นายเทพไท เสนพงษ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประกาศยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้านว่ารัฐบาลไม่เคยหวั่นไหวกับการประกาศซักฟอกรัฐบาลของฝ่ายค้าน เพราะเห็นว่า เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ คุยโวว่า มีข้อมูลเด็ด ซึ่งน่าจะเป็นราคาคุยมากกว่า เหมือนกับสินค้าที่ด้อยคุณภาพ แต่เน้นเรื่อง การโฆษณาประชาสัมพันธ์เป็นหลัก ซึ่งก่อนที่ พรรคฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปราย ไม่ไว้วางใจ อยากให้กลับไปดูบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ที่ว่าจะต้องเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมในการเป็นนายกรัฐมนตรี แทนนายกรัฐมนตรี ที่ถูกอภิปราย ซึ่งตนเข้าใจว่า พรรคเพื่อไทยคงต้องกลับไปถาม หรือขออนุญาตจากนายใหญ่เสียก่อนว่าจะเสนอชื่อใคร รวมถึงการหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอย่างเป็นทางการ ที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรได้ด้วย
ขณะนี้พรรคเพื่อไทยตกอยู่ในสภาพเป็นพรรคผีหัวขาด หรือ พรรคผีปอบ ที่หัวอยู่ดูไบ แต่ตัวอยู่ในประเทศไทย ถ้าจะให้หัวหน้าพรรคตัวจริงอภิปรายได้ด้วย ต้องไปแก้ข้อบังคับว่าการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเปิดโอกาสให้หัวหน้าพรรคตัวจริงที่หนีคดีอยู่ในดูไบสามารถโฟนอินอภิปราย ในสภาได้ เหมือนการโฟนอินปลุกระดมในม็อบเสื้อแดงที่กระทำเป็นประจำ
นายเทพไท กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะส่งพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยลงสมัครเลือกตั้งซ่อมจ.ปราจีนบุรี ว่า พรรคเพื่อไทย ไม่มีบุคคลในจ.ปราจีนบุรี ที่มีความเหมาะสมเพียงพอมาลงสมัครแทน เพราะพล.อ.เชษฐาเป็นคนจ.ฉะเชิงเทรา ไม่แน่ใจว่าจะมีคุณสมบัติครบหรือไม่ ถ้าใช้สิทธิ์เข้ารับใช้ราชการในจ.ปราจีนบุรี ก็ตรวจสอบดูในรัฐธรรมนูญก่อนว่า รับราชการเกิน 5 ปี หรือไม่และถ้ามีคุณสมบัติครบก็ถือเป็นการดูถูกคนจ.ปราจีนบุรีทั้งจังหวัดว่า ไม่มีคนดี ที่เป็นชาวปราจีนที่จะให้พรรคเพื่อไทยเสนอตัวมาเป็นตัวแทนหรืออย่างไร
หวังว่า การแสดงออกของคนปราจีนบุรีในการเลือกตั้งซ่อม ก็น่าจะเป็นการให้คำตอบและให้บทเรียนกับพรรคเพื่อไทยได้ดี สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มีการพูดคุยว่าจะส่งหรือไม่ส่งใครลง ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการหารือในเรื่องดังกล่าว 15 ธ.ค. นี้ ในการประชุมกรรมการบริหารพรรค
ด้าน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลทุจริต โครงการไทยเข้มแข็งกับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รมว.ศึกษาธิการที่ขอมา เพราะหากให้ข้อมูบไปแล้วกลัวว่าจะมีการตัดตอนตรวจสอบไปแก้ปัญหาเสียก่อน
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตนเคยร้องเรียนนายจุรินทร์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มาแล้วหลายเรื่อง รวมทั้งองค์กรอิสระอย่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( สตช.) กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ) ทั้งเรื่องการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง และโครงการต้นกล้าอาชีพ แต่คดียังไม่คืบหน้า ไม่เคยมีคำตอบ ดังนั้นตนจะนำข้อมูล นายจุรินทร์ เป็นคนสุดท้าย หลังจากที่ต้องตอบคำถามในสภาเสียก่อน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะไม่ให้ข้อมูล แต่กลัวว่าให้แล้วจะมีการตัดตอนการตรวจสอบ
