื้นฟูฯมองว่าในปัจจุบันสภาพคล่องตลาดการเงินโลกมีจำนวนมาก ถือเป็นจังหวะที่ดีในขณะนี้
แหล่งข่าวธนาคารนครหลวงไทยเปิดเผยว่า นักลงทุนต่างชาติที่สนใจซื้อหุ้นธนาคารนครหลวงไทยจากกองทุนฟื้นฟูฯ มีมากกว่า 5 ราย ได้แก่ กลุ่มทุนธนชาต (TCAP) ส่วนสถาบันการเงินต่างชาติ ได้แก่ ธนาคาร HSBC , Hong Leong Bank Berhad จากประเทศมาเลเซีย , Korea Development Bank (KDB) จากเกาหลีใต้ เป็นต้น
สำหรับ TCAP ได้ทยอยซื้อหุ้น SCIB ในตลาดหลักทรัพย์ จนเป็นผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 14% หาก TCAP เป็นผู้ชนะการซื้อหุ้นจากกองทุนฟื้นฟู 47.58% ก็จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ทันที.
นางทองอุไร ลิ้มปิติ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายจัดการกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และในฐานะผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฟื้นฟูฯ) เปิดเผยว่า หลังจากกองทุนฟื้นฟูฯ ได้นำเสนอรายชื่อและจำนวนรายผู้สนใจเข้าร่วมประมูลราคาขายหุ้นรอบแรก (Nonbinding Indicative Bids) ของธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCIB ซึ่งกองทุนถือหุ้นอยู่ 47.58% ต่อคณะกรรมการจัดการกองทุนเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา จึงคาดว่าในสิ้นเดือน มี.ค.นี้จะได้ทราบรายชื่อผู้ที่ได้รับคัดเลือกซื้อหุ้นธนาคารนครหลวงไทยจากกองทุนฟื้นฟูฯ ได้ และกระบวนการซื้อขายหุ้นครั้งนี้จะเสร็จสิ้นได้ภายในไตรมาส 2 ของปี 53
“ขณะนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อและจำนวนรายผู้ที่สนใจได้ เพราะอาจมีผลต่อราคาขายได้ แต่เท่าที่ดูมีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลราคาใช้ได้ทีเดียว ถือว่าได้รับความสนใจอย่างมากทั้งไทยและเทศ และผู้ที่ได้รับคัดเลือกจากการเสนอราคาประมูลรอบแรกก็ได้มีทั้งไทยและเทศเช่นกัน”
กระบวนการต่อจากนี้ไป ผู้ที่เข้าร่วมประมูลราคารอบแรกได้จะเข้าทำการตรวจสอบฐานะทรัพย์สินและหนี้สิน (Due Diligence) ของธนาคารนครหลวงไทยอย่างละเอียดจากรหัสผ่านที่กองทุนฟื้นฟูฯให้ไป ซึ่งคาดว่าใช้เวลา 5-6 สัปดาห์ จึงจะให้ผู้สนใจเข้าร่วมประมูลราคารอบสุดท้าย (Final Bids) ภายในเดือนม.ค.นี้ ซึ่งกองทุนฟื้นฟูฯจะเจรจากับแต่ละราย และเน้นเรื่องราคาเป็นปัจจัยสำคัญ รองลงมาเป็นเรื่องคุณสมบัติ เนื่องจากตัวกองทุนฟื้นฟูฯกว่าจะปิดลงอีก 3 ปีข้างหน้า จึงต้องการคัดเลือกให้ได้นักลงทุนที่มีกลยุทธ์ที่ดี (Strategic Partner) เข้ามาดูแลสถาบันการเงินนี้ต่อไป
การขายหุ้นครั้งนี้ กองทุนฟื้นฟูฯได้มีการพูดคุยกับผู้บริหารธนาคารนครหลวงไทยอยู่เสมอ เพื่อให้กระบวนการขายราบรื่น และการขายหุ้นธนาคารนครหลวงไทยครั้งนี้ กองทุนฟื้นฟูฯได้ขายใบอนุญาตประกอบธุรกิจเต็มใบ ทำให้ผู้ที่ซื้อหุ้นนี้ไปจะได้ตัวบริษัทในเครือไปด้วยทั้งหมดด้วย
ด้านการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่สนใจซื้อหุ้น กองทุนฟื้นฟูฯได้ส่งรายชื่อผู้เข้าร่วมประมูลราคารอบแรกทั้งหมดให้สายกำกับสถาบันการเงินของธปท.ตรวจสอบให้ในครั้งแรก และท้ายที่สุดเมื่อได้รายชื่อผู้ที่สนใจซื้อหุ้นนี้แล้วจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติอีกครั้งหนึ่ง หรือเป็นช่วงก่อนที่จะส่งรายชื่อให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังผ่อนผัน หากเป็นนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นเกิน 49% ซึ่งธนาคารนครหลวงไทยจะทำหนังสือเสนอมายัง ธปท.และยื่นให้แก่กระทรวงการคลังต่อไป
ส่วนประเด็นที่ว่าขณะนี้ภาวะตลาดหุ้นมีการโยกย้ายการลงทุนช่วงปลายปีจะมีราคาขายหุ้นไม่ดีนั้น ผู้จัดการกองทุนฟื้นฟูฯกล่าวว่า ปัจจัยทุกอย่างมีผลระบบเศรษฐกิจโดยรวม แต่ราคาขึ้นอยู่กับมุมมองนักลงทุนที่สนใจเข้ามาซื้อมากกว่า ดังนั้น ราคาขายหุ้นต่างกับขายทรัพย์สินทั่วไป หากมีผู้สนใจมีความต้องการหุ้นตัวนี้มากก็จะมีผลต่อราคาให้สูงตามไปด้วย แต่สาเหตุสำคัญที่ขายช่วงนี้ เพราะกองทุนฟื้นฟูฯมองว่าในปัจจุบันสภาพคล่องตลาดการเงินโลกมีจำนวนมาก ถือเป็นจังหวะที่ดีในขณะนี้
แหล่งข่าวธนาคารนครหลวงไทยเปิดเผยว่า นักลงทุนต่างชาติที่สนใจซื้อหุ้นธนาคารนครหลวงไทยจากกองทุนฟื้นฟูฯ มีมากกว่า 5 ราย ได้แก่ กลุ่มทุนธนชาต (TCAP) ส่วนสถาบันการเงินต่างชาติ ได้แก่ ธนาคาร HSBC , Hong Leong Bank Berhad จากประเทศมาเลเซีย , Korea Development Bank (KDB) จากเกาหลีใต้ เป็นต้น
สำหรับ TCAP ได้ทยอยซื้อหุ้น SCIB ในตลาดหลักทรัพย์ จนเป็นผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 14% หาก TCAP เป็นผู้ชนะการซื้อหุ้นจากกองทุนฟื้นฟู 47.58% ก็จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ทันที.