เอเอฟพี – อิหร่านเพิ่มความตึงเครียดในประเด็นปัญหาโครงการนิวเคลียร์ของตน ด้วยการประกาศในวันอาทิตย์ (29 พ.ย.) ว่าจะสร้างโรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมเพิ่มอีก 10 แห่ง ขณะที่สหรัฐฯตอบโต้โดยเตือนว่า เตหะรานจะต้องปฏิบัติตามแนวทางระหว่างประเทศในเรื่องนิวเคลียร์ให้ได้ก่อนที่จะหมดเวลา อย่างไรก็ดี เมื่อวานนี้(30) ประธานรัฐสภาอิหร่าน อาลี ลาริจานี ออกมาแถลงด้วยท่าทีนุ่มนวลขึ้น โดยบอกว่าปัญหานี้ยังสามารถแก้ไขได้ด้วยการเจรจากัน
เมื่อวันศุกร์ (27) ทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ได้ประณามอิหร่านเรื่องการสร้างโรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมแห่งที่สองในบริเวณภูเขาแห่งหนึ่งของเมืองกุม พอถึงวันอาทิตย์ โทรทัศน์แห่งรัฐของอิหร่านก็รายงานว่า คณะรัฐมนตรีได้สั่งการให้เริ่มสร้างโรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมเพิ่ม 5 แห่งในพื้นที่ที่เลือกไว้แล้ว และให้หาสถานที่สร้างโรงงานใหม่อีก 5 แห่งภายใน 2 เดือนข้างหน้า
ส่วนสำนักข่าวไอเอสเอ็นเอก็รายงานคำพูดของ อาลี อัคบาร์ ซาเลฮี รองประธานาธิบดีอิหร่านซึ่งรับผิดชอบสำนักงานปรมาณูของอิหร่านที่กล่าวว่า “การตัดสินใจครั้งนี้เป็นคำตอบชัดเจนต่อการเคลื่อนไหวอย่างหยาบคายของกลุ่ม 5+1” ทั้งนี้กลุ่ม 5+1 หมายถึงสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 5 ประเทศคือ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ ที่ร่วมมือกับเยอรมนี ในการกดดันอิหร่านไม่ให้เดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ในลักษณะที่อาจเดินไปสู่การสร้างอาวุธได้
รองประธานาธิบดีผู้นี้บอกว่าบอกว่า “เราทำตามสิทธิพึงมีของเราเช่นเดียวกับที่เราทำตามเงื่อนไขของนานาชาติ … และนับจากนี้เราจะไปสร้างโรงงานอยู่ตามภูเขา กระจายกันออกไป เพื่อความปลอดภัยหากเกิดการโจมตีขึ้น”
นอกจากนั้น รัฐสภาอิหร่านก็ได้เรียกร้องให้รัฐบาลลดความสัมพันธ์กับไอเออีเอลงด้วย ส่วนประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจัด บอกว่ารัฐบาลกำลังหาทางสกัดยูเรเนียมที่มีความบริสุทธิ์ 20 เปอร์เซ็นต์ภายในประเทศ และต้องการผลิตเชื้อเพลิงให้ได้ราว 250-300 ตันต่อปี จึงต้องเพิ่มโรงงาน
ทางด้านรอเบิร์ต กิบส์ โฆษกทำเนียบขาว สหรัฐฯ บอกว่าอิหร่านไม่มีเวลาอีกแล้ว “หากข่าวนี้เป็นจริงก็ถือว่าอิหร่านละเมิดมติของสหประชาชาติอย่างรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง และเป็นการบอกว่าอิหร่านเลือกที่จะโดดเดี่ยวตัวเอง”
ส่วนอังกฤษและเยอรมนีก็ออกมาเรียกร้องให้อิหร่านปฏิบัติตามมติของสหประชาชาติ และให้ความร่วมมือกับไอเออีเอเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ประธานรัฐสภาลาริจานีแถลงวานนี้ว่า “ผมคิดว่ายังคงมีโอกาสทางการทูต และมันจะเป็นประโยชน์แก่พวกเขา (กลุ่ม5+1) ที่จะอาศัยวิถีทางนี้ ดังนั้นอิหร่านจะทำงานของตนภายใต้กรอบโครงของไอเออีเอและการกำกับตรวจสอบระหว่างประเทศต่อไป” พร้อมกับย้ำว่า วิธีนี้จะทำให้เป็นที่ชัดเจนแก่บรรดามหาอำนาจของโลกว่า โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านนั้น เป็นโครงการเพื่อสันติ
