รายงาน
โดย... ไฟส่องทาง
แผนยุทธศาสตร์ป่วนเมืองของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่สั่งกลุ่มสาวกคนเสื้อแดงเคลื่อนทัพใหญ่จำนวนนับแสน ออกมาชุมนุมในวันที่ 28 พ.ย. โดยวางเป้าหมายเผด็จศึกให้ได้ก่อนวันที่ 2 ธ.ค. ด้วยแผนการใช้กำลังปิดล้อมสถานที่สำคัญ อย่างทำเนียบรัฐบาล และดาวกระจายก่อความวุ่นวายสร้างความปั่นป่วนทั่วกรุงเทพฯ
เพื่อกดดันให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยุบสภา แต่ความจริงอาจจะมีแผนการที่กำหนดเป้าหมายไว้ไกลนั้น อย่างที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า อาจจะถึงขั้นล้มล้างสถาบันการปกครองทุกสถาบันไปในคราวนี้เลยทีเดียว
แต่จู่ๆ ก็มีการประกาศล้มเลิกแผนชิงเมืองล้มเจ้า อย่างกะทันหัน โดยเลื่อนออกไปไม่มีกำหนดเมื่อวานนี้ (25 พ.ย.)โดยอ้างเหตุผลว่าไม่อยากทำลายบรรยากาศในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่น่าจะมีเหตุอื่นที่อยู่เบื้องหลังทำให้การยุทธ์ครั้งนี้ติดขัดไม่สามารถเดินทัพได้มากกว่า
นช.ทักษิณ เปิดฉากเดินเกมนี้ด้วยการท้าทายอำนาจของประเทศไทย คือ เมื่อวันที่10 พ.ย. โดย นช.ทักษิณได้เดินทางเข้ากัมพูชา เพื่อมารับตำแหน่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา และที่ปรึกษาส่วนตัวของฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาโชว์เพาเวอร์ให้เห็นว่า รัฐบาลไทยไม่มีน้ำยาที่จะทำอะไรเขาได้ โดยที่ฮุนเซนได้ตอบปฎิเสธหนังสือของรัฐบาลไทยที่ขอความร่วมมือให้ส่งตัว นช.ทักษิณ ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน มิหนำซ้ำยังเย้ยด้วยการเปิดคฤหาสน์ใกล้เมืองพนมเปญเป็นที่พักให้ นช.ทักษิณ
ต้อนรับขับสู้กันอย่างชื่นมื่น แถมยังเคาะกะลาเรียก ส.ส.เพื่อไทยไปสมทบอย่างเอิกเกริก
ตบหน้ารัฐบาลไทยข้ามพรมแดน และที่สร้างแรงสะเทือนอย่างหนักต่อรัฐบาลไทยอีกที ก็คือทางการกัมพูชาได้จับกุมนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทยที่ทำงานอยู่ในบริษัท คัมโบเดีย แอร์ทราฟฟิก เซอร์วิส จำกัด ในข้อหาจารกรรมข้อมูลลับให้กับรัฐบาลไทย จนปัญหาคาราคาซังมาถึงขณะนี้ เพราะกัมพูชายังไม่มีท่าทีจะปล่อยตัวนายศิวรักษ์
อย่างไรก็ตาม การเดินเกมใช้กัมพูชาป่วนไทยของทักษิณ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย ทั้งในแง่ที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แรกเริ่มหลายฝ่ายอาจจะเห็นตรงกันว่า การรับตำแหน่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจของนช.ทักษิณนั้น ส่งผลให้ตัว นช.ทักษิณ พรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง เสียคะแนนเป็นกระบุงโกย
แต่อย่างไรก็ตาม หนังเรื่องนี้ต้องดูนานๆ จะประมาทคนอย่างทักษิณไม่ได้อย่างเด็ดขาด มีหรือคนอย่างทักษิณจะไม่รู้ว่าคบกับเขมรแล้วอะไรจะเสีย และจะได้อะไร
ในเกมรุกที่เหมือนเป็นการทิ้งไพ่ใบสุดท้ายครั้งนี้ อาจจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง เมื่อสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ออกมาคัดค้านทันทีที่ นช.ทักษิณ ทำท่าว่าจะรับตำแหน่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจให้กับกัมพูชา แต่คนที่ออกมาคัดค้านแบบชัดเจนที่สุดนั้น มีเพียง
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เท่านั้น
สาเหตุที่นายจาตุรนต์ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่ากระแสของประชาชนกำลังแรง และเป็นเรื่องที่กระทบต่อความอ่อนไหวของคนไทยได้ง่าย จึงอยากจะให้นช.ทักษิณ ถอนตัว เพื่อจะได้ไม่เสียหาย แต่สุดท้ายแล้วนช.ทักษิณ ก็ยังเลือกที่จะเดินหน้าต่อไป
สำหรับสาเหตุที่ นช.ทักษิณ ตัดสินใจรับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้กับกัมพูชานั้น วิเคราะห์กันว่า เกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน
ปัจจัยแรกคือ นช.ทักษิณ ได้ประกาศไปก่อนหน้านั้นแล้วว่าจะรับตำแหน่งดังกล่าว ดังนั้นการถอนตัวย่อมเสียหน้า ซึ่งไม่ใช่วิสัยของ นช.ทักษิณ
ปัจจัยต่อมาคือ กัมพูชาจะถูกใช้เป็นสถานที่พำนักต่อไป หากจำเป็นต้องเดินทางออกจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนื่องจากกัมพูชาอยู่ใกล้กับประเทศไทย การสั่งการใดๆ ถึงพวกพ้องย่อมทำได้สะดวกกว่า
นอกจากนี้ ปัจจัยที่สำคัญคือ การมอบตำแหน่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจให้กับ นช.ทักษิณนั้น กัมพูชา มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้กับ นช.ทักษิณ มานานแล้ว หากถอนตัวจะทำให้เกิดความเสียหายกับกัมพูชาได้
ไม่เกินความคาดหมาย เพราะคะแนนนิยมของ นช.ทักษิณ พรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดงตกฮวบลงทันทีที่ นช.ทักษิณ เดินทางถึงกัมพูชาเพื่อรับตำแหน่งดังกล่าว แต่น้อยคนที่จะรู้ว่า นช.ทักษิณได้ประเมินร่วมกับทีมงานไว้ล่วงหน้าแล้วว่า
พฤติกรรมและนิสัยของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีนั้น จะทำให้กระแสต่อต้านของประชาชนแรงอยู่เพียงแค่ในช่วงต้นเท่านั้น แต่ในระยะยาวแล้วไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะสุดท้ายแล้วประชาชนจะเปลี่ยนมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการตอบโต้ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์แทน
ดูเหมือนจะไม่ผิด เพราะเสียงที่สะท้อนกลับมาถึงรัฐบาลคือ ใช้นโยบายการตอบโต้ที่รุนแรงเกินไป กระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชน และความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน
ขณะเดียวกัน เกมนอกสภาที่ นช.ทักษิณ บัญชาการผ่านแกนนำกลุ่ม นปช. ก็กำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ ก่อนการประกาศเลิกนัดชุมนุมใหญ่ แกนนำเสื้อแดงคุยโวว่า จะระดมมวลชนคนเสื้อแดงมาให้ได้ถึง 1 ล้านคน พร้อมกับความมั่นใจว่า
จะน็อกรัฐบาลลงได้อย่างแน่นอน
แม้จะมีการวิจารณ์ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงเลือกช่วงเวลาของการชุมนุมไม่เหมาะสม เพราะเป็นช่วงเวลามหามงคล 5 ธ.ค. วันพ่อของคนไทยทั้งประเทศ ก็ไม่ได้ทำให้เสื้อแดงหันมารับฟัง ยังคิดที่จะพังประเทศไทยให้ได้ในช่วงวันมหามงคล แต่หากมองลึกลงไปกว่านั้นจะเห็นว่า เป้าหมายที่แท้จริงของ นช.ทักษิณ ที่เลือกชุมนุมในช่วงเวลานี้นั้น มีความหมายที่ลึกซึ้งมากกว่าที่หลายคนคิด
เพราะนอกจากกดดันสถาบันเบื้องสูงแล้ว
ที่ นช.ทักษิณเลือกใช้บริการกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงเวลานี้ เพราะต้องการโชว์ศักยภาพมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดง ให้คนในพรรคเพื่อไทยเห็นว่า ยังเป็นฐานการเมืองที่แข็งแกร่งและไพศาลให้ นช.ทักษิณ เพราะหากภาพเสื้อแดงเป็นปึกแผ่น ส.ส.ก็ไม่กล้าหนีไปไหน เป็นการใช้คนเสื้อแดงมาคุม ส.ส.นั่นเอง ที่กำลังมีกระแสไหลออกจากพรรค เพราะแรงดูดของภูมิใจไทย
ดังนั้น การเคลื่อนทัพแดงครั้งนี้ก็เป็นการเกทับบลัฟแหลกที่ นช.ทักษิณ กระแทกเข้าใส่ลูกพรรคที่โลเล แถมยังเรียกคนจากพรรคอื่นได้อีกเด้งหนึ่ง
แต่การชุมนุมที่ผ่านมาของคนเสื้อแดงจนถึงวันนี้ เรียกว่าถึงจุดล้าแล้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทยเองก็เริ่มจะไม่เอาด้วย เพราะร่วมต่อสู้ แต่น้ำเลี้ยงกลับไปลงที่เสื้อแดงเกือบหมด ส.ส.หรือคนอื่นที่มาร่วมด้วยช่วยกัน ก็ย่อมน้อยใจและท้อถอยเป็นธรรมดา
แต่จนถึงขณะนี้ ปัญหาความคิดเห็นที่แตกต่างในแนวทางการต่อสู้ของ ส.ส.ลูกพรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข
สังเกตได้จากคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งในระยะหลังมักจะพูดเสมอว่า ให้ร่วมกันหาทางปรองดอง แต่กรรมการก็ยังนิ่ง ไม่เอาด้วย
ด้านแกนนำคนเสื้อแดงก็รู้ดีว่า การเลือกใช้ช่วงเวลานี้ในการชุมนุมไม่มีทางที่จะล้มรัฐบาลลงได้ แต่ก็จำเป็น เพราะเป้าหมายหลักที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงวางไว้ในครั้งนี้คือ
บีบให้ “กรรมการ” ออกมาหย่าศึก
ดังนั้น การนัดชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในครั้งนี้ หากมีขึ้น และบานปลายจนถึงขั้นนองเลือดหรือมีการเสียเลือดเสียเนื้อของประชาชนเกิดขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ที่ “กรรมการ” จะต้องออกมาหย่าศึก
เข้าทางของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะใช้อ้างว่า “เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี...” หรือ “จะให้โอกาสกับรัฐบาลอีกสักครั้ง” แต่จะเลือกใช้วลีไหนนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
แต่คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต ในที่สุดการจัดทัพเพื่อเผาบ้านเผาเมือง ก็มีอันต้องยุติไป ด้วยเหตุที่มีเบื้องหลังจากความพร้อมของกลุ่มคนเสื้อแดงในการนัดชุมนุมครั้งนี้นั้น เรียกว่า ไม่สมบูรณ์แล้วเกือบ 100% ไม่อาจจะระดมคนมาร่วมชุมนุมได้จำนวนนับแสนนับล้านคนอย่างที่คุยโวไว้ เนื่องจากขาดความร่วมมือจากหลายฝ่าย จะมีที่กระสันกันมากก็เฉพาะแต่กลุ่มสามเกลอ สู้แล้วรวยเท่านั้น
อีกเหตุที่ต้องเลื่อน เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทีมงานของ นช.ทักษิณ พยายามต่อสายกับผู้มีอำนาจ พูดคุยเพื่อต่อรองใน 3 เงื่อนไขมาตลอด คือ
1.ขอกลับประเทศไทยโดยไม่ต้องรับโทษ แลกกับการให้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาลต่อไปจนกว่าจะพอใจ
2.ให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติขึ้น และนช.ทักษิณ พร้อมที่จะกลับมารับโทษ แต่สามารถที่จะขอนิรโทษกรรมในภายหลังได้
3. การทวงทรัพย์สิน 76,000 ล้านบาทคืน
ดังนั้นการที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ออกมาระบุให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันเพื่อความปรองดองนั้น นช.ทักษิณ จึงแปลสัญญาณตรงนี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งต่างๆ ในเร็ววัน
มั่นใจการถอดรหัสของตัวเองถึงขนาดพูดผ่านรายการ “Talk Around The World” ทางเว็บไซต์ thaksinlive.com ว่า พร้อมที่จะหันกลับ 180 องศา
ผนวกกับมาตรการรับมือของรัฐบาล กระแสต่อต้านของประชาชน และเสียงเรียกร้องจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทยเอง ทำให้ นช.ทักษิณ ต้องต่อสายถึงแกนนำกลุ่ม นปช.ให้เลื่อนการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ ของกลุ่มคนเสื้อแดงออกไปก่อน เพื่อรอการเจรจาที่อาจจะเกิดขึ้น