ขณะที่ผมเขียนข้อมูลการร้องเรียนลงในสมุดปกขาวแจกให้ประชาชนด้วย เพื่อทราบว่าได้ร้องเรียนและกี่คดีแล้ว และหลังจากที่นายจุรินทร์ ได้ไปตอบเรื่องนี้ ในสภาแล้ว ผมจะนำเรื่องไปยื่นหน่วยงานของรัฐตามกระบวนการยุติธรรมอีกต่อไป
ขณะนี้พรรคเพื่อไทยตกอยู่ในสภาพเป็นพรรคผีหัวขาด หรือ พรรคผีปอบ ที่หัวอยู่ดูไบ แต่ตัวอยู่ในประเทศไทย ถ้าจะให้หัวหน้าพรรคตัวจริงอภิปรายได้ด้วย ต้องไปแก้ข้อบังคับว่าการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเปิดโอกาสให้หัวหน้าพรรคตัวจริงที่หนีคดีอยู่ในดูไบสามารถโฟนอินอภิปราย ในสภาได้ เหมือนการโฟนอินปลุกระดมในม็อบเสื้อแดงที่กระทำเป็นประจำ
นายเทพไท กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะส่งพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยลงสมัครเลือกตั้งซ่อมจ.ปราจีนบุรี ว่า พรรคเพื่อไทย ไม่มีบุคคลในจ.ปราจีนบุรี ที่มีความเหมาะสมเพียงพอมาลงสมัครแทน เพราะพล.อ.เชษฐาเป็นคนจ.ฉะเชิงเทรา ไม่แน่ใจว่าจะมีคุณสมบัติครบหรือไม่ ถ้าใช้สิทธิ์เข้ารับใช้ราชการในจ.ปราจีนบุรี ก็ตรวจสอบดูในรัฐธรรมนูญก่อนว่า รับราชการเกิน 5 ปี หรือไม่และถ้ามีคุณสมบัติครบก็ถือเป็นการดูถูกคนจ.ปราจีนบุรีทั้งจังหวัดว่า ไม่มีคนดี ที่เป็นชาวปราจีนที่จะให้พรรคเพื่อไทยเสนอตัวมาเป็นตัวแทนหรืออย่างไร
หวังว่า การแสดงออกของคนปราจีนบุรีในการเลือกตั้งซ่อม ก็น่าจะเป็นการให้คำตอบและให้บทเรียนกับพรรคเพื่อไทยได้ดี สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มีการพูดคุยว่าจะส่งหรือไม่ส่งใครลง ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการหารือในเรื่องดังกล่าว 15 ธ.ค. นี้ ในการประชุมกรรมการบริหารพรรค
ด้าน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลทุจริต โครงการไทยเข้มแข็งกับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รมว.ศึกษาธิการที่ขอมา เพราะหากให้ข้อมูบไปแล้วกลัวว่าจะมีการตัดตอนตรวจสอบไปแก้ปัญหาเสียก่อน
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตนเคยร้องเรียนนายจุรินทร์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มาแล้วหลายเรื่อง รวมทั้งองค์กรอิสระอย่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( สตช.) กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ) ทั้งเรื่องการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง และโครงการต้นกล้าอาชีพ แต่คดียังไม่คืบหน้า ไม่เคยมีคำตอบ ดังนั้นตนจะนำข้อมูล นายจุรินทร์ เป็นคนสุดท้าย หลังจากที่ต้องตอบคำถามในสภาเสียก่อน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะไม่ให้ข้อมูล แต่กลัวว่าให้แล้วจะมีการตัดตอนการตรวจสอบ
ขณะที่ผมเขียนข้อมูลการร้องเรียนลงในสมุดปกขาวแจกให้ประชาชนด้วย เพื่อทราบว่าได้ร้องเรียนและกี่คดีแล้ว และหลังจากที่นายจุรินทร์ ได้ไปตอบเรื่องนี้ ในสภาแล้ว ผมจะนำเรื่องไปยื่นหน่วยงานของรัฐตามกระบวนการยุติธรรมอีกต่อไป
