ASTVผู้จัดการรายวัน - ครม.เพิ่มวันหยุดสงกรานต์เป็น 6 วัน หวังคนไทยเที่ยวเต็มที่
นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วานนี้ (15 ธ.ค.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้พิจารณาการสลับหรือเลื่อนวันหยุดราชการประจำปี 2553 โดยเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการ ครม.เป็นผู้เสนอว่าจากปกติจะมีวันหยุดราชการประจำปีทั้งหมด 16 วัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวันสำคัญของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และใน 16 วันนี้ มีวันหยุดที่ตรงกับวันหยุดประจำสัปดาห์อยู่ 3 วัน จึงได้กำหนดวันหยุดชดเชยวันมาฆบูชา วันปิยะมหาราช และชดเชยวันวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้ ครม.ยังได้เพิ่มวันหยุด เพื่อส่งเสริมให้มีการเฉลิมฉลองงานอันเป็นมงคล ส่งเสริมวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย ส่งเสริมการท่องเที่ยวและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน จึงมีมติเพิ่มวันหยุดอีก 2 วัน โดยกำหนดให้วันที่ 16 เม.ย.2553 เป็นวันหยุดเพิ่มหนึ่งวันต่อเนื่องจากเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งโดยปกติเทศกาลสงกรานต์จะมีวันหยุดวันที่ 13-15 เม.ย. ที่มีทั้งพิธีหลวงและพิธีราช จึงกำหนดเพิ่มวันหยุดวันที่ 16 เม.ย. อีกหนึ่งวัน เมื่อต่อเนื่องกับวันเสาร์อาทิตย์ก็ทำให้คนไทยมีวันหยุดต่อเนื่องที่ยาวนานถึง 6 วัน และครม.ยังกำหนดให้วันที่ 13 ส.ค. 2553 เป็นวันหยุดเพิ่มอีก 1 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยได้ร่วมเฉลิมฉลองวันพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
“ปีหน้าเราจะมีวันหยุดราชการประจำปี ประจำสัปดาห์ วันหยุดชดเชยและวันที่หยุดเพิ่มอีก 2 วัน รวมแล้วปีหน้ามีวันหยุดทั้งสิ้น 122 วัน” นพ.ภูมินทร์กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงินและภาคเอกชน ให้พิจารณาตามความเหมาะสมสอดคล้องกับข้อกฎหมาย ส่วนหน่วยงานอื่น เช่น โรงพยาบาล ศาล มีความจำเป็นเร่งด่วนหรือราชการสำคัญในวันดังกล่าวที่มีการกำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว หากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหาย หรือกระทบต่อการให้บริการของประชาชน ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยมิให้เกิดความเสียหายต่อราชการและประชาชน
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การกำหนดวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ ซึ่งตามปกติการกำหนดวันหยุด ครม.ทุกชุดจะดูปฏิทินล่วงหน้า 1 ปี และมีหลักที่ปฏิบัติทั่วไป ถ้าวันหยุดใดเลื่อนไม่ได้ ตรงเสาร์-อาทิตย์ ก็จะให้มีวันหยุดชดเชย ในปีนี้มีการพิจารณาว่าช่วงเดือนเม.ย. วันที่ 13-15 เม.ย. ทั้งงานหลวง งานราช จึงพบว่ามีวันหยุดชดเชย 1 วันคือวันศุกร์ที่ 16 จึงทำให้ดูเหมือนว่าเป็นวันหยุดยาว 6 วัน
“ช่วงดังกล่าว เป็นเทศกาลสำคัญที่คนไทยได้เดินทางกลับบ้านไปเยี่ยมเยือนครอบครัว ประกอบพิธีทางศาสนา หรือการเยี่ยมญาติ ดังนั้น ครม.จึงเห็นว่าเป็นผลดีต่อคนที่เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้าน รวมไปถึงกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศด้วย เหมือนกับปีนี้ที่มีวันหยุดยาวในช่วงเดือนก.ค. ถือว่าได้ผล แต่จะไม่กระทบกับวันทำงาน ซึ่งยังเป็นไปตามปกติ”นายสาทิตย์กล่าว.
นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วานนี้ (15 ธ.ค.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้พิจารณาการสลับหรือเลื่อนวันหยุดราชการประจำปี 2553 โดยเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการ ครม.เป็นผู้เสนอว่าจากปกติจะมีวันหยุดราชการประจำปีทั้งหมด 16 วัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวันสำคัญของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และใน 16 วันนี้ มีวันหยุดที่ตรงกับวันหยุดประจำสัปดาห์อยู่ 3 วัน จึงได้กำหนดวันหยุดชดเชยวันมาฆบูชา วันปิยะมหาราช และชดเชยวันวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้ ครม.ยังได้เพิ่มวันหยุด เพื่อส่งเสริมให้มีการเฉลิมฉลองงานอันเป็นมงคล ส่งเสริมวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย ส่งเสริมการท่องเที่ยวและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน จึงมีมติเพิ่มวันหยุดอีก 2 วัน โดยกำหนดให้วันที่ 16 เม.ย.2553 เป็นวันหยุดเพิ่มหนึ่งวันต่อเนื่องจากเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งโดยปกติเทศกาลสงกรานต์จะมีวันหยุดวันที่ 13-15 เม.ย. ที่มีทั้งพิธีหลวงและพิธีราช จึงกำหนดเพิ่มวันหยุดวันที่ 16 เม.ย. อีกหนึ่งวัน เมื่อต่อเนื่องกับวันเสาร์อาทิตย์ก็ทำให้คนไทยมีวันหยุดต่อเนื่องที่ยาวนานถึง 6 วัน และครม.ยังกำหนดให้วันที่ 13 ส.ค. 2553 เป็นวันหยุดเพิ่มอีก 1 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยได้ร่วมเฉลิมฉลองวันพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
“ปีหน้าเราจะมีวันหยุดราชการประจำปี ประจำสัปดาห์ วันหยุดชดเชยและวันที่หยุดเพิ่มอีก 2 วัน รวมแล้วปีหน้ามีวันหยุดทั้งสิ้น 122 วัน” นพ.ภูมินทร์กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงินและภาคเอกชน ให้พิจารณาตามความเหมาะสมสอดคล้องกับข้อกฎหมาย ส่วนหน่วยงานอื่น เช่น โรงพยาบาล ศาล มีความจำเป็นเร่งด่วนหรือราชการสำคัญในวันดังกล่าวที่มีการกำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว หากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหาย หรือกระทบต่อการให้บริการของประชาชน ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยมิให้เกิดความเสียหายต่อราชการและประชาชน
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การกำหนดวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ ซึ่งตามปกติการกำหนดวันหยุด ครม.ทุกชุดจะดูปฏิทินล่วงหน้า 1 ปี และมีหลักที่ปฏิบัติทั่วไป ถ้าวันหยุดใดเลื่อนไม่ได้ ตรงเสาร์-อาทิตย์ ก็จะให้มีวันหยุดชดเชย ในปีนี้มีการพิจารณาว่าช่วงเดือนเม.ย. วันที่ 13-15 เม.ย. ทั้งงานหลวง งานราช จึงพบว่ามีวันหยุดชดเชย 1 วันคือวันศุกร์ที่ 16 จึงทำให้ดูเหมือนว่าเป็นวันหยุดยาว 6 วัน
“ช่วงดังกล่าว เป็นเทศกาลสำคัญที่คนไทยได้เดินทางกลับบ้านไปเยี่ยมเยือนครอบครัว ประกอบพิธีทางศาสนา หรือการเยี่ยมญาติ ดังนั้น ครม.จึงเห็นว่าเป็นผลดีต่อคนที่เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้าน รวมไปถึงกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศด้วย เหมือนกับปีนี้ที่มีวันหยุดยาวในช่วงเดือนก.ค. ถือว่าได้ผล แต่จะไม่กระทบกับวันทำงาน ซึ่งยังเป็นไปตามปกติ”นายสาทิตย์กล่าว.