xs
xsm
sm
md
lg

ราคาของข่าวสาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สมการการเมือง
โดย...พาณิชย์ ภูมิพระราม

“นักข่าวต้องมีความรู้มากพอที่จะกลั่นกรองข้อมูลข่าวสารและข้อเท็จจริงได้ เพื่อนำเสนอสู่สังคมได้อย่างถูกต้อง สื่อต้องสามารถปรับเปลี่ยนสังคมอำนาจให้เป็นสังคมความรู้ได้ ต้องไม่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง ต้องรู้เท่าทันข้อมูลที่ได้จากนักการเมือง ต้องรายงานให้เห็นถึงทางออก ไม่ใช่แค่รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น” คำแนะนำของนพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโสต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ในระหว่างการเสวนา “สื่อมวลชน ผู้ทำได้ดีกว่าใคร” เมื่อ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่กรมประชาสัมพันธ์

แต่กระนั้น สื่อไทยสามารถปรับเปลี่ยนสังคมอำนาจให้เป็นสังคมความรู้ได้หรือไม่…ยังเป็นปริศนา??

ตรงกันข้ามกับ สื่อต่างชาติกลับแปรเปลี่ยนทุกอย่างเป็นเงิน

รายงานข่าวจากไฟแนนซ์เชี่ยล ไทมส์ เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมาระบุว่าไมโครซอฟต์ได้วางแผนจะจ่ายเงินให้ "นิวส์ คอร์ป" บริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของรูเพิร์ต เมอร์ด็อก เพื่อให้ถอดเว็บไซต์ข่าวออกจากการค้นหาของ google เพื่อหวังสร้างแรงกดดันตัดรายได้จากบริการ search engine ของ google คู่แข่งขันรายสำคัญของของไมโครซอฟท์

ก่อนหน้านี้ เมอร์ด็อก ขู่ว่าจะถอนข่าวต่างๆ ของเว็บไซต์ภายใต้กิจการ นิวส์ คอร์ป ออกจากระบบ search engine ของ google เนื่องจากเขาต้องการให้ผู้บริโภคจ่ายเงินในการบริโภคข่าวสารของธุรกิจนิวส์ คอร์ป แทนการบริโภคฟรีๆ

โดยเมอร์ด็อกกล่าวหากูเกิลว่า กำลังชุบมือเปิบจากข่าวสารของนิวส์คอร์ป

สงครามข่าวสารยังกระจายไปสู่ “โทรศัพท์มือถือ”

ล่าสุดบริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ผู้ดำเนินธุรกิจด้านสื่อบันเทิง ได้ร่วมทุนกับบริษัท คอม คอม ผู้พัฒนาสื่อบนโทรศัพท์มือถือจากนอร์เวย์ จัดตั้งบริษัท บีอีซี-เทโร คอม คอม โดยบีอีซีถือหุ้น 51% ที่เหลือเป็นคอม คอม เพื่อให้บริการแอปพลิเคชันรูปแบบใหม่ บนโทรศัพท์มือถือภายใต้บริการ MyComBar เพราะเห็นว่าฐานลูกค้ามือถือในไทยมีมากพอที่จะทำตลาดโฆษณาผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobile Advertising

ในปัจจุบันผู้ใช้บริการมือถือในไทยมีประมาณ 61 ล้านเลขหมาย และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเป็น 80 ล้านเลขหมายในอีก 3 ปีข้างหน้า

มือถือจึงกลายเป็น ตลาดโฆษณาแห่งใหม่ที่มีขนาดใหญ่พอประมาณ

ขณะเดียวกันช่องทางด้านอินเตอร์เน็ต กลายเป็นตลาดแห่งใหม่ไม่สามารถจำกัดผู้ผลิตได้

สถานีโทรทัศน์เครือข่ายอินเตอร์เน็ต "วอยซ์ ทีวี" ของลูกชาย ลูกสาว ชินวัตร จึงถือกำเนิดขึ้นโดยทรงศักดิ์ เปรมสุข อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัทไอทีวี จำกัด รับหน้าเสื่อกรรมการอำนวยการ บริษัท วอยซ์ ทีวี ร่วมกับพานทองแท้ ชินวัตร ในฐานะผู้ช่วยกรรมการอำนวยการ และ พินทองทา ชินวัตร ในฐานะกรรมการบริษัท รวมทั้งผู้ดำเนินรายการ เช่น จอม เพชรประดับ อดีตผู้ดำเนินรายการข่าว ไอทีวี ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ร่วมกันเปิดตัว "วอยซ์ ทีวี" ที่บริษัท วอยซ์ทีวี อาคารบีบีดี ถนนวิภาวดี เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ทที่ผ่านมา

ทรงศักดิ์ มองว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ยอดผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยน่าจะสูงถึง 50% ของจำนวนประชากร จากปัจจุบันมียอดผู้ใช้บริการอยู่ประมาณ 16 ล้านคน เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ประมาณ 10 ล้านคน

นั่นหมายความว่า ในปีหน้าจะมีผู่ใช้อินเตอร์เน็ตประมาณ 30 ล้านคน

อินเทอร์เน็ตจะเป็นสื่อที่เปลี่ยนแปลงโลกของการสื่อสารยุคใหม่ ที่ทำให้ผู้ชม ผู้ฟัง สัมผัสกับข้อมูลข่าวสารได้ทันที และสามารถโต้ตอบได้ นี่คือโอกาสทางธุรกิจที่ผู้บริหารของวอยซ์ ทีวี ต้องการจะนำเสนอ โดยมีเป้าหมายว่าจะมีรายได้จากค่าโฆษณาถึง 150 ล้านบาท

“แต่ก็ยอมรับด้วยว่า ปัญหาด้านภาพลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเมือง อาจส่งผลต่อการหารายได้จากค่าโฆษณา แต่เชื่อมั่นว่าจะสามารถพิสูจน์ได้ด้วยเนื้อหารายการที่เน้นคุณภาพ และให้ความสำคัญกับการสร้างสังคมความรู้ และแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่" ทรงศักดิ์กล่าว

ที่สำคัญ ทรงศักดิ์ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นช่องทางให้ทักษิณไว้โฟนอิน นอกเหนือจากทีวี 100 ช่องของทักษิณ

แต่กระนั้นทั้ง จอม เพ็ชรประดับ และตวงพร อัศววิไล ต่างก็เป็นตัวจริง เสียงจริง ของทักษิณ จนยากที่จะเชื่อในความไม่เกี่ยวข้อง

พานทองแท้ (โอ๊ค) ตอกย้ำว่า การเปิดสถานีโทรทัศน์ช่องนี้ มีจุดประสงค์จะนำเสนอเนื้อหาสาระดีๆ ของคนรุ่นใหม่ โดยไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องใดๆ และจะไม่มีรายการของทักษิณ แต่หากจะมีก็ต้องอยู่ในรูปของการจ้างผลิตรายการ

เช่นเดียวกับการยืนยันของพินทองทา( เอม ) ที่ประกาศอย่างหนักแน่นว่า การเปิดวอยซ์ทีวี นี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องโทรทัศน์ 100 ช่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังดำเนินการอยู่ เรื่องนี้เป็นเรื่องของธุรกิจ ซึ่งเป็นเงินทุนของบริษัทในครอบครัวร่วมกัน

บริษัทวอยซ์ทีวี มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาทโดยรีแบรนด์มาจากบริษัทเดิมคือ ฮาวคัมเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ มีผู้ถือหุ้นหลักคือ พินทองทา พานทองแท้ และบริษัทโฮลดิ้ง ของครอบครัวชินวัตร ที่ลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์ คือ บริษัทพีที คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยเชื่อกันว่าจะคืนทุนได้ภายใน 5 ปี

ทั้งนี้ ครอบครัวชินวัตรได้มอบหมาย พานทองแท้ รับผิดชอบธุรกิจสื่อเป็นหลัก

ไม่เพียงแต่อินเตอร์เน็ตทีวี ทีวีดาวเทียม เท่านั้น เคเบิลทีวี ก็กำลังขอส่วนแบ่งโฆษณาด้วยเช่นกัน

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการเคเบิล ทีวี 300 ราย แต่อาจจะเพิ่มอีก 100-200 ราย หลังจาก พ.ร.บ.หลักเกณฑ์ระเบียบการดำเนินธุรกิจเคเบิลทีวี ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ เนื่องจากใบอนุญาตชั่วคราวอายุ 1 ปี คิดค่าธรรมเนียมเพียง 2.5 หมื่นบาท ต่อรายต่อปี ซึ่งถือว่าถูกมาก

ที่สำคัญเชื่อกันว่า ตลาดโฆษณาผ่านเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม จะเติบโตอีกเท่าตัว หรือจากมูลค่าราว 500 ล้านบาท จะเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท

กุลพงษ์ บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด กล่าวว่า ในปัจจุบันไลฟ์ ทีวี มีช่องรายการ 7 ช่อง โดยปีหน้าจะเปิดช่องอีก 7 ช่อง ในปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้ 250 ล้านบาท และคาดว่าในปีหน้าจะเติบโต อีก 20-30% จากการให้บริการ ช่องรายการใหม่ๆ

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ บริษัท โกลบอล อินเตอร์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด จัดงานเปิดตัวสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง "เรารักในหลวง" มีเนื้อหาเพื่อเฉลิมพระเกียรติ นำเสนอพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ พระจริยวัตรของพระมหากษัตริย์ไทยและพระบรมวงศานุวงศ์

โดยมีแผนทดลองออกอากาศในต้นปี 2553 ก่อนออกอากาศจริงในวันที่ 5 พฤษภาคม 2553 ซึ่งเป็นวันฉัตรมงคล และในงานมี พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตหัวหน้านายตำรวจราชสำนัก และรองอธิบดีกรมตำรวจ ปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน และ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมเปิดตัวสถานีโทรทัศน์ช่องใหม่ พร้อมกับข้าราชการตำรวจ นักการเมือง คนในวงการโทรทัศน์และภาพยนตร์ร่วมงานกว่า 120 คน

แต่ดูเหมือนว่า แนวโน้มของทีวีดาวเทียม อินเตอร์เน็ตทีวี เคเบิลทีวี รวมทั้งทีวีบนโทรศัพท์มือถือ อาจจะไม่ส่งสะเทือนต่อฟรีทีวี ซึ่งมีข้อจำกัดเรื่อง สาระของข่าวสาร (Richness) น้อยกว่าช่องทางอื่นๆ ธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) คนใหม่ภายใต้การสนับสนุนของ “สีเขียว” จึงปรับแผนผลักดันให้ อสมท. หันมาเน้นยุทธศาสตร์ด้าน New Media ซึ่งเป็น ส่วนหนึ่งของ Creative Economy เพราะเป็นช่องทางหนึ่งในการสร้างปรากฎการณ์การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ที่ทรงอิทธิพลมากต่างจากการสื่อสารในรูปแบบเดิมๆ โดยประชาชนได้หันมารับข้อมูลข่าวสาร ทั้งด้าน Facebook Twitter YouTube หรือ Blog  SMS ผ่านระบบมือถือมากขึ้น

นั่นทำให้ อสมท. ภายใต้การบริหาร ธนวัฒน์ ปลดล็อกยอมรับเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงกับคู่สัญญารายสำคัญ คือ ช่อง 3 และทรู วิชั่นฯ


วันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา บอร์ด อสมท.ได้มติรับหลักการในข้อเสนอของ บริษัทบางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด (ช่อง3) กลุ่มบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ในการจ่ายผลประโยชน์ 405 ล้านบาท ให้กับอสมท.ในคราวเดียว พร้อมค่าสัมปทานตามสัญญาเดิมอีก 2,002 ล้านบาท ตลอดอายุสัมปทาน 10 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตามอัตราเฉลี่ยของผลประโยชน์เพิ่มเติมดังกล่าว ยังต่ำกว่าค่าสัมปทานที่ช่อง 7 จ่ายให้กองทัพบกปีละ 270 ล้านบาท และทรูวิชั่นส์ ที่จ่ายให้ อสมท ในอัตราปีละ 650 ล้านบาท รวมถึงเป็นค่าตอบแทนที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับรายได้ช่อง 3

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา บอร์ดอสมท.ได้อนุญาตให้ กลุ่มบริษัท ทรู วิชั่นส์ฯ ดำเนินการหารายได้ จากการรับทำการโฆษณาในช่องรายการของโทรทัศน์ระบบบอกรับเป็นสมาชิกได้ไม่เกินชั่วโมงละ 6 นาที

โดยกลุ่มบริษัท ทรู วิชั่นส์ฯ จะจ่ายค่าตอบแทนที่ได้รับจากการรับทำโฆษณาให้แก่ อสมท เป็นเงินร้อยละ 6.5 ของรายได้จากการรับทำการโฆษณาในแต่ละปีก่อนหักค่าใช้จ่ายใด ๆ

นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงในการชดใช้ค่าเสียหายกรณีที่กลุ่มบริษัท ทรู วิชั่นส์ฯ ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นจำนวนเงิน 87,919,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย โดยแบ่งชำระเป็นรายเดือน จำนวน 12 งวด

การเปลี่ยนแปลงระหว่าง อสมท. กับช่อง 3 และทรู วิชั่นฯ ทำให้ นักวิเคราะห์แนะนำให้ “ซื้อ” หุ้น MCOT เนื่องจากจำนวนเงินโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ยังฟื้นตัวต่อเนื่อง และมีการบันทึกเงินชดเชยจาก True Vision ที่ 108 ล้านบาท รวมทั้งผลตอบแทนเพิ่มจากบีอีซี 405 ล้านบาท โดยคาดว่า อสมท. จะมีกำไรในปี 2552 จำนวน 1,451.13 ล้านบาท และในปี 2553 กำไรจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,752.04 ล้าน

“ข่าวสาร” หลากหลายประเภทกลายเป็นสินค้าที่มีราคาเพิ่มขึ้น ทั้งๆที่ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว ข่าวสารเป็นสินค้าสาธารณะ เนื่องจากมีต้นทุนส่วนเพิ่มเท่ากับศูนย์ และไม่สามารถกีดกันไม่ให้คนอื่นบริโภคได้

แต่ในปัจจุบัน ข่าวสารได้สร้าง“ตลาดการค้า” แบบใหม่ขึ้นหลากหลายรูปลักษณ์ โดยเฉพาะตลาดโฆษณา

เพราะข่าวสารมีราคามากขึ้น เมื่อข่าวสารนั้นๆ สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจของผู้รับข่าวสารได้
กำลังโหลดความคิดเห็น