xs
xsm
sm
md
lg

โตชิบาไทยลุ้นศูนย์ออกแบบอาเซียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – โตชิบาไทยแลนด์ลุ้นบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นไฟเขียวให้ไทยเป็น ดีไซน์เซ็นเตอร์อาเซียน เร่งพัฒนาหวังเข้าตาบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น ล่าสุดออกแบบตู้เย็นประตูเดียวรุ่นเคิร์ฟ พร้อมส่งออกต่างประเทศ คาดรายได้รวมปีบัญชี 2552 อยู่ที่ 5,700 ล้านบาท เติบโต 15%

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร และนายฮิเดโนริ มัสสุอิ ประธาน บริษัท โตชิบาไทยแลนด์ จำกัด ร่วมกันเปิดเผยว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างการรอนุมัติจากทางโตชิบาญี่ปุ่นที่จะประกาศให้โตชิบาไทยแลนด์เป็นฐานของดีไซน์เซ็นเตอร์ และศูนย์พัฒนาและวิจัยสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในอาเซียนทั้งหมด ซึ่งได้ยื่นความจำนงไปนานแล้ว แต่อยู่ในเรื่องของขั้นตอนการพิสูจน์และแสดงศักยภาพเพื่อให้บริษัทแม่ยอมรับ
“การที่โตชิบาไทยแลนด์จะถูกยกระดับให้เป็นดีไซน์เซ็นเตอร์นั้น จะสอดรับกับนโยบายของภาครัฐบาลที่ประกาศนโยบายเรื่อง ครีเอทีฟอีโคโนมี คือ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น ซึ่งสินค้านั้นจะขายดีหรือไม่ดี ไม่ใช่อยู่แค่ เรื่องของเทคโนโลยีและคุณสมบัติเท่านั้น แต่เร่องรูปร่างหน้าตาและดีไซน์เป็นสิ่งจำเป็นด้วย มันต้องโดน จึงจะไปได้ดี” นางกอบกาญจน์กล่าว
บริษัทฯมั่นใจว่ามีโอกาสเป็นไปได้ด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น สายสัมพันธ์นานกว่า 40 ปีระหว่างโตชิบาไทยกับญี่ปุ่น โนวฮาว์ที่เรามี ทักษะและความสามารถของบุคลากร การเติบโตขององค์กรและยอดขาย ซึ่งปัจจุบันไทยก็เป็นฐานผลิตใหญ่แห่งหนึ่งของโตชิบาด้วย โดยมีโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟ้ฟ้าชิ้นใหญ่ที่บางกระดี่ และชิ้นเล็กที่นนทบุรี โดยในส่วนของตู้เย็นมีกำลังผลิตเต็มที่ 500,000 ยูนิตต่อปี
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้บริษัทฯก็ได้เริ่มทยอยทำไปทีละขั้นตอนแล้ว โดยปีที่แล้วได้ร่วมมือกับทางสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าบางมดในการออกแบบตู้เย็นรุ่นเปลี่ยนมือจับได้ และปีนี้ออกรุ่นใหม่ เคิร์ฟ ตู้เย็น ประตุเดียว ซึ่งผลิตออกมาแล้ว ส่วนกลุ่มอื่นก็เริ่มแล้วเช่นกันเช่น เครื่องทำน้ำอ่น และพัดลม ที่ออกแบบและผลิตโดยคนไทยยแล้วส่งไปให้ทางญี่ปุ่นอนุมัติก่อนจำหน่ายในไทยและทำการส่งออกด้วยเช่น มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปินส์ เป็นต้น
นายฮิเดโนริ กล่าวต่อถึงแผนการตลาดในรอบปีบัญชี 53 ( เม.ย. 53- มี.ค. 54) ของบริษัทฯว่า โตชิบาปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับทุกสมรภูมฺการแข่งขันทางการตลาด เรดโอเชียน ที่แข่งขันรุนแรงซึ่งราคาสินค้าของบริษัทสามารถแข่งได้ บลูโอเชียนที่เป็นตลาดใหม่ ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมเทคโนโลยี และไวท์โอเชียนที่เน้นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยจะเพิ่มงบการตลาดเป็น 500 ล้านบาท จากปีนี้ที่ใช้ 400 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 6,500 ล้านบาท เติบโตจากปีนี้ 15%
ขณะที่ปี 2552 ซึ่งจะหมดปีในเดือนมีนาคมปี 2553 คาดว่าจะสามารถทำรายได้รวมในไทยที่ 5,700 ล้านบาท หรือเติบโต 15% โดยตั้งงบการตลาดรวม 400 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนรายได้สินค้าแต่ละกลุ่มของบริษัทฯแบ่งเป็น เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน 55% หมวดภาพและเสียง 15% หมวดคอมพิวเตอร์และไอที 30%
กำลังโหลดความคิดเห็น