การเปลี่ยนเสียงของลาริจานีเช่นนี้เป็นที่สนใจกันมาก เนื่องจากตัวเขาเคยเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่เจรจาเรื่องนิวเคลียร์ของฝ่ายอิหร่าน รวมทั้งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนแรกของฝ่ายอิหร่านที่ออกมาพูดตอบโต้โจมตีไอเออีเอในวันศุกร์ หลังจากทบวงแห่งนี้ประณามอิหร่านเรื่องโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมแห่งที่สอง
เมื่อวันศุกร์ (27) ทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ได้ประณามอิหร่านเรื่องการสร้างโรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมแห่งที่สองในบริเวณภูเขาแห่งหนึ่งของเมืองกุม พอถึงวันอาทิตย์ โทรทัศน์แห่งรัฐของอิหร่านก็รายงานว่า คณะรัฐมนตรีได้สั่งการให้เริ่มสร้างโรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมเพิ่ม 5 แห่งในพื้นที่ที่เลือกไว้แล้ว และให้หาสถานที่สร้างโรงงานใหม่อีก 5 แห่งภายใน 2 เดือนข้างหน้า
ส่วนสำนักข่าวไอเอสเอ็นเอก็รายงานคำพูดของ อาลี อัคบาร์ ซาเลฮี รองประธานาธิบดีอิหร่านซึ่งรับผิดชอบสำนักงานปรมาณูของอิหร่านที่กล่าวว่า “การตัดสินใจครั้งนี้เป็นคำตอบชัดเจนต่อการเคลื่อนไหวอย่างหยาบคายของกลุ่ม 5+1” ทั้งนี้กลุ่ม 5+1 หมายถึงสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 5 ประเทศคือ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ ที่ร่วมมือกับเยอรมนี ในการกดดันอิหร่านไม่ให้เดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ในลักษณะที่อาจเดินไปสู่การสร้างอาวุธได้
รองประธานาธิบดีผู้นี้บอกว่าบอกว่า “เราทำตามสิทธิพึงมีของเราเช่นเดียวกับที่เราทำตามเงื่อนไขของนานาชาติ … และนับจากนี้เราจะไปสร้างโรงงานอยู่ตามภูเขา กระจายกันออกไป เพื่อความปลอดภัยหากเกิดการโจมตีขึ้น”
นอกจากนั้น รัฐสภาอิหร่านก็ได้เรียกร้องให้รัฐบาลลดความสัมพันธ์กับไอเออีเอลงด้วย ส่วนประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจัด บอกว่ารัฐบาลกำลังหาทางสกัดยูเรเนียมที่มีความบริสุทธิ์ 20 เปอร์เซ็นต์ภายในประเทศ และต้องการผลิตเชื้อเพลิงให้ได้ราว 250-300 ตันต่อปี จึงต้องเพิ่มโรงงาน
ทางด้านรอเบิร์ต กิบส์ โฆษกทำเนียบขาว สหรัฐฯ บอกว่าอิหร่านไม่มีเวลาอีกแล้ว “หากข่าวนี้เป็นจริงก็ถือว่าอิหร่านละเมิดมติของสหประชาชาติอย่างรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง และเป็นการบอกว่าอิหร่านเลือกที่จะโดดเดี่ยวตัวเอง”
ส่วนอังกฤษและเยอรมนีก็ออกมาเรียกร้องให้อิหร่านปฏิบัติตามมติของสหประชาชาติ และให้ความร่วมมือกับไอเออีเอเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ประธานรัฐสภาลาริจานีแถลงวานนี้ว่า “ผมคิดว่ายังคงมีโอกาสทางการทูต และมันจะเป็นประโยชน์แก่พวกเขา (กลุ่ม5+1) ที่จะอาศัยวิถีทางนี้ ดังนั้นอิหร่านจะทำงานของตนภายใต้กรอบโครงของไอเออีเอและการกำกับตรวจสอบระหว่างประเทศต่อไป” พร้อมกับย้ำว่า วิธีนี้จะทำให้เป็นที่ชัดเจนแก่บรรดามหาอำนาจของโลกว่า โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านนั้น เป็นโครงการเพื่อสันติ
การเปลี่ยนเสียงของลาริจานีเช่นนี้เป็นที่สนใจกันมาก เนื่องจากตัวเขาเคยเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่เจรจาเรื่องนิวเคลียร์ของฝ่ายอิหร่าน รวมทั้งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนแรกของฝ่ายอิหร่านที่ออกมาพูดตอบโต้โจมตีไอเออีเอในวันศุกร์ หลังจากทบวงแห่งนี้ประณามอิหร่านเรื่องโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมแห่งที่สอง
