เชียงราย – กลุ่มอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่หยุนหนัน จีน ยกทีมลงท่องคุน-มั่ง กงลู่ เปิดหน้าหาคู่ขยายเครือข่ายการลงทุนผ่านไทย รองรับข้อตกลงจีนอาเซียน ที่จะเริ่มใช้ 1 ม.ค.53 ยันรัฐบาลจีนพร้อมหนุนเต็มที่ เผยหลัง R3a เสร็จ มีกองทุนพร้อมสนับสนุนภาคธุรกิจตามเส้นทางยุทธศาสตร์สายนี้แล้ว 300 ล้านหยวน
วานนี้ (8 ธ.ค.) คณะนักธุรกิจรายใหญ่จากมณฑลหยุนหนัน สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เดินทางด้วยรถยนต์จากเมืองคุนหมิง เมืองเอกของหยุนหนัน มาตามถนน R3a ใน สปป.ลาว และขึ้นฝั่งที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เข้าร่วมประชุมหารือด้านการลงทุนการค้าและลอจิสติกส์ ระหว่างหอการค้า จ.เชียงราย -สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กับสมาคมหยุนหนันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ ณ โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์รีสอร์ท อ.เมือง จ.เชียงราย
คณะนักธุรกิจจีนที่เดินทางมาครั้งนี้ มีนาย Xu Zhonglin อดีตประธานกระทรวงอุตสาหกรรมมณฑลหยุนหนัน เป็นหัวหน้าคณะ พร้อมด้วยนาย Liu Shijie ประธานสหภาพกรมแรงงานมณฑลหยุนหนัน และหัวหน้าเลขาธิการสมาคมหยุนหนันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ นายZhang Hui ประธานรัฐสภาและที่ปรึกษาทางการเมืองมณฑลหยุนหนัน นายZhou Rui หัวหน้าเลขาธิการรัฐสภามณฑลหยุนหนัน
รวมทั้งมีภาคเอกชนรายใหญ่ เช่น กลุ่มผู้บริการบริษัทหยุนหนันการลงทุนในภาคพื้นเอเชีย จำกัด บริษัทหยุนหนันกลุ่มวิศวกรรมก่อสร้าง จำกัด บริษัทโลหะกรรมวิศวกรรมก่อสร้าง จำกัด บริษัทคุนหมิงเหาเหม่ย อสังหาริมทรัพย์พัฒนา จำกัด บริษัทหยุนหนันลู่เฉียว จำกัด โรงงานไท่เหอซึ่งอยู่ในเครือซีวายกรุ๊ป จำกัด บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนลคอมบัสชั่นเอ็นยิเนีย จำกัด โรงงานผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในเครือบริษัทจิ่วโจว อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นต้น
กลุ่มนักธุรกิจจีน ได้แนะนำบริษัทต่างๆ ที่เปิดกิจการอยู่แล้วในหยุนหนัน และต้องการจะขยายการค้ามาตามถนน R3a ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ เชื่อมโยงคุนหมิง-กรุงเทพฯ หรือคุน-มั่ง กงลู่ และแจ้งถึงศักยภาพของบริษัทต่างๆ ว่ามีสินค้าประเภทใดและต้องการทำธุรกิจตามเส้นทางสายนี้ รวมถึงไทยด้วย โดยเฉพาะการทำธุรกิจภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ ระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับจีน หรืออาเซียนบวกหนึ่ง
นาย Xu Zhonglin กล่าวว่า ข้อตกลงอาเซียนบวกหนึ่งจะเริ่มเปิดใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม2553 เป็นต้นไปซึ่งจะทำให้เกิดแรงจูงใจทำให้การค้าระหว่างประเทศจีนกับกลุ่มอาเซียนโดยเฉพาะประเทศไทยคึกคักมากขึ้น ซึ่งหยุนหนัน-เชียงราย ต่างเป็นเมืองหน้าด่านของกันและกัน จึงเสมือนเป็นจุดเชื่อมลอจิสติกส์ร่วมกันระหว่างจีนและกลุ่มอาเซียน ดังนั้นในครั้งนี้จึงได้นำคณะเดินทางมาเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์และแสวงหาความร่วมมือทางธุรกิจร่วมกันเพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์จากข้อตกลง –เส้นทางคมนาคมที่สะดวกมากขึ้น
ด้านนายฟ่ง หวา กรรมการบริษัทจิ่วโจว อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า เมื่อถึงเวลาเปิดเอฟเอทีตามข้อตกลงอาเซียนบวกหนึ่งตั้งแต่ต้นปีหน้า ก็จะทำให้มีมณฑลต่างๆ ในประเทศจีนจำนวน 4 มณฑล ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการค้าการลงทุนและการขนส่งกับภาคเหนือของไทยโดยผ่านเชียงราย ได้แก่ หยุนหนัน กว่างสี เสฉวนและกุ้ยโจว ซึ่งมีประชากรรวมกันไม่น้อยกว่า 200 ล้านคน ต่างมีการพัฒนาธุรกิจด้านอุตสาหกรรมหนักมาอย่างต่อเนื่อง และที่ผ่านมาก็มีสินค้ากระจายในตลาดภูมิภาคนี้อยู่แล้ว แต่ขนส่งผ่านทางเรือเดินทะเลในทะเลจีนใต้เพื่อไปยังท่าเรือประเทศสิงคโปร์ เพื่อจะกระจายสินค้าไปทั่วโลก
เมื่อเส้นทางคมนาคมบน R3a สะดวกขึ้นและมีข้อตกลงอาเซียนบวกหนึ่ง กลุ่มเอกชนเหล่านี้ก็จะใช้ประโยชน์จากเส้นทางนี้เพื่อส่งสินค้าไปตามถนนคุน-มั่ง กงลู่ ต่อไปยังท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อกระจายสินค้าผ่านอ่าวไทยและท่าเรือ จ.ระนอง ออกไปทางทะเลอันดามันและมหาสมุทรอินเดียต่อไป
เขาย้ำว่า ปัจจุบันรัฐบาลจีนให้การสนับสนุนภาคเอกชนเพื่อขยายการค้าการลงทุนผ่านไทยมาก โดยสนับสนุนด้านเงินทุนกับหลายบริษัท ในลักษณะร่วมทุนกับเอกชนสัดส่วน 50 ต่อ 50 แม้แต่ถนน R3a ผ่าน สปป.ลาว ซึ่งร่วมทุนระหว่างไทย-จีน-ธนาคารพัฒนาเอเชีย จำนวน 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็ยังมีการระดมเงินทุนเอาไว้อีก 300 ล้านหยวน หรือ 1,500 กว่าล้านบาท เพื่อสนับสนุนเอกชนที่จะเข้าไปลงทุนตามแนวถนน R3a
“บริษัทเรากำลังรอสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อมห้วยทราย กับ อ.เชียของ จ.เชียงราย จากนั้นจะลงทุนสร้างโรงแรมที่เชียงของ และพัฒนาระบบลอจิสติกส์ เพื่อรองรับการพัฒนาบนคุน-มั่ง กงลู่ ต่อไป เชื่อว่าในอนาคตจะมีการพัฒนาตามถนนสายนี้มากทั้งด้านลอจิสติกส์ คลังสินค้า และสำหรับ จ.เชียงราย เหมาะจะมีศูนย์จัดแสดงสินค้านานาชาติ เพราะเป็นประตูเชื่อมระหว่างอาเซียนและจีน ซึ่งศูนย์นี้จะช่วยส่งเสริมทั้งทางด้านอุตสาหกรรม การพาณิชย์ การขนส่งและการท่องเที่ยวได้พร้อมๆ กัน”
ด้านนายวิรุณ คำภิโล ประธานหอการค้าฯเชียงราย กล่าวว่า เอกชนจีนได้สอบถามข้อมูลต่างๆ เพื่อการลงทุนรองรับถนนสายกรุงเทพฯ-คุนหมิง ซึ่งตรงกับนโยบายของหอการค้าที่ต้องการดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุน โดยเรามีนโยบายคือเป็นการลงทุนด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมสะอาด การท่องเที่ยว การค้าชายแดนและลอจิสติกส์ เชื่อว่าในอนาคตจะเกิดการลงทุนอย่างจริงจังมากขึ้น เพราะบริษัทที่ร่วมเดินทางมาในครั้งนี้ต่างเป็นรายใหญ่โดยกรณีอุตสาหกรรมถลุงเหล็ก ถือว่าเป็นกิจการที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้เลยทีเดียว ซึ่งหลังพบปะกับหอการค้า จ.เชียงราย แล้วคณะนี้จะเดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ ด้วย
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับบริษัท จิ่วโจว อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เคยซื้อที่ดินที่หมู่บ้านดอนมหาวัน ต.เวียง อ.เชียงของ จำนวน 50 ไร่ เอาไว้เมื่อประมาณ 1 ปีก่อนเพื่อเตรียมก่อสร้างคลับเฮาส์ บ้านพัก โรงแรม ด้วยเงินลงทุน 500 ล้านบาท เฟสแรกจะสร้างเป็นบ้านพัก เฟส 2-3 สร้างเป็นโรงแรมสูง 8 ชั้น 300 ห้อง กำหนดเวลาก่อสร้าง 2 ปี
ทั้งนี้บริษัทยังมีแผนร่วมทุนกับเอกชนไทยในการทำธุรกิจนำเที่ยว โรงแรม และสนามกอล์ฟ เพื่อรองรับการท่องเที่ยว หลังจากมีการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อมเชียงของ-ห้วยทราย ซึ่งรัฐบาลไทยและจีนกำลังร่วมกันก่อสร้างด้วยเงินทุนกว่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกำหนดจะจัดประกวดราคาในวันที่ 7 มกราคม2553 และจะทำการก่อสร้างตั้งแต่กลางปีเป็นต้นไปโดยใช้ระยะเวลา 30 เดือน
