ASTVผู้จัดการรายวัน – อสมท ปรับผังรายการใหม่ประจำไตรมาสแรกปี 53 เปิดกว้างรับผู้จัดหน้าใหม่เพียบ รุกหนักรายการบันเทิง สู้กระแสการแข่งขัน ชิงฐานคนดูจากเคเบิลทีวี ดูดรายได้โฆษณาเพิ่ม พร้อมเดินหน้าบุกนิวมีเดีย อีก 2-3 ตัว เชื่อปีหน้าอนาคตสดใส
นายธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนได้เข้ามารับตำแหน่งประมาณ 3-4 เดือน ได้มีการสำรวจพฤติกรรมฐานผู้ชม เพื่อที่จะนำมาปรับใช้กับผังรายการใหม่ ล่าสุดสำหรับผังรายการใหม่ประจำไตรมาสแรก ปี 2553 จะมีการปรับเพิ่มรายการบันเทิงจาก 20% เป็น 23% และรายการกลุ่มสาระบันเทิงจาก 14% เป็น 16%
ขณะที่รายการสาระและข่าวยังคงไว้ที่ประมาณ 60%
การปรับผังรายการครั้งนี้ ส่วนสำคัญเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้สมกับการที่ อสมท ต้องการเป็นองค์กรสื่อชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน ทั้งในแง่ของรายได้ที่ต้องมีผลประกอบการที่ดี ฐานผู้ชมที่เข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้มากขึ้น โดยนอกจากการปรับผังรายการแล้ว ปีหน้าบริษัทยังมุ่งพัฒนานิวมีเดีย เพื่อให้ต่อยอดกับธุรกิจเดิม เข้าถึงฐานผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งปีหน้าเตรียมแผนลุยธุรกิจนิวมีเดียประมาณ 2-3 โปรเจกต์ คาดว่าโปรเจกต์แรก คือ โมบายทีวี น่าจะได้เห็นช่วงกลางปีหน้าแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมรายได้ของอสมท ในสิ้นปีนี้ เชื่อว่าจะสูงจากเป้าเดิมที่วางไว้ 5-7% เล็กน้อย จาก 4,300 ล้านบาทที่ทำได้ในปีที่ผ่านมา ซึ่งตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา รายได้จากทีวีอยู่ที่ 2,653 ล้านบาท เติบโตขึ้นราว 10%
นายเขมทัตต์ พลเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สำนักการตลาด) บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การปรับผังรายการครั้งนี้ จะเห็นว่ามีรายการบันเทิงมากขึ้น จากผู้จัดหน้าใหม่ๆ รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 9 รายการ ทั้งซิทคอม วาไรตี้สำหรับผู้หญิง และวัยรุ่น เช่น ละคร วุ่นนักรักข้างตลาด, วงษ์คำเหลา เดอะซีรีย์ และรายการบันเทิง อย่าง ฮาจะเกร็ง และรายการ The Seed Show by request รวมถึง รายการเนตรนารี และธรรม สเน่ห์ ส่วนรายการที่หลุดไป เช่น ตาสว่าง ช่วงเวลา 22.15-24.00 น. เปลี่ยนมาเป็น The Seed Show by request และ The One รวมไทยใจหนึ่งเดียว
สำหรับการปรับผังรายการครั้งนี้ เชื่อว่าจะเอื้อต่อการหารายได้จากโฆษณาให้ได้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะมีช่วงเวลาในบางรายการที่มีการปรับราคาโฆษณาขึ้นด้วย อาทิ เช่น ซิทคอมที่มีเรตติ้งดีอย่างช่วงไพร์มไทม์ตอนเย็นๆ วันเสาร์-อาทิตย์ และรายการเรตติ้งดีๆอย่าง ดาวกระจาย โดยเฉลี่ยแล้วจะมีการปรับราคาโฆษณาขึ้นประมาณ 5-10% นอกจากนี้การปรับผังครั้งนี้
เพื่อต้องการให้สามารถสู้กับสถานการณ์การแข่งขันด้านสื่อ ที่มองว่าจะแข่งขันกันสูงขึ้น นิวมีเดียมีมากขึ้น ผู้ชมมีตัวเลือกในการรับชมมากขึ้นด้วย
นายธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนได้เข้ามารับตำแหน่งประมาณ 3-4 เดือน ได้มีการสำรวจพฤติกรรมฐานผู้ชม เพื่อที่จะนำมาปรับใช้กับผังรายการใหม่ ล่าสุดสำหรับผังรายการใหม่ประจำไตรมาสแรก ปี 2553 จะมีการปรับเพิ่มรายการบันเทิงจาก 20% เป็น 23% และรายการกลุ่มสาระบันเทิงจาก 14% เป็น 16%
ขณะที่รายการสาระและข่าวยังคงไว้ที่ประมาณ 60%
การปรับผังรายการครั้งนี้ ส่วนสำคัญเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้สมกับการที่ อสมท ต้องการเป็นองค์กรสื่อชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน ทั้งในแง่ของรายได้ที่ต้องมีผลประกอบการที่ดี ฐานผู้ชมที่เข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้มากขึ้น โดยนอกจากการปรับผังรายการแล้ว ปีหน้าบริษัทยังมุ่งพัฒนานิวมีเดีย เพื่อให้ต่อยอดกับธุรกิจเดิม เข้าถึงฐานผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งปีหน้าเตรียมแผนลุยธุรกิจนิวมีเดียประมาณ 2-3 โปรเจกต์ คาดว่าโปรเจกต์แรก คือ โมบายทีวี น่าจะได้เห็นช่วงกลางปีหน้าแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมรายได้ของอสมท ในสิ้นปีนี้ เชื่อว่าจะสูงจากเป้าเดิมที่วางไว้ 5-7% เล็กน้อย จาก 4,300 ล้านบาทที่ทำได้ในปีที่ผ่านมา ซึ่งตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา รายได้จากทีวีอยู่ที่ 2,653 ล้านบาท เติบโตขึ้นราว 10%
นายเขมทัตต์ พลเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สำนักการตลาด) บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การปรับผังรายการครั้งนี้ จะเห็นว่ามีรายการบันเทิงมากขึ้น จากผู้จัดหน้าใหม่ๆ รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 9 รายการ ทั้งซิทคอม วาไรตี้สำหรับผู้หญิง และวัยรุ่น เช่น ละคร วุ่นนักรักข้างตลาด, วงษ์คำเหลา เดอะซีรีย์ และรายการบันเทิง อย่าง ฮาจะเกร็ง และรายการ The Seed Show by request รวมถึง รายการเนตรนารี และธรรม สเน่ห์ ส่วนรายการที่หลุดไป เช่น ตาสว่าง ช่วงเวลา 22.15-24.00 น. เปลี่ยนมาเป็น The Seed Show by request และ The One รวมไทยใจหนึ่งเดียว
สำหรับการปรับผังรายการครั้งนี้ เชื่อว่าจะเอื้อต่อการหารายได้จากโฆษณาให้ได้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะมีช่วงเวลาในบางรายการที่มีการปรับราคาโฆษณาขึ้นด้วย อาทิ เช่น ซิทคอมที่มีเรตติ้งดีอย่างช่วงไพร์มไทม์ตอนเย็นๆ วันเสาร์-อาทิตย์ และรายการเรตติ้งดีๆอย่าง ดาวกระจาย โดยเฉลี่ยแล้วจะมีการปรับราคาโฆษณาขึ้นประมาณ 5-10% นอกจากนี้การปรับผังครั้งนี้
เพื่อต้องการให้สามารถสู้กับสถานการณ์การแข่งขันด้านสื่อ ที่มองว่าจะแข่งขันกันสูงขึ้น นิวมีเดียมีมากขึ้น ผู้ชมมีตัวเลือกในการรับชมมากขึ้นด้วย
