เอเอฟพี / ASTV ผู้จัดการรายวัน – สื่อเกาหลีใต้และจีนต่างรายงานเมื่อวานนี้ (1) ทางการเกาหลีเหนือทำการปรับค่าเงินวอนของตัวเองครั้งใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี ถือเป็นความพยายามล่าสุดของรัฐบาลโสมแดงที่จะรับมือกับภาวะเงินเฟ้อในประเทศ และเพื่อควบคุมการค้าเงินตราของตนในตลาดมืด
สำนักข่าวยอนฮัป และสื่อหลายสำนักของเกาหลีใต้ต่างรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าของวันจันทร์ (30) รัฐบาลเกาหลีเหนือได้แถลงปรับค่าเงินตราของตัวเองใหม่ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ หลังจากค่าเงินวอนเกาหลีเหนือลดฮวบอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การประกาศแผนปฏิรูปเศรษฐกิจของทางการโสมแดงเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 2002 เป็นต้นมา โดยค่าของเงินวอนใหม่นี้เมื่อเทียบกับของเดิม จะคิดเป็น1ต่อ 100 นั่นคือ ธนบัตรใบละ 1,000วอนตามค่าเงินดั้งเดิม จะถูกแทนที่ด้วยธนบัตรใหม่ที่มีมูลค่า 10 วอนในทันที ปรากฏว่าข่าวนี้สร้างความแตกตื่นและสับสนอย่างมากในตลาดการค้าต่างๆของโสมแดง โดยเฉพาะตลาดติดพรมแดนจีน เช่น เมืองเสิ่นหยาง
ยอนฮัปอ้างแหล่งข่าวที่เป็นพ่อค้าชาวเกาหลีเหนือรายหนึ่งซึ่งทำการค้ากับจีนเป็นประจำ ที่ระบุว่า ผู้คนจำนวนมากในกรุงเปียงยางถึงกับตกตะลึงกับข่าวนี้ โดยหลายคนที่พอจะมีทรัพย์สมบัติเก็บสะสมไว้ ต่างก็รีบนำสมบัติของตนไปยังตลาดมืดเพื่อขอแลกเปลี่ยนเป็นเงินหยวน และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มาเก็บไว้แทน ทำให้ค่าเงินของทั้งสองสกุลพุ่งสูงลิ่ว
ด้านสำนักข่าวซินหวาของทางการจีนรายงานว่า ทางการเกาหลีเหนือส่งหนังสือถึงสถานเอกอัครราชทูตจีนในกรุงเปียงยางเพื่อแจ้งเรื่องการปรับค่าเงินใหม่ ก่อนหน้าการประกาศใช้จริงไม่กี่ชั่วโมง โดยที่โสมแดงไม่มีการชี้แจงถึงเหตุผลแต่อย่างใด ขณะเดียวกันซินหวายังระบุว่าบรรดาพ่อค้าแม่ขายจำนวนมากตามตลาดการค้าบริเวณชายแดนจีน-เกาหลีเหนือ ต่างพากันปิดร้านโดยบอกว่า ต้องปิดประมาณ 1 สัปดาห์เพื่อรอดูความชัดเจนก่อน หลังจากทางการประกาศปรับค่าเงินใหม่แบบสายฟ้าแลบเช่นนี้
โช-บอง-ฮยุน ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจเกาหลีเหนือ แห่งสถาบันวิจัยเศรษฐกิจไอบีเคในกรุงโซล ชี้ว่า ความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือในครั้งนี้ น่าจะมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาการทุจริตและภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศมากกว่าที่จะเป็นการจงใจสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการค้าในภูมิภาค เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า รัฐบาลโสมแดงได้ส่งสัญญาณเตือนพวกนักค้าเงินที่เก็งกำไรค่าเงินวอนในตลาดมืดมาระยะหนึ่งแล้ว หลังจากที่คนกลุ่มนี้สร้างความร่ำรวยให้กับตนเองอย่างผิดกฎหมาย ด้วยการปั่นค่าเงินวอนเกาหลีเหนือไปถึงระดับ 2,000 – 20,000 วอนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งที่อัตราแลกเปลี่ยนที่ทางการกำหนดอยู่ที่เพียง 135 วอนต่อดอลลาร์เท่านั้น
ขณะที่คิมชางกี บรรณาธิการของโชซอน อิลโบ หนังสือพิมพ์ชื่อดังของพวกฝ่ายขวาในเกาหลีใต้วิเคราะห์ว่าการปรับค่าเงินของโสมแดงคราวนี้ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เมื่อปี 1992 เป็นต้นมา นอกจากจะมีจุดประสงค์เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อในประเทศ ให้ค่าจ้างและราคาสินค้าสอดคล้องความเป็นจริงมากขึ้นแล้ว ยังถือเป็นมาตรการล่าสุดของรัฐบาลเปียงยางที่ต้องการควบคุมผู้คนในสังคมให้เข้มงวดยิ่งขึ้น ก่อนหน้าที่จะมีการถ่ายโอนอำนาจทางการเมืองจากคิมจองอิล ผู้นำสูงสุดคนปัจจุบัน วัย 68 ปีไปสู่ คิมจองอุน บุตรชายคนเล็กซึ่งเป็นทายาททางการเมืองของเขาอีกด้วย
สำนักข่าวยอนฮัป และสื่อหลายสำนักของเกาหลีใต้ต่างรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าของวันจันทร์ (30) รัฐบาลเกาหลีเหนือได้แถลงปรับค่าเงินตราของตัวเองใหม่ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ หลังจากค่าเงินวอนเกาหลีเหนือลดฮวบอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การประกาศแผนปฏิรูปเศรษฐกิจของทางการโสมแดงเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 2002 เป็นต้นมา โดยค่าของเงินวอนใหม่นี้เมื่อเทียบกับของเดิม จะคิดเป็น1ต่อ 100 นั่นคือ ธนบัตรใบละ 1,000วอนตามค่าเงินดั้งเดิม จะถูกแทนที่ด้วยธนบัตรใหม่ที่มีมูลค่า 10 วอนในทันที ปรากฏว่าข่าวนี้สร้างความแตกตื่นและสับสนอย่างมากในตลาดการค้าต่างๆของโสมแดง โดยเฉพาะตลาดติดพรมแดนจีน เช่น เมืองเสิ่นหยาง
ยอนฮัปอ้างแหล่งข่าวที่เป็นพ่อค้าชาวเกาหลีเหนือรายหนึ่งซึ่งทำการค้ากับจีนเป็นประจำ ที่ระบุว่า ผู้คนจำนวนมากในกรุงเปียงยางถึงกับตกตะลึงกับข่าวนี้ โดยหลายคนที่พอจะมีทรัพย์สมบัติเก็บสะสมไว้ ต่างก็รีบนำสมบัติของตนไปยังตลาดมืดเพื่อขอแลกเปลี่ยนเป็นเงินหยวน และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มาเก็บไว้แทน ทำให้ค่าเงินของทั้งสองสกุลพุ่งสูงลิ่ว
ด้านสำนักข่าวซินหวาของทางการจีนรายงานว่า ทางการเกาหลีเหนือส่งหนังสือถึงสถานเอกอัครราชทูตจีนในกรุงเปียงยางเพื่อแจ้งเรื่องการปรับค่าเงินใหม่ ก่อนหน้าการประกาศใช้จริงไม่กี่ชั่วโมง โดยที่โสมแดงไม่มีการชี้แจงถึงเหตุผลแต่อย่างใด ขณะเดียวกันซินหวายังระบุว่าบรรดาพ่อค้าแม่ขายจำนวนมากตามตลาดการค้าบริเวณชายแดนจีน-เกาหลีเหนือ ต่างพากันปิดร้านโดยบอกว่า ต้องปิดประมาณ 1 สัปดาห์เพื่อรอดูความชัดเจนก่อน หลังจากทางการประกาศปรับค่าเงินใหม่แบบสายฟ้าแลบเช่นนี้
โช-บอง-ฮยุน ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจเกาหลีเหนือ แห่งสถาบันวิจัยเศรษฐกิจไอบีเคในกรุงโซล ชี้ว่า ความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือในครั้งนี้ น่าจะมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาการทุจริตและภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศมากกว่าที่จะเป็นการจงใจสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการค้าในภูมิภาค เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า รัฐบาลโสมแดงได้ส่งสัญญาณเตือนพวกนักค้าเงินที่เก็งกำไรค่าเงินวอนในตลาดมืดมาระยะหนึ่งแล้ว หลังจากที่คนกลุ่มนี้สร้างความร่ำรวยให้กับตนเองอย่างผิดกฎหมาย ด้วยการปั่นค่าเงินวอนเกาหลีเหนือไปถึงระดับ 2,000 – 20,000 วอนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งที่อัตราแลกเปลี่ยนที่ทางการกำหนดอยู่ที่เพียง 135 วอนต่อดอลลาร์เท่านั้น
ขณะที่คิมชางกี บรรณาธิการของโชซอน อิลโบ หนังสือพิมพ์ชื่อดังของพวกฝ่ายขวาในเกาหลีใต้วิเคราะห์ว่าการปรับค่าเงินของโสมแดงคราวนี้ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เมื่อปี 1992 เป็นต้นมา นอกจากจะมีจุดประสงค์เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อในประเทศ ให้ค่าจ้างและราคาสินค้าสอดคล้องความเป็นจริงมากขึ้นแล้ว ยังถือเป็นมาตรการล่าสุดของรัฐบาลเปียงยางที่ต้องการควบคุมผู้คนในสังคมให้เข้มงวดยิ่งขึ้น ก่อนหน้าที่จะมีการถ่ายโอนอำนาจทางการเมืองจากคิมจองอิล ผู้นำสูงสุดคนปัจจุบัน วัย 68 ปีไปสู่ คิมจองอุน บุตรชายคนเล็กซึ่งเป็นทายาททางการเมืองของเขาอีกด้วย
