ASTV ผู้จัดการรายวัน-คมนาคมเร่งสรุปผลสอบข้อเท็จจริง เหตุสารเคมีรั่วที่แหลมฉบัง ในสัปดาห์นี้ “เกื้อกูล”เชื่อมีคนประมาทจนทำให้เกิดเหตุ ยอมรับต้องปรับเพิ่มมาตรการปฎิบัติเกี่ยวกับการจัดการเมื่อเกิดเหตุ เน้น แจ้งเตือนและอพยพประชาชนให้เร็วขึ้น ขณะที่ ตั้งกรรมการร่วมเพิ่มมาตรการป้องกันอุบัติเหตุเรือท่องเที่ยวอีกทาง
นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยถึงกรณีสารเคมีรั่วไหลบริเวณท่าเทียบเรือ บี 3 ของท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ซึ่งมีบริษัท อีสเทิร์นซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด เป็นผู้บริหารว่า คณะกรรมการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีนางภาวสุทธิ์ จึงอนุวัตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคมเป็นประธานอยู่ระหว่างรวมรวมข้อมูล
โดยเฉพาะตรวจสอบขั้นตอนการปฎิบัติหน้าที่ของแต่ละส่วนว่าผิดพลาดหรือบกพร่องจุดใด ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในสัปดาห์นี้ในขณะที่ส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งขั้นตอนการปฎิบัติในการขนย้ายตู้สินค้าอันตรายนั้นมีระเบียบกำหนดไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะต้องมีผู้ที่ประมาทและต้องมีผู้ที่กระทำผิดแน่นอน
นายเกื้อกูลกล่าวว่า ปัจจุบันจะมีการซ้อมแผนฉุกเฉินประจำปี เป็นการซ้อมใหญ่ 1 ครั้ง ซ้อมย่อย 4-5 ครั้ง แต่เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็จะต้องพิจารณาว่าควรจะเพิ่มการซ้อมอีกหรือไม่ รวมถึงกรณีเกิดเหตุมีการแจ้งและเคลื่อนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่ล่าช้าไปหรือไม่ ซึ่งจะต้องมีการปรับปรุงให้เร็วขึ้น
“ ปริมาณตู้สินค้าอันตราที่ผ่านท่าเรือแหลมฉบังมีประมาณ 4 หมื่นตู้ ซึ่งมีขั้นตอนการปฎิบัติตั้งแต่การขนลงจากเรือ ไปยังคลังสินค้าอันตราย โดยสามารถวางที่ท่าเรือได้ 24 ชม.ก่อนนำเข้าคลังสินค้าอันตราย และในการเคลื่อนย้ายจะมีการติดสัญลักษณะที่ตู้เพื่อแยกจากตู้สินค้าปกติอย่างชัดเจนและทุกขั้นตอนจะต้องมีการรายงานท่าเรือ ซึ่งจากรายงานได้มีการปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนด จึงต้องตรวจสอบให้ละเอียดว่าผิดพลาดจากจุดใด”นายเกื้อกูลกล่าว
นอกจากนี้ นายเกื้อกูลกล่าวถึงการเพิ่มมาตรการความปลอดภัยสำหรับเรือท่องเที่ยว ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์เรือสปีดโบ๊ต ชนกันที่กลางอ่าวพัทยา ใกล้ท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮายพัทยาใต้ เมื่อวันที่2 ธ.ค. 2552 ว่า ได้ตั้งคณะกรรมการร่วม เพื่อเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยทางน้ำ โดยเฉพาะมาตรการที่จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุเพื่อนำไปปฎิบัติกับเรือท่องเที่ยวทั่วประเทศ
นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยถึงกรณีสารเคมีรั่วไหลบริเวณท่าเทียบเรือ บี 3 ของท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ซึ่งมีบริษัท อีสเทิร์นซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด เป็นผู้บริหารว่า คณะกรรมการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีนางภาวสุทธิ์ จึงอนุวัตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคมเป็นประธานอยู่ระหว่างรวมรวมข้อมูล
โดยเฉพาะตรวจสอบขั้นตอนการปฎิบัติหน้าที่ของแต่ละส่วนว่าผิดพลาดหรือบกพร่องจุดใด ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในสัปดาห์นี้ในขณะที่ส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งขั้นตอนการปฎิบัติในการขนย้ายตู้สินค้าอันตรายนั้นมีระเบียบกำหนดไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะต้องมีผู้ที่ประมาทและต้องมีผู้ที่กระทำผิดแน่นอน
นายเกื้อกูลกล่าวว่า ปัจจุบันจะมีการซ้อมแผนฉุกเฉินประจำปี เป็นการซ้อมใหญ่ 1 ครั้ง ซ้อมย่อย 4-5 ครั้ง แต่เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็จะต้องพิจารณาว่าควรจะเพิ่มการซ้อมอีกหรือไม่ รวมถึงกรณีเกิดเหตุมีการแจ้งและเคลื่อนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่ล่าช้าไปหรือไม่ ซึ่งจะต้องมีการปรับปรุงให้เร็วขึ้น
“ ปริมาณตู้สินค้าอันตราที่ผ่านท่าเรือแหลมฉบังมีประมาณ 4 หมื่นตู้ ซึ่งมีขั้นตอนการปฎิบัติตั้งแต่การขนลงจากเรือ ไปยังคลังสินค้าอันตราย โดยสามารถวางที่ท่าเรือได้ 24 ชม.ก่อนนำเข้าคลังสินค้าอันตราย และในการเคลื่อนย้ายจะมีการติดสัญลักษณะที่ตู้เพื่อแยกจากตู้สินค้าปกติอย่างชัดเจนและทุกขั้นตอนจะต้องมีการรายงานท่าเรือ ซึ่งจากรายงานได้มีการปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนด จึงต้องตรวจสอบให้ละเอียดว่าผิดพลาดจากจุดใด”นายเกื้อกูลกล่าว
นอกจากนี้ นายเกื้อกูลกล่าวถึงการเพิ่มมาตรการความปลอดภัยสำหรับเรือท่องเที่ยว ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์เรือสปีดโบ๊ต ชนกันที่กลางอ่าวพัทยา ใกล้ท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮายพัทยาใต้ เมื่อวันที่2 ธ.ค. 2552 ว่า ได้ตั้งคณะกรรมการร่วม เพื่อเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยทางน้ำ โดยเฉพาะมาตรการที่จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุเพื่อนำไปปฎิบัติกับเรือท่องเที่ยวทั่วประเทศ