นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินมาในงาน ร้อยใจเพื่อไทย เป็นหนึ่งเดียว โดยมีประเด็นพาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์ และรัฐบาล ใน 4 ประเด็น คือ 1. วิเคราะห์ว่าจะมีการเลือกตั้งในต้นปี 2553 นั้น เป็นการคาดคะเนทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่คาดเคลื่อนความเป็นจริงมาโดยตลอด และขอยืนยันว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นใหม่ ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะกำหนดได้ ถ้าดูวาระของสภาชุดนี้ จะสิ้นสุดลงในปลายปี 2554 ส่วนการเลือกตั้งต้นปี 2553 ยังไม่มีเค้าลาง ว่าจะเกิดขึ้นได้ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ วิเคราะห์
ประเด็นที่ 2. ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ จะถูกสารพัดