ASTVผู้จัดการรายวัน-คุมมือฆ่าอาจารย์ ม.เกษตร ทำแผนที่เกิดเหตุ สารภาพ หวังชิงทรัพย์ ไม่ได้เป็นเกย์ แต่ผูกใจเจ็บที่เคยถูกจี้ชิงทรัพย์มาก่อน ที่ลงมือเพราะบันดาลโทสะที่ถูกผู้ตายลวนลาม
วานนี้(11 ธ.ค.)เวลา 10.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผบช.น. ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายวิษณุ บัวลอย อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 ม.1 ต.โพนสูง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร พร้อมด้วยของกลาง โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เสื้อแจ๊คเก็ตสีดำที่ใส่ในวันก่อเหตุ และท่อนเหล็กที่ใช้ก่อเหตุขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 ซม. ยาว 45 ซม. โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านเกิดของผู้ต้องหา
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. เวลประมาณ 00.30 น.ได้มีคนร้ายใช้ท่อนเหล็กเป็นอาวุธ ตีนายสราวุฒิ เลิศมาลัยมาลย์ อายุ 36 ปี อาจารย์ประจำภาควิชาบัญชี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เสียชีวิต ที่บริเวณสวนรถไฟ ถ.กำแพงเพชร 3 แขวงและเขตจตุจักร กทม. ซึ่งถือว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญของประชาชน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.บางซื่อ และ กก.สส.บก.น.2 จึงได้เร่งสืบหาตัวคนร้ายจนกระทั่งทราบว่า ผู้ที่ลงมือก่อเหตุคือนายวิษณุ จึงควบคุมตัวมาสอบสวน
จากการสอบสวนนายวิษณุ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้เข้ามาพูดคุยเรื่องเซ็กส์ โดยบอกว่าจะขอให้ตนไปหลับนอนด้วย จึงเสนอราคา 2,000 บาท แต่ผู้ตายกลับลวนลามโดยไม่ได้พูดเรื่องเงิน จึงบันดาลโทสะใช้เหล็กท่อนตีเข้าไปศีรษะผู้ตาย 2 ครั้ง จนล้มลงไป ยอมรับว่าที่ทำไปเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ เมื่อเห็นว่าผู้ตายแน่นิ่งไปจึงใช้โทรศัพท์ของผู้ตายโทรแจ้งตำรวจที่หมายเลข 191 และนำเงินที่ได้บางส่วนไปบริจาคให้กับเด็กพิการ ก่อนนำโทรศัพท์มือถือไปขายที่บ้านเกิด โดยเคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันมาแล้ว 3-4 ครั้ง พร้อมกับปฎิเสธว่าไม่ได้เป็นเกย์หรือพวกรักร่วมเพศที่มาขายบริการในบริเวณที่เกิดเหตุแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิษณุ อ้างกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเคยถูกคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ในลักษณะเดียวกันนี้เมื่อหลายเดือนก่อนที่ จ.สมุทรปราการ จึงผูกใจเจ็บและมาก่อเหตุขึ้นในบริเวณดังกล่าว ซึ่งบริเวณดังกล่าวกลุ่มชายรักร่วมเพศมักมารวมตัวกัน โดยทำงานเป็นพนักงานยกสินค้าในโกดังของบริษัทแห่งหนึ่ง
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน เวลา 18.00 น. ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้เหล็กตีนายคำพันธ์ เชียงสาวงศ์ อายุ 27 ปี บาดเจ็บ แล้วเอาโทรศัพท์มือถือและบัตรเครดิต 1ใบ และวันที่ 22 พฤศจิกายน เวลา 22.00 น.ก่อเหตุใช้เหล็กตีนายศุภกฤต ไชยเมือง อายุ 31 ปี บาดเจ็บ และนำโทรศัพท์มือถือ และบัตรเอทีเอ็มไป 1 ใบ โดยผู้เสียหายไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความอับอาย
ต่อมาเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายกก.สืบสวน บก.น.2 และฝ่ายสืบสวนสน.บางซื่อ คุมตัว นายวิษณุ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณริมบึง ภายในสวนรถไฟ กม.11 แขวงจอมพล เขตจตุจักร
โดยเริ่มจากจุดแรกบริเวณริมทางเท้าที่นายวิษณุ พบกับนายสราวุฒิผู้ตาย นั่งอยู่หน้ารถพบรถยนต์โตโยต้า อัลติส สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ภศ-5191 กทม.ของตัวเอง จากนั้นก็เป็นจุดที่สองที่ทั้งคู่พากันข้ามรั้วลวดหนามเข้าไปตกลงราคากันบริเวณริมบึง เมื่อผู้ตายเผลอนายวิษณุ ก็ผลักผู้ตายล้มลงไป ก็จะหยิบเหล็กแป๊บที่ซ่อนไว้ใต้พุ่มไม้ขึ้นตีผู้ตายจนแน่นิ่งไป
จากนั้นนายวิษณุ ได้กลับเข้ามาที่รถของผู้ตายเพื่อรื้อค้นทรัพย์สิน ก่อนจะขับรถของผู้ตายออกจากจุดเกิดเหตุออกไปได้ประมาณ 100 เมตร แต่รถเกิดเสียขับต่อไปไม่ได้ ทำให้นายวิษณุ ต้องลงมาจากรถเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่บริเวณริมถนนเพื่อให้มาช่วยเข็นรถ ก่อนที่จะเรียกแท็กซี่สีฟ้าหลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุกลับไปบ้านเกิดจนกระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว
วานนี้(11 ธ.ค.)เวลา 10.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผบช.น. ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายวิษณุ บัวลอย อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 ม.1 ต.โพนสูง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร พร้อมด้วยของกลาง โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เสื้อแจ๊คเก็ตสีดำที่ใส่ในวันก่อเหตุ และท่อนเหล็กที่ใช้ก่อเหตุขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 ซม. ยาว 45 ซม. โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านเกิดของผู้ต้องหา
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. เวลประมาณ 00.30 น.ได้มีคนร้ายใช้ท่อนเหล็กเป็นอาวุธ ตีนายสราวุฒิ เลิศมาลัยมาลย์ อายุ 36 ปี อาจารย์ประจำภาควิชาบัญชี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เสียชีวิต ที่บริเวณสวนรถไฟ ถ.กำแพงเพชร 3 แขวงและเขตจตุจักร กทม. ซึ่งถือว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญของประชาชน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.บางซื่อ และ กก.สส.บก.น.2 จึงได้เร่งสืบหาตัวคนร้ายจนกระทั่งทราบว่า ผู้ที่ลงมือก่อเหตุคือนายวิษณุ จึงควบคุมตัวมาสอบสวน
จากการสอบสวนนายวิษณุ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้เข้ามาพูดคุยเรื่องเซ็กส์ โดยบอกว่าจะขอให้ตนไปหลับนอนด้วย จึงเสนอราคา 2,000 บาท แต่ผู้ตายกลับลวนลามโดยไม่ได้พูดเรื่องเงิน จึงบันดาลโทสะใช้เหล็กท่อนตีเข้าไปศีรษะผู้ตาย 2 ครั้ง จนล้มลงไป ยอมรับว่าที่ทำไปเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ เมื่อเห็นว่าผู้ตายแน่นิ่งไปจึงใช้โทรศัพท์ของผู้ตายโทรแจ้งตำรวจที่หมายเลข 191 และนำเงินที่ได้บางส่วนไปบริจาคให้กับเด็กพิการ ก่อนนำโทรศัพท์มือถือไปขายที่บ้านเกิด โดยเคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันมาแล้ว 3-4 ครั้ง พร้อมกับปฎิเสธว่าไม่ได้เป็นเกย์หรือพวกรักร่วมเพศที่มาขายบริการในบริเวณที่เกิดเหตุแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิษณุ อ้างกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเคยถูกคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ในลักษณะเดียวกันนี้เมื่อหลายเดือนก่อนที่ จ.สมุทรปราการ จึงผูกใจเจ็บและมาก่อเหตุขึ้นในบริเวณดังกล่าว ซึ่งบริเวณดังกล่าวกลุ่มชายรักร่วมเพศมักมารวมตัวกัน โดยทำงานเป็นพนักงานยกสินค้าในโกดังของบริษัทแห่งหนึ่ง
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน เวลา 18.00 น. ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้เหล็กตีนายคำพันธ์ เชียงสาวงศ์ อายุ 27 ปี บาดเจ็บ แล้วเอาโทรศัพท์มือถือและบัตรเครดิต 1ใบ และวันที่ 22 พฤศจิกายน เวลา 22.00 น.ก่อเหตุใช้เหล็กตีนายศุภกฤต ไชยเมือง อายุ 31 ปี บาดเจ็บ และนำโทรศัพท์มือถือ และบัตรเอทีเอ็มไป 1 ใบ โดยผู้เสียหายไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความอับอาย
ต่อมาเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายกก.สืบสวน บก.น.2 และฝ่ายสืบสวนสน.บางซื่อ คุมตัว นายวิษณุ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณริมบึง ภายในสวนรถไฟ กม.11 แขวงจอมพล เขตจตุจักร
โดยเริ่มจากจุดแรกบริเวณริมทางเท้าที่นายวิษณุ พบกับนายสราวุฒิผู้ตาย นั่งอยู่หน้ารถพบรถยนต์โตโยต้า อัลติส สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ภศ-5191 กทม.ของตัวเอง จากนั้นก็เป็นจุดที่สองที่ทั้งคู่พากันข้ามรั้วลวดหนามเข้าไปตกลงราคากันบริเวณริมบึง เมื่อผู้ตายเผลอนายวิษณุ ก็ผลักผู้ตายล้มลงไป ก็จะหยิบเหล็กแป๊บที่ซ่อนไว้ใต้พุ่มไม้ขึ้นตีผู้ตายจนแน่นิ่งไป
จากนั้นนายวิษณุ ได้กลับเข้ามาที่รถของผู้ตายเพื่อรื้อค้นทรัพย์สิน ก่อนจะขับรถของผู้ตายออกจากจุดเกิดเหตุออกไปได้ประมาณ 100 เมตร แต่รถเกิดเสียขับต่อไปไม่ได้ ทำให้นายวิษณุ ต้องลงมาจากรถเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่บริเวณริมถนนเพื่อให้มาช่วยเข็นรถ ก่อนที่จะเรียกแท็กซี่สีฟ้าหลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุกลับไปบ้านเกิดจนกระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว
