พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ระบุว่า ได้ส่งหนังสือเกี่ยวกับผลการสอบสวน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกที่กระทำผิดวินัยมายถึงสำนักปลัดกระทรวงกลาโหมว่า ได้รับหนังสือดังกล่าวในช่วงบ่ายวันที่ 11 ธ.ค. ซึ่งจากการตรวจสอบ ข้อมูล มีในส่วนแง่มุมของกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ทางสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จึงจะส่งต่อให้กรมพระธรรมนูญพิจารณาในชั้นต้นเพื่อให้พิจารณารายละเอียดให้ครอบคลุมในแง่ของกฎหมาย โดยจะเร่งพิจารณาดำเนินการโดยเร็ว คิดว่าคงจะใช้ระยะเวลาไม่นานซึ่งเมื่อกรมพระธรรมนูญพิจารณา ในข้อกฎหมายเสร็จแล้ว ก็ส่งผ่านให้ พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม นำเสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เพื่อพิจารณาต่อไป
รายงานข่าวจากกองทัพบกแจ้งว่า หลังจากที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้มีตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนความผิดทางวินัย พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล มี พล.ท. มาโนช เปรมวงศ์ศิริ รองเสนาธิการทหารบก เป็นประธาน โดยตั้งกรอบความผิดไว้ 2 ข้อ คือ 1.การหนีราชการไปต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.การให้สัมภาษณ์ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชา ซึ่งในระหว่างการสอบสวนได้เรียก พล.ต. ขัตติยะ มารับทราบ และกำชับให้หยุดการให้สัมภาษณ์ที่ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชา และหยุดเคลื่อนไหวทางการเมืองทุกอย่าง ซึ่ง พล.ต.ขัตติยะ รับปากที่จะหยุดการเคลื่อนไหว แต่ พล.ต.ขัตติยะ กลับยังดำเนินการตามเดิม คือ นำอดีตทหารพรานมาร่วมชุมนุม ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม เพราะยิ่งทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด และทำให้สถานการณ์บ้านเมืองบานปลาย
รายงานข่าวแจ้งว่า ทางคณะกรรมการสอบสวน จึงมีมติเสนอให้ พล.อ.อนุพงษ์ พักราชการพล.ต.ขัตติยะ ฐานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของทหาร โดยกองทัพบกได้ส่งเรื่องผ่านไปยังกระทรวงกลาโหม เพื่อให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เป็นผู้พิจารณาต่อไป
นอกจากนี้ทางศาลทหารจะมีการพิจารณาถึงกรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ ให้สัมภาษณ์ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชา ซึ่งหากศาลทหารพิจารณาว่า มีความผิดอาจถึงขั้นไล่ออกจากราชการ เนื่องจากถือว่าเป็นทหารระดับนายพล แต่ปฏิบัติตัวไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดวินัยอย่างร้ายแรง
แหล่งข่าวกองทัพบก เปิดเผยว่า ในการนำอดีตทหารพรานมาแถลงข่าว ร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ขัตติยะนำอดีตทหารพรานมาเพียงไม่กี่คน ส่วนใหญ่จะนำคนเสื้อแดงมาแต่งชุดทหารพราน แล้วมาแถลงข่าว ซึ่งการกระทำดังกล่าว นายทหารชั้นผู้ใหญ่ติดตามการเคลื่อนไหว ตลอด เพราะถือเป็นการกระทำที่ปลุกระดมให้ต่อต้านรัฐบาล และกองทัพ จึงพิจารณา เห็นสมควรที่จะลงโทษ พล.ต.ขัตติยะ
อย่างไรก็ตามการตัดสินขึ้นอยู่กับรมว.กลาโหม เพราะกองทัพบก เพียงเสนอแนวความคิดเท่านั้น เพราะข้อบังคับของกระทรวงกลาโหมที่จะสั่งพักราชการนายทหารชั้นสัญญาบัตรนั้น รมว.กลาโหมจะต้องเป็นผู้สั่งการโดยตรง
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนก็เป็นทหารยังมองไม่เห็นว่า พล.ต.ขัตติยะ กระทำผิดเรื่องอะไรและจะมาลงโทษทำไม เรื่องอดีตทหารพรานที่ออกมานั้น ยอมรับว่า เป็นคนสั่งการให้ พล.ต.ขัตติยะ เป็นผู้ลงไปดูแลเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าอดีตทหารพรานอาจไปปะทะกับทหารด้วยกันแล้วเรื่องจะบานปลาย จึงเรียก พล.ต.ขัตติยะ มาพูดคุย
ส่วนการที่อดีตทหารพรานเข้าร่วมชุมนุมนั้นเป็นการเข้าร่วมโดยสมัครใจ ของอดีตทหารพราน ตนและพล.ต.ขัตติยะไม่มีอำนาจไปสั่งการให้ใครทำตาม และอดีตทหารพรานดังกล่าว โดยเฉพาะที่ค่ายปักธงชัย ทุกคนนับถือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เปรียบเสมือนพ่อ เลยมาเข้าร่วมชุมนุม บางคน ไปทำหน้าที่เป็นการ์ดคอยดูแลความปลอดภัย ขอยืนยันว่าการชุมนุมครั้งต่อไป ของคนเสื้อแดง จะมีอดีตทหารพรานเข้าร่วมชุมนุมอีกและมีมากกว่าครั้งที่ผ่านมาด้วย
พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า การที่กองทัพบกจะลงโทษเอาผิดกับ พล.ต.ขัตขิยะ ควรพิจาณาให้ดี เพราะมองในส่วนใดไม่พบการทำผิด การที่ พล.ต.ขัตติยะ เข้ามาดูแลนั้น เป็นการลดความเสี่ยงที่ทหารอาจปะทะกัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีหลายคนที่เข้าใจผิด ขอยืนยันว่า อดีตทหารพรานที่เข้าร่วมกับกลุ่มเสื้อแดงมาด้วยความสมัครใจและนับถือ พล.อ.ชวลิต ไม่มีการสั่งการแน่นอน
รายงานข่าวจากกองทัพบกแจ้งว่า หลังจากที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้มีตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนความผิดทางวินัย พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล มี พล.ท. มาโนช เปรมวงศ์ศิริ รองเสนาธิการทหารบก เป็นประธาน โดยตั้งกรอบความผิดไว้ 2 ข้อ คือ 1.การหนีราชการไปต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.การให้สัมภาษณ์ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชา ซึ่งในระหว่างการสอบสวนได้เรียก พล.ต. ขัตติยะ มารับทราบ และกำชับให้หยุดการให้สัมภาษณ์ที่ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชา และหยุดเคลื่อนไหวทางการเมืองทุกอย่าง ซึ่ง พล.ต.ขัตติยะ รับปากที่จะหยุดการเคลื่อนไหว แต่ พล.ต.ขัตติยะ กลับยังดำเนินการตามเดิม คือ นำอดีตทหารพรานมาร่วมชุมนุม ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม เพราะยิ่งทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด และทำให้สถานการณ์บ้านเมืองบานปลาย
รายงานข่าวแจ้งว่า ทางคณะกรรมการสอบสวน จึงมีมติเสนอให้ พล.อ.อนุพงษ์ พักราชการพล.ต.ขัตติยะ ฐานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของทหาร โดยกองทัพบกได้ส่งเรื่องผ่านไปยังกระทรวงกลาโหม เพื่อให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เป็นผู้พิจารณาต่อไป
นอกจากนี้ทางศาลทหารจะมีการพิจารณาถึงกรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ ให้สัมภาษณ์ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชา ซึ่งหากศาลทหารพิจารณาว่า มีความผิดอาจถึงขั้นไล่ออกจากราชการ เนื่องจากถือว่าเป็นทหารระดับนายพล แต่ปฏิบัติตัวไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดวินัยอย่างร้ายแรง
แหล่งข่าวกองทัพบก เปิดเผยว่า ในการนำอดีตทหารพรานมาแถลงข่าว ร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ขัตติยะนำอดีตทหารพรานมาเพียงไม่กี่คน ส่วนใหญ่จะนำคนเสื้อแดงมาแต่งชุดทหารพราน แล้วมาแถลงข่าว ซึ่งการกระทำดังกล่าว นายทหารชั้นผู้ใหญ่ติดตามการเคลื่อนไหว ตลอด เพราะถือเป็นการกระทำที่ปลุกระดมให้ต่อต้านรัฐบาล และกองทัพ จึงพิจารณา เห็นสมควรที่จะลงโทษ พล.ต.ขัตติยะ
อย่างไรก็ตามการตัดสินขึ้นอยู่กับรมว.กลาโหม เพราะกองทัพบก เพียงเสนอแนวความคิดเท่านั้น เพราะข้อบังคับของกระทรวงกลาโหมที่จะสั่งพักราชการนายทหารชั้นสัญญาบัตรนั้น รมว.กลาโหมจะต้องเป็นผู้สั่งการโดยตรง
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนก็เป็นทหารยังมองไม่เห็นว่า พล.ต.ขัตติยะ กระทำผิดเรื่องอะไรและจะมาลงโทษทำไม เรื่องอดีตทหารพรานที่ออกมานั้น ยอมรับว่า เป็นคนสั่งการให้ พล.ต.ขัตติยะ เป็นผู้ลงไปดูแลเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าอดีตทหารพรานอาจไปปะทะกับทหารด้วยกันแล้วเรื่องจะบานปลาย จึงเรียก พล.ต.ขัตติยะ มาพูดคุย
ส่วนการที่อดีตทหารพรานเข้าร่วมชุมนุมนั้นเป็นการเข้าร่วมโดยสมัครใจ ของอดีตทหารพราน ตนและพล.ต.ขัตติยะไม่มีอำนาจไปสั่งการให้ใครทำตาม และอดีตทหารพรานดังกล่าว โดยเฉพาะที่ค่ายปักธงชัย ทุกคนนับถือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เปรียบเสมือนพ่อ เลยมาเข้าร่วมชุมนุม บางคน ไปทำหน้าที่เป็นการ์ดคอยดูแลความปลอดภัย ขอยืนยันว่าการชุมนุมครั้งต่อไป ของคนเสื้อแดง จะมีอดีตทหารพรานเข้าร่วมชุมนุมอีกและมีมากกว่าครั้งที่ผ่านมาด้วย
พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า การที่กองทัพบกจะลงโทษเอาผิดกับ พล.ต.ขัตขิยะ ควรพิจาณาให้ดี เพราะมองในส่วนใดไม่พบการทำผิด การที่ พล.ต.ขัตติยะ เข้ามาดูแลนั้น เป็นการลดความเสี่ยงที่ทหารอาจปะทะกัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีหลายคนที่เข้าใจผิด ขอยืนยันว่า อดีตทหารพรานที่เข้าร่วมกับกลุ่มเสื้อแดงมาด้วยความสมัครใจและนับถือ พล.อ.ชวลิต ไม่มีการสั่งการแน่นอน
