ASTVผู้จัดการรายวัน - บอร์ดแบงก์ชาติเมินลงทุนทองคำในทุนสำรอง แต่อนุมัติให้ขยายการลงทุนทรัพย์สินให้เพิ่มในพันธบัตรรัฐบาลบางประเทศ และตราสารหนี้ที่เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิก วงเงื่อนไขระดับการลงทุนตั้งแต่ AAA ขึ้นไป
คุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการ คณะกรรมการกฤษฎีกา และในฐานะคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ดธปท.) เปิดเผยว่า การประชุมบอร์ดธปท.เมื่อวานนี้ (26พ.ย.) ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องการลงทุนในทองคำด้วย แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจลงทุนเพิ่มในขณะนี้
ก่อนหน้านี้ นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า แม้ขณะนี้ราคาทองคำจะปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และธนาคารกลางบางแห่งเริ่มหันมาซื้อทองคำเก็บสะสมในเงินทุนสำรองเพิ่มขึ้น แต่ธปท.คงไม่ดำเนินการเช่นนี้ เนื่องจากการลงทุนในทองคำมีสภาพคล่องน้อย คือ ต้องใช้ระยะเวลาในการแปลงเป็นเงินนอกจากนี้ หากต่อไปราคาทองคำตกลงอาจส่งผลให้ขาดทุนได้
ล่าสุด ณ วันที่ 13 พ.ย.52 พบว่า เงินสำรองระหว่างประเทศของไทย ประกอบด้วยทองคำ 2,979.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 99,106.90 ล้านบาท(คำนวณจากค่าเงินบาทระดับ 33.2654 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) สิทธิพิเศษถอนเงิน 1,552.71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 51,651.67 ล้านบาท สินทรัพย์ส่งสมทบกองทุนการเงินระหว่างประเทศ 367.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 12,232.49 ล้านบาท สินทรัพย์ต่างประเทศ 131,847.91 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 4,385,980.14 ล้านบาท ขณะที่สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward) อีก 15,543 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินบาทไทย 517,044.11 ล้านบาท
คุณพรทิพย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังอนุมัติขยายการลงทุนทรัพย์สินของธปท.เพิ่มเติมให้สามารถลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลในบางประเทศได้ และตราสารหนี้องค์กรระหว่างประเทศที่ธปท.ไม่ได้เป็นสมาชิก แต่ต้องมีระดับการลงทุนตั้งแต่ AAA ขึ้นไป นอกเหนือจากการลงทุนในทองคำ หลักทรัพย์ หรือการลงทุนในตราสารหนี้ขององค์กรการเงินระหว่างประเทศที่ ธปท.เป็นสมาชิก เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารโลก เป็นต้น
เมื่อเดือนที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารของไอเอ็มเอฟได้อนุมัติให้นำทองคำ 403.2 เมตริกตัน ออกขายให้กับธนาคารกลางทั่วโลก ปรากฏว่า มีธนาคารกลางหลายแห่งสนใจ เช่น อินเดีย คณะกรรมการธนาคารกลางฯ ตัดสินใจเข้าซื้อทองคำจากไอเอ็มเอฟ 200 เมตริกตัน มูลค่า 6.7 พันล้านดอลลาร์ ส่วนธนาคารกลางมอริเชียส ยื่นซื้อประมาณ 2 เมตริกตัน มูลค่า 71.7 ล้านดอลลาร์.
คุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการ คณะกรรมการกฤษฎีกา และในฐานะคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ดธปท.) เปิดเผยว่า การประชุมบอร์ดธปท.เมื่อวานนี้ (26พ.ย.) ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องการลงทุนในทองคำด้วย แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจลงทุนเพิ่มในขณะนี้
ก่อนหน้านี้ นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า แม้ขณะนี้ราคาทองคำจะปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และธนาคารกลางบางแห่งเริ่มหันมาซื้อทองคำเก็บสะสมในเงินทุนสำรองเพิ่มขึ้น แต่ธปท.คงไม่ดำเนินการเช่นนี้ เนื่องจากการลงทุนในทองคำมีสภาพคล่องน้อย คือ ต้องใช้ระยะเวลาในการแปลงเป็นเงินนอกจากนี้ หากต่อไปราคาทองคำตกลงอาจส่งผลให้ขาดทุนได้
ล่าสุด ณ วันที่ 13 พ.ย.52 พบว่า เงินสำรองระหว่างประเทศของไทย ประกอบด้วยทองคำ 2,979.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 99,106.90 ล้านบาท(คำนวณจากค่าเงินบาทระดับ 33.2654 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) สิทธิพิเศษถอนเงิน 1,552.71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 51,651.67 ล้านบาท สินทรัพย์ส่งสมทบกองทุนการเงินระหว่างประเทศ 367.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 12,232.49 ล้านบาท สินทรัพย์ต่างประเทศ 131,847.91 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 4,385,980.14 ล้านบาท ขณะที่สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward) อีก 15,543 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินบาทไทย 517,044.11 ล้านบาท
คุณพรทิพย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังอนุมัติขยายการลงทุนทรัพย์สินของธปท.เพิ่มเติมให้สามารถลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลในบางประเทศได้ และตราสารหนี้องค์กรระหว่างประเทศที่ธปท.ไม่ได้เป็นสมาชิก แต่ต้องมีระดับการลงทุนตั้งแต่ AAA ขึ้นไป นอกเหนือจากการลงทุนในทองคำ หลักทรัพย์ หรือการลงทุนในตราสารหนี้ขององค์กรการเงินระหว่างประเทศที่ ธปท.เป็นสมาชิก เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารโลก เป็นต้น
เมื่อเดือนที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารของไอเอ็มเอฟได้อนุมัติให้นำทองคำ 403.2 เมตริกตัน ออกขายให้กับธนาคารกลางทั่วโลก ปรากฏว่า มีธนาคารกลางหลายแห่งสนใจ เช่น อินเดีย คณะกรรมการธนาคารกลางฯ ตัดสินใจเข้าซื้อทองคำจากไอเอ็มเอฟ 200 เมตริกตัน มูลค่า 6.7 พันล้านดอลลาร์ ส่วนธนาคารกลางมอริเชียส ยื่นซื้อประมาณ 2 เมตริกตัน มูลค่า 71.7 ล้านดอลลาร์.