นายเอกฑัต จุลสุวรรณ หนึ่งในแกนนำเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เก็ตติ้ง)ในการคัดค้านการหักผลตอบแทนตามมูลค่าหลักทรัพย์(อินเซนทีฟ) 25% เปิดเผยว่าจากการหารือกับแกนนำมาร์เกตติ้งจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) จำนวนกว่า 20 แห่ง ในวันที่ 22 พ.ย. สรุปจะส่งตัวแทนจำนวน 30 คน เพื่อไปยื่นหนังสือคัดค้านการจ่ายผลตอบแทนตามมูลค่าหลักทรัพย์ (อินเซ็นทีฟ) ที่จะหักไว้ 25% อีกครั้งเพื่อขอความเป็นธรรม ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ในวันนี้ (26 พ.ย.)
ทั้งนี้ เนื่องจาก มองว่า ก.ล.ต. .เป็นหน่วยงานที่ดูแลกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หากหน่วยงานดังกล่าวเมินเฉยแล้วหน่วยงานไหนจะมาดูแล ซึ่งต้องการให้ทาง ก.ล.ต. เป็นตัวกลางในการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และหากต้องการให้มาร์เกตติ้งเข้าไปหารือด้วยก็ย่อมได้ ขณะที่มาร์เกตติ้งไม่ต้องการให้มีการหักอินเซ็นทีฟหรือควรจ่ายให้เต็มจำนวนและควรให้มาร์เกตติ้งมีการย้ายงานอย่างอิสระ
" จากบล.ในปัจจุบันที่มีอยู่จำนวน 35 แห่ง ตัดบล.ต่างประเทศ 5-6 แห่ง และ บล.ที่มีแม่เป็นแบงก์อีก 3-4 แห่ง ก็จะเหลือบล.ที่เกี่ยวข้องเพียง 25 แห่ง โดยการประชุมแกนนำมาร์เกตติ้งเมื่อวานนี้มีตัวแทนมาร์เกตติ้งกว่า 20 แห่ง เข้าหารือร่วมกัน และกำหนดว่าพรุ่งนี้จะให้ตัวแทน 30 คน ไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ค้านหักอินเซ็นทีฟ 25% ซึ่งตอนนี้เราสับสนว่าหน่วยงานไหนดูแลเราหาก ก.ล.ต. ไม่ดูแลใครจะมาดูแลเราเพราะ ก.ล.ต. ชื่อบอกอยู่ว่ากำกับดูแลหลักทรัพย์ตลาดหลักทรัพย์ " นายเอกฑัตกล่าว
สำหรับขณะนี้ได้มีมาร์เกตติ้งในกรุงเทพฯลงชื่อครบแล้ว 2,000 คน ซึ่งอยู่ระหว่างรอมาร์เกตติ้งที่อยู่ต่างจังหวัดอีก 1,000 ราย ซึ่งจะครบ 3,000 รายแล้ว หลังจากได้ยื่นหนังสือแล้วและยังไม่มีความคืบหน้าหรือมีความชัดเจนว่าจะไม่หักอินเซ็นทีฟ และหากไม่มีอะไรขัดข้อง ติดขัดสัปดาห์หน้า มาร์เกตติ้งจะมีการรวมตัวกันหน้าก.ล.ต.จำนวน 1,000 คน แต่การชุมนุมหน้าก.ล.ต.จะยืดเยื้อหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าคำตอบที่ได้รับจะตรงกับความต้องการของกลุ่มมาร์เกตติ้งหรือไม่
อย่างไรก็ตามการชุมนุมของกลุ่มมาร์เกตติ้งจะหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ส่วนในเรื่องการหยุดงานทั่วประเทศในการประท้วงนั้นถือว่าเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่อาจจะมีการดำเนินการ ซึ่งทางกลุ่มมาร์เกตติ้งนั้นมีแนวทางที่จะมีการดำเนินการต่อไปหากไม่ได้รับการดูแลในเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ เนื่องจาก มองว่า ก.ล.ต. .เป็นหน่วยงานที่ดูแลกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หากหน่วยงานดังกล่าวเมินเฉยแล้วหน่วยงานไหนจะมาดูแล ซึ่งต้องการให้ทาง ก.ล.ต. เป็นตัวกลางในการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และหากต้องการให้มาร์เกตติ้งเข้าไปหารือด้วยก็ย่อมได้ ขณะที่มาร์เกตติ้งไม่ต้องการให้มีการหักอินเซ็นทีฟหรือควรจ่ายให้เต็มจำนวนและควรให้มาร์เกตติ้งมีการย้ายงานอย่างอิสระ
" จากบล.ในปัจจุบันที่มีอยู่จำนวน 35 แห่ง ตัดบล.ต่างประเทศ 5-6 แห่ง และ บล.ที่มีแม่เป็นแบงก์อีก 3-4 แห่ง ก็จะเหลือบล.ที่เกี่ยวข้องเพียง 25 แห่ง โดยการประชุมแกนนำมาร์เกตติ้งเมื่อวานนี้มีตัวแทนมาร์เกตติ้งกว่า 20 แห่ง เข้าหารือร่วมกัน และกำหนดว่าพรุ่งนี้จะให้ตัวแทน 30 คน ไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ค้านหักอินเซ็นทีฟ 25% ซึ่งตอนนี้เราสับสนว่าหน่วยงานไหนดูแลเราหาก ก.ล.ต. ไม่ดูแลใครจะมาดูแลเราเพราะ ก.ล.ต. ชื่อบอกอยู่ว่ากำกับดูแลหลักทรัพย์ตลาดหลักทรัพย์ " นายเอกฑัตกล่าว
สำหรับขณะนี้ได้มีมาร์เกตติ้งในกรุงเทพฯลงชื่อครบแล้ว 2,000 คน ซึ่งอยู่ระหว่างรอมาร์เกตติ้งที่อยู่ต่างจังหวัดอีก 1,000 ราย ซึ่งจะครบ 3,000 รายแล้ว หลังจากได้ยื่นหนังสือแล้วและยังไม่มีความคืบหน้าหรือมีความชัดเจนว่าจะไม่หักอินเซ็นทีฟ และหากไม่มีอะไรขัดข้อง ติดขัดสัปดาห์หน้า มาร์เกตติ้งจะมีการรวมตัวกันหน้าก.ล.ต.จำนวน 1,000 คน แต่การชุมนุมหน้าก.ล.ต.จะยืดเยื้อหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าคำตอบที่ได้รับจะตรงกับความต้องการของกลุ่มมาร์เกตติ้งหรือไม่
อย่างไรก็ตามการชุมนุมของกลุ่มมาร์เกตติ้งจะหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ส่วนในเรื่องการหยุดงานทั่วประเทศในการประท้วงนั้นถือว่าเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่อาจจะมีการดำเนินการ ซึ่งทางกลุ่มมาร์เกตติ้งนั้นมีแนวทางที่จะมีการดำเนินการต่อไปหากไม่ได้รับการดูแลในเรื่องดังกล่าว