เอเอฟพี-จีนออกโรงเตือน เนื่องในวันเอดส์โลก (1 ธ.ค.)ถึงจำนวนผู้ป่วยเอดส์ในกลุ่มชาวรักร่วมเพศ ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมสั่งการสาธารณสุขฯ ให้เร่งมือป้องกันฯ
แถลงการณ์ของกระทรวงสาธารณสุขฯ มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ออกมาแสดงความคิดเห็น และเรียกร้องชาวจีนไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติ กีดกันผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผ่านสื่อของรัฐฯ
"การมีเพศสัมพันธุ์ยังคงเป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อฯ ซึ่งมีเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน ในกลุ่มรักร่วมเพศฯ" กระทรวงฯ กล่าว
"นี่เป็นสถานการณ์ใหม่ ที่เราต้องให้ความใส่ใจ" จีนไม่เคยมีอัตราผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ มากเช่นประเทศอื่นๆ
แรกเริ่มเดิมทีนั้น ผู้ติดเชื้อกลุ่มแรกๆ ของจีน จะอยู่ในกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติด ชนกลุ่มน้อย โสเภณี และการขายเลือด เนื่องจากใช้วิธีการถ่ายเลือดที่ไม่ถูกสุขอนามัย แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ การติดเชื้อเริ่มขยายวงเพิ่มออกไปจากกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อกลุ่มเดิมไปยังประชาชนทั่วไปทั่วประเทศ
ทางกระทรวงฯ ได้เร่งให้การศึกษาเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยและใช้ถุงยางอนามัย
จนถึงปลายเดือน ต.ค.2552นี้ จีนมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ที่เจ้าหน้าที่ได้บันทึกไว้ 319,877 คน รวมถึงผู้ติดเชื้อฯ ใหม่ 48,000 รายในปีนี้ด้วย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์เกือบ 50,000 คนแล้ว
กระทรวงฯ ได้ประมาณการว่า อาจจะมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีในจีน ซึ่งต้องประสบกับความเป็นผู้ถูกสังคมรังเกียจ สูงถึง 740,000 คน อันเป็นสถานการณ์ซึ่งประธานาธิบดี หู ได้กล่าวขึ้นใน กิจกรรมเตือนภัยเอดส์ ที่กรุงปักกิ่ง วันจันทร์ (30 พ.ย.)
ท่าน "ต้องดูแลผู้ป่วยเอดส์และผู้ติดเชื้อเอชไอวี มากขึ้นและอย่างดียิ่งขึ้น พร้อมกับให้การแนะนำต่อสังคมว่าไม่ควรเลือกปฏิบัติกับพวกเขา" ประธานาธิบดีฯ กล่าวกับบรรดาอาสาสมัครป้องกันเอดส์
"เราพอใจกับทัศนคติของท่านผู้นำจีน ในการต่อสู้กับโรคเอดส์" ว่าน หยานไห่ นักกิจกรรมเอดส์ที่มีชื่อเสียงและเป็นประธานของ AIDS Action Project กล่าวกับเอเอฟพี
"แต่เราอยากจะเห็นรัฐบาลเปิดใจให้กับองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) เพราะการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของพวกเรายังคงถูกจำกัด เราไม่สามารถหาเงินบริจาคฯ ภายในประเทศและยังถูกจับตามองดูจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย"