แผนยุทธศาสตร์ป่วนเมืองของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่สั่งกลุ่มสาวกคนเสื้อแดงเคลื่อนทัพใหญ่จำนวนนับแสน ออกมาชุมนุมในวันที่ 28 พ.ย. โดยวางเป้าหมายเผด็จศึกให้ได้ก่อนวันที่ 2 ธ.ค. ด้วยแผนการใช้กำลังปิดล้อมสถานที่สำคัญ อย่างทำเนียบรัฐบาล และดาวกระจายก่อความวุ่นวายสร้างความปั่นป่วนทั่วกรุงเทพ
**เพื่อกดดันให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยุบสภา แต่ความจริงอาจจะมีแผนการที่กำหนดเป้าหมายไว้ไกลนั้น อย่างที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า อาจจะถึงขั้นล้มล้างสถาบันการปกครองทุกสถาบันไปในคราวนี้เลยทีเดียว
แต่จู่ๆ ก็มีการประกาศล้มเลิกแผนชิงเมืองล้มเจ้า อย่างกะทันหัน โดยเลื่อนออกไปไม่มีกำหนดเมื่อวานนี้ (25พ.ย.)โดยอ้างเหตุผลว่าไม่อยากทำลายบรรยากาศในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่น่าจะมีเหตุอื่นที่อยู่เบื้องหลังทำให้การยุทธครั้งนี้ติดขัดไม่สามารถเดินทัพได้มากกว่า
นช.ทักษิณ เปิดฉากเดินเกมนี้ด้วยการท้าทายอำนาจของประเทศไทย คือ เมื่อวันที่10 พ.ย. โดย นช.ทักษิณได้เดินทางเข้ากัมพูชา เพื่อมารับตำแหน่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา และที่ปรึกษาส่วนตัวของ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาโชว์เพาเวอร์ให้เห็นว่า รัฐบาลไทยไม่มีน้ำยาที่จะทำอะไรเขาได้ โดยที่ฮุนเซนได้ตอบปฎิเสธหนังสือของรัฐบาลไทยที่ขอความร่วมมือให้ส่งตัว นช.ทักษิณในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน มิหนำซ้ำยังเย้ยด้วยการเปิดคฤหาสน์ใกล้เมืองพนมเปญเป็นที่พักให้ นช.ทักษิณ
**ต้อนรับขับสู้กันอย่างชื่นมื่น แถมยังเคาะกะลาเรียก ส.ส.เพื่อไทยไปสมทบอย่างเอิกเกริก
ตบหน้ารัฐบาลไทยข้ามพรมแดน และที่สร้างแรงสะเทือนอย่างหนักต่อรัฐบาลไทยอีกที ก็คือทางการกัมพูชาได้จับกุมนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทยที่ทำงานอยู่ในบริษัทคัมโบเดีย แอร์ทราฟฟิก เซอร์วิส จำกัด ในข้อหาจารกรรมข้อมูลลับให้กับรัฐบาลไทย จนปัญหาคาราคาซังมาถึงขณะนี้ เพราะกัมพูชายังไม่มีท่าทีจะปล่อยตัวนายศิวรักษ์
อย่างไรก็ตาม การเดินเกมใช้กัมพูชาป่วนไทยของทักษิณ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย ทั้งในแง่ที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แรกเริ่มหลายฝ่ายอาจจะเห็นตรงกันว่า การรับตำแหน่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจของนช.ทักษิณนั้น ส่งผลให้ตัวนช.ทักษิณ พรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง เสียคะแนนเป็นกระบุงโกย
**แต่อย่างไรก็ตาม หนังเรื่องนี้ต้องดูนานๆ จะประมาทคนอย่างทักษิณไม่ได้อย่างเด็ดขาด มีหรือคนอย่างทักษิณจะไม่รู้ว่าคบกับเขมรแล้วอะไรจะเสีย และจะได้อะไร
ในเกมรุกที่เหมือนเป็นการทิ้งไพ่ใบสุดท้ายครั้งนี้ อาจจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง เมื่อสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ออกมาคัดค้านทันที ที่นช.ทักษิณทำท่าว่าจะรับตำแหน่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจให้กับกัมพูชา แต่คนที่ออกมาคัดค้านแบบชัดเจนที่สุดนั้น มีเพียง
**นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เท่านั้น
สาเหตุที่นายจาตุรนต์ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่ากระแสของประชาชนกำลังแรง และเป็นเรื่องที่กระทบต่อความอ่อนไหวของคนไทยได้ง่าย จึงอยากจะให้นช.ทักษิณ ถอนตัว เพื่อจะได้ไม่เสียหาย แต่สุดท้ายแล้วนช.ทักษิณ ก็ยังเลือกที่จะเดินหน้าต่อไป
สำหรับสาเหตุที่นช.ทักษิณ ตัดสินใจรับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้กับกัมพูชานั้น วิเคราะห์กันว่า เกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน
ปัจจัยแรกคือ นช.ทักษิณได้ประกาศไปก่อนหน้านั้นแล้วว่า จะรับตำแหน่งดังกล่าว ดังนั้นการถอนตัวย่อมเสียหน้า ซึ่งไม่ใช่วิสัยของนช.ทักษิณ
ปัจจัยต่อมาคือ กัมพูชาจะถูกใช้เป็นสถานที่พำนักต่อไป หากจำเป็นต้องเดินทางออกจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนื่องจากกัมพูชาอยู่ใกล้กับประเทศไทย การสั่งการใดๆ ถึงพวกพ้องย่อมทำได้สะดวกกว่า
นอกจากนี้ ปัจจัยที่สำคัญคือ การมอบตำแหน่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจให้กับนช.ทักษิณนั้น กัมพูชา มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้กับนช.ทักษิณมานานแล้ว หากถอนตัวจะทำให้เกิดความเสียหายกับกัมพูชาได้
ไม่เกินความคาดหมาย เพราะคะแนนนิยมของนช.ทักษิณ พรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง ตกฮวบลงทันทีที่นช.ทักษิณ เดินทางถึงกัมพูชาเพื่อรับตำแหน่งดังกล่าว แต่น้อยคนที่จะรู้ว่า นช.ทักษิณได้ประเมินร่วมกับทีมงานไว้ล่วงหน้าแล้วว่า
**พฤติกรรมและนิสัยของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีนั้น จะทำให้กระแสต่อต้านของประชาชนแรงอยู่เพียงแค่ในช่วงต้นเท่านั้น แต่ในระยะยาวแล้วไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะสุดท้ายแล้วประชาชนจะเปลี่ยนมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการตอบโต้ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์แทน
ดูเหมือนจะไม่ผิด เพราะเสียงที่สะท้อนกลับมาถึงรัฐบาลคือ ใช้นโยบายการตอบโต้ที่รุนแรงเกินไป กระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชน และความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน
ขณะเดียวกัน เกมนอกสภาที่ นช.ทักษิณ บัญชาการผ่านแกนนำกลุ่มนปช. ก็กำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ ก่อนการประกาศเลิกนัดชุมนุมใหญ่ แกนนำเสื้อแดงคุยโวว่า จะระดมมวลชนคนเสื้อแดงมาให้ได้ถึง 1 ล้านคน พร้อมกับความมั่นใจว่า
**จะน็อครัฐบาลลงได้อย่างแน่นอน
แม้จะมีการวิจารณ์ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงเลือกช่วงเวลาของการชุมนุมไม่เหมาะสม เพราะเป็นช่วงเวลามหามงคล 5 ธ.ค. วันพ่อของคนไทยทั้งประเทศ ก็ไม่ได้ทำให้เสื้อแดงหันมารับฟัง ยังคิดที่จะพังประเทศไทยให้ได้ในช่วงวันมหามงคล แต่หากมองลึกลงไปกว่านั้นจะเห็นว่า เป้าหมายที่แท้จริงของนช.ทักษิณ ที่เลือกชุมนุมในช่วงเวลานี้นั้น มีความหมายที่ลึกซึ้งมากกว่าที่หลายคนคิด
**เพราะนอกจากกดดันสถาบันเบื้องสูงแล้ว
ที่นช.ทักษิณเลือกใช้บริการกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงเวลานี้ เพราะต้องการโชว์ศักยภาพมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดง ให้คนในพรรคเพื่อไทยเห็นว่า ยังเป็นฐานการเมืองที่แข็งแกร่งและไพศาลให้ นช.ทักษิณ เพราะหากภาพเสื้อแดงเป็นปึกแผ่น ส.ส.ก็ไม่กล้าหนีไปไหน เป็นการใช้คนเสื้อแดงมาคุม ส.ส.นั่นเอง ที่กำลังมีกระแสไหลออกจากพรรค เพราะแรงดูดของภูมิใจไทย
ดังนั้นการเคลื่อนทัพแดงครั้งนี้ ก็เป็นการเกทับบลั้ฟแหลกที่ นช.ทักษิณ กระแทกเข้าใส่ลูกพรรคที่โลเล แถมยังเรียกคนจากพรรคอื่นได้อีกเด้งหนึ่ง
แต่การชุมนุมที่ผ่านมาของคนเสื้อแดงจนถึงวันนี้ เรียกว่าถึงจุดล้าแล้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทยเองก็เริ่มจะไม่เอาด้วย เพราะร่วมต่อสู้ แต่น้ำเลี้ยงกลับไปลงที่เสื้อแดงเกือบหมด ส.ส.หรือคนอื่นที่มาร่วมด้วยช่วยกัน ก็ย่อมน้อยใจและท้อถอยเป็นธรรมดา
**แต่จนถึงขณะนี้ ปัญหาความคิดเห็นที่แตกต่างในแนวทางการต่อสู้ของ ส.ส.ลูกพรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข
สังเกตได้จากคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ ในหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งในระยะหลังมักจะพูดเสมอว่า ให้ร่วมกันหาทางปรองดอง แต่กรรมการก็ยังนิ่ง ไม่เอาด้วย
ด้านแกนนำคนเสื้อแดงก็รู้ดีว่า การเลือกใช้ช่วงเวลานี้ในการชุมนุมไม่มีทางที่จะล้มรัฐบาลลงได้ แต่ก็จำเป็น เพราะเป้าหมายหลักที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงวางไว้ในครั้งนี้คือ
**บีบให้ “กรรมการ” ออกมาหย่าศึก
**ดังนั้น การนัดชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในครั้งนี้ หากมีขึ้น และบานปลายจนถึงขั้นนองเลือดหรือมีการเสียเลือดเสียเนื้อของประชาชนเกิดขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ที่ “กรรมการ” จะต้องออกมาหย่าศึก
เข้าทางของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะใช้อ้างว่า “เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี...” หรือ “จะให้โอกาสกับรัฐบาลอีกสักครั้ง” แต่จะเลือกใช้วลีไหนนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
** แต่คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต ในที่สุดการจัดทัพเพื่อเผาบ้านเผาเมือง ก็มีอันต้องยุติไป ด้วยเหตุที่มีเบื้องหลังจากความพร้อมของกลุ่มคนเสื้อแดงในการนัดชุมนุมครั้งนี้นั้น เรียกว่า ไม่สมบูรณ์แล้วเกือบ 100% ไม่อาจจะระดมคนมาร่วมชุมนุมได้จำนวนนับแสนนับล้านคนอย่างที่คุยโวไว้ เนื่องจากขาดความร่วมมือจากหลายฝ่าย จะมีที่กระสันกันมากก็เฉพาะแต่กลุ่มสามเกลอ สู้แล้วรวยเท่านั้น
อีกเหตุที่ต้องเลื่อน เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทีมงานของนช.ทักษิณ พยายามต่อสายกับผู้มีอำนาจ พูดคุยเพื่อต่อรองใน 3 เงื่อนไขมาตลอด คือ
**1.ขอกลับประเทศไทยโดยไม่ต้องรับโทษ แลกกับการให้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาลต่อไปจนกว่าจะพอใจ
**2.ให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติขึ้น และนช.ทักษิณ พร้อมที่จะกลับมารับโทษ แต่สามารถที่จะขอนิรโทษกรรมในภายหลังได้
**3. การทวงทรัพย์สิน 76,000 ล้านบาทคืน
ดังนั้นการที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ออกมาระบุให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันเพื่อความปรองดองนั้น นช.ทักษิณ จึงแปลสัญญาณตรงนี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งต่างๆในเร็ววัน
**มั่นใจการถอดรหัสของตัวเองถึงขนาดพูดผ่านรายการ “Talk Around The World” ทางเว็บไซต์ twitter.com ว่า พร้อมที่จะหันกลับ 180 องศา
**ผนวกกับมาตรการรับมือของรัฐบาล กระแสต่อต้านของประชาชน และเสียงเรียกร้องจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทยเอง ทำให้นช.ทักษิณ ต้องต่อสายถึงแกนนำกลุ่มนปช.ให้เลื่อนการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ ของกลุ่มคนเสื้อแดงออกไปก่อน เพื่อรอการเจรจาที่อาจจะเกิดขึ้น
**เพื่อกดดันให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยุบสภา แต่ความจริงอาจจะมีแผนการที่กำหนดเป้าหมายไว้ไกลนั้น อย่างที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า อาจจะถึงขั้นล้มล้างสถาบันการปกครองทุกสถาบันไปในคราวนี้เลยทีเดียว
แต่จู่ๆ ก็มีการประกาศล้มเลิกแผนชิงเมืองล้มเจ้า อย่างกะทันหัน โดยเลื่อนออกไปไม่มีกำหนดเมื่อวานนี้ (25พ.ย.)โดยอ้างเหตุผลว่าไม่อยากทำลายบรรยากาศในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่น่าจะมีเหตุอื่นที่อยู่เบื้องหลังทำให้การยุทธครั้งนี้ติดขัดไม่สามารถเดินทัพได้มากกว่า
นช.ทักษิณ เปิดฉากเดินเกมนี้ด้วยการท้าทายอำนาจของประเทศไทย คือ เมื่อวันที่10 พ.ย. โดย นช.ทักษิณได้เดินทางเข้ากัมพูชา เพื่อมารับตำแหน่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา และที่ปรึกษาส่วนตัวของ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาโชว์เพาเวอร์ให้เห็นว่า รัฐบาลไทยไม่มีน้ำยาที่จะทำอะไรเขาได้ โดยที่ฮุนเซนได้ตอบปฎิเสธหนังสือของรัฐบาลไทยที่ขอความร่วมมือให้ส่งตัว นช.ทักษิณในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน มิหนำซ้ำยังเย้ยด้วยการเปิดคฤหาสน์ใกล้เมืองพนมเปญเป็นที่พักให้ นช.ทักษิณ
**ต้อนรับขับสู้กันอย่างชื่นมื่น แถมยังเคาะกะลาเรียก ส.ส.เพื่อไทยไปสมทบอย่างเอิกเกริก
ตบหน้ารัฐบาลไทยข้ามพรมแดน และที่สร้างแรงสะเทือนอย่างหนักต่อรัฐบาลไทยอีกที ก็คือทางการกัมพูชาได้จับกุมนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทยที่ทำงานอยู่ในบริษัทคัมโบเดีย แอร์ทราฟฟิก เซอร์วิส จำกัด ในข้อหาจารกรรมข้อมูลลับให้กับรัฐบาลไทย จนปัญหาคาราคาซังมาถึงขณะนี้ เพราะกัมพูชายังไม่มีท่าทีจะปล่อยตัวนายศิวรักษ์
อย่างไรก็ตาม การเดินเกมใช้กัมพูชาป่วนไทยของทักษิณ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย ทั้งในแง่ที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แรกเริ่มหลายฝ่ายอาจจะเห็นตรงกันว่า การรับตำแหน่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจของนช.ทักษิณนั้น ส่งผลให้ตัวนช.ทักษิณ พรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง เสียคะแนนเป็นกระบุงโกย
**แต่อย่างไรก็ตาม หนังเรื่องนี้ต้องดูนานๆ จะประมาทคนอย่างทักษิณไม่ได้อย่างเด็ดขาด มีหรือคนอย่างทักษิณจะไม่รู้ว่าคบกับเขมรแล้วอะไรจะเสีย และจะได้อะไร
ในเกมรุกที่เหมือนเป็นการทิ้งไพ่ใบสุดท้ายครั้งนี้ อาจจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง เมื่อสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ออกมาคัดค้านทันที ที่นช.ทักษิณทำท่าว่าจะรับตำแหน่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจให้กับกัมพูชา แต่คนที่ออกมาคัดค้านแบบชัดเจนที่สุดนั้น มีเพียง
**นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เท่านั้น
สาเหตุที่นายจาตุรนต์ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่ากระแสของประชาชนกำลังแรง และเป็นเรื่องที่กระทบต่อความอ่อนไหวของคนไทยได้ง่าย จึงอยากจะให้นช.ทักษิณ ถอนตัว เพื่อจะได้ไม่เสียหาย แต่สุดท้ายแล้วนช.ทักษิณ ก็ยังเลือกที่จะเดินหน้าต่อไป
สำหรับสาเหตุที่นช.ทักษิณ ตัดสินใจรับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้กับกัมพูชานั้น วิเคราะห์กันว่า เกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน
ปัจจัยแรกคือ นช.ทักษิณได้ประกาศไปก่อนหน้านั้นแล้วว่า จะรับตำแหน่งดังกล่าว ดังนั้นการถอนตัวย่อมเสียหน้า ซึ่งไม่ใช่วิสัยของนช.ทักษิณ
ปัจจัยต่อมาคือ กัมพูชาจะถูกใช้เป็นสถานที่พำนักต่อไป หากจำเป็นต้องเดินทางออกจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนื่องจากกัมพูชาอยู่ใกล้กับประเทศไทย การสั่งการใดๆ ถึงพวกพ้องย่อมทำได้สะดวกกว่า
นอกจากนี้ ปัจจัยที่สำคัญคือ การมอบตำแหน่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจให้กับนช.ทักษิณนั้น กัมพูชา มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้กับนช.ทักษิณมานานแล้ว หากถอนตัวจะทำให้เกิดความเสียหายกับกัมพูชาได้
ไม่เกินความคาดหมาย เพราะคะแนนนิยมของนช.ทักษิณ พรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง ตกฮวบลงทันทีที่นช.ทักษิณ เดินทางถึงกัมพูชาเพื่อรับตำแหน่งดังกล่าว แต่น้อยคนที่จะรู้ว่า นช.ทักษิณได้ประเมินร่วมกับทีมงานไว้ล่วงหน้าแล้วว่า
**พฤติกรรมและนิสัยของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีนั้น จะทำให้กระแสต่อต้านของประชาชนแรงอยู่เพียงแค่ในช่วงต้นเท่านั้น แต่ในระยะยาวแล้วไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะสุดท้ายแล้วประชาชนจะเปลี่ยนมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการตอบโต้ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์แทน
ดูเหมือนจะไม่ผิด เพราะเสียงที่สะท้อนกลับมาถึงรัฐบาลคือ ใช้นโยบายการตอบโต้ที่รุนแรงเกินไป กระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชน และความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน
ขณะเดียวกัน เกมนอกสภาที่ นช.ทักษิณ บัญชาการผ่านแกนนำกลุ่มนปช. ก็กำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ ก่อนการประกาศเลิกนัดชุมนุมใหญ่ แกนนำเสื้อแดงคุยโวว่า จะระดมมวลชนคนเสื้อแดงมาให้ได้ถึง 1 ล้านคน พร้อมกับความมั่นใจว่า
**จะน็อครัฐบาลลงได้อย่างแน่นอน
แม้จะมีการวิจารณ์ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงเลือกช่วงเวลาของการชุมนุมไม่เหมาะสม เพราะเป็นช่วงเวลามหามงคล 5 ธ.ค. วันพ่อของคนไทยทั้งประเทศ ก็ไม่ได้ทำให้เสื้อแดงหันมารับฟัง ยังคิดที่จะพังประเทศไทยให้ได้ในช่วงวันมหามงคล แต่หากมองลึกลงไปกว่านั้นจะเห็นว่า เป้าหมายที่แท้จริงของนช.ทักษิณ ที่เลือกชุมนุมในช่วงเวลานี้นั้น มีความหมายที่ลึกซึ้งมากกว่าที่หลายคนคิด
**เพราะนอกจากกดดันสถาบันเบื้องสูงแล้ว
ที่นช.ทักษิณเลือกใช้บริการกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงเวลานี้ เพราะต้องการโชว์ศักยภาพมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดง ให้คนในพรรคเพื่อไทยเห็นว่า ยังเป็นฐานการเมืองที่แข็งแกร่งและไพศาลให้ นช.ทักษิณ เพราะหากภาพเสื้อแดงเป็นปึกแผ่น ส.ส.ก็ไม่กล้าหนีไปไหน เป็นการใช้คนเสื้อแดงมาคุม ส.ส.นั่นเอง ที่กำลังมีกระแสไหลออกจากพรรค เพราะแรงดูดของภูมิใจไทย
ดังนั้นการเคลื่อนทัพแดงครั้งนี้ ก็เป็นการเกทับบลั้ฟแหลกที่ นช.ทักษิณ กระแทกเข้าใส่ลูกพรรคที่โลเล แถมยังเรียกคนจากพรรคอื่นได้อีกเด้งหนึ่ง
แต่การชุมนุมที่ผ่านมาของคนเสื้อแดงจนถึงวันนี้ เรียกว่าถึงจุดล้าแล้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทยเองก็เริ่มจะไม่เอาด้วย เพราะร่วมต่อสู้ แต่น้ำเลี้ยงกลับไปลงที่เสื้อแดงเกือบหมด ส.ส.หรือคนอื่นที่มาร่วมด้วยช่วยกัน ก็ย่อมน้อยใจและท้อถอยเป็นธรรมดา
**แต่จนถึงขณะนี้ ปัญหาความคิดเห็นที่แตกต่างในแนวทางการต่อสู้ของ ส.ส.ลูกพรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข
สังเกตได้จากคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ ในหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งในระยะหลังมักจะพูดเสมอว่า ให้ร่วมกันหาทางปรองดอง แต่กรรมการก็ยังนิ่ง ไม่เอาด้วย
ด้านแกนนำคนเสื้อแดงก็รู้ดีว่า การเลือกใช้ช่วงเวลานี้ในการชุมนุมไม่มีทางที่จะล้มรัฐบาลลงได้ แต่ก็จำเป็น เพราะเป้าหมายหลักที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงวางไว้ในครั้งนี้คือ
**บีบให้ “กรรมการ” ออกมาหย่าศึก
**ดังนั้น การนัดชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในครั้งนี้ หากมีขึ้น และบานปลายจนถึงขั้นนองเลือดหรือมีการเสียเลือดเสียเนื้อของประชาชนเกิดขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ที่ “กรรมการ” จะต้องออกมาหย่าศึก
เข้าทางของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะใช้อ้างว่า “เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี...” หรือ “จะให้โอกาสกับรัฐบาลอีกสักครั้ง” แต่จะเลือกใช้วลีไหนนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
** แต่คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต ในที่สุดการจัดทัพเพื่อเผาบ้านเผาเมือง ก็มีอันต้องยุติไป ด้วยเหตุที่มีเบื้องหลังจากความพร้อมของกลุ่มคนเสื้อแดงในการนัดชุมนุมครั้งนี้นั้น เรียกว่า ไม่สมบูรณ์แล้วเกือบ 100% ไม่อาจจะระดมคนมาร่วมชุมนุมได้จำนวนนับแสนนับล้านคนอย่างที่คุยโวไว้ เนื่องจากขาดความร่วมมือจากหลายฝ่าย จะมีที่กระสันกันมากก็เฉพาะแต่กลุ่มสามเกลอ สู้แล้วรวยเท่านั้น
อีกเหตุที่ต้องเลื่อน เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทีมงานของนช.ทักษิณ พยายามต่อสายกับผู้มีอำนาจ พูดคุยเพื่อต่อรองใน 3 เงื่อนไขมาตลอด คือ
**1.ขอกลับประเทศไทยโดยไม่ต้องรับโทษ แลกกับการให้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาลต่อไปจนกว่าจะพอใจ
**2.ให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติขึ้น และนช.ทักษิณ พร้อมที่จะกลับมารับโทษ แต่สามารถที่จะขอนิรโทษกรรมในภายหลังได้
**3. การทวงทรัพย์สิน 76,000 ล้านบาทคืน
ดังนั้นการที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ออกมาระบุให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันเพื่อความปรองดองนั้น นช.ทักษิณ จึงแปลสัญญาณตรงนี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งต่างๆในเร็ววัน
**มั่นใจการถอดรหัสของตัวเองถึงขนาดพูดผ่านรายการ “Talk Around The World” ทางเว็บไซต์ twitter.com ว่า พร้อมที่จะหันกลับ 180 องศา
**ผนวกกับมาตรการรับมือของรัฐบาล กระแสต่อต้านของประชาชน และเสียงเรียกร้องจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทยเอง ทำให้นช.ทักษิณ ต้องต่อสายถึงแกนนำกลุ่มนปช.ให้เลื่อนการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ ของกลุ่มคนเสื้อแดงออกไปก่อน เพื่อรอการเจรจาที่อาจจะเกิดขึ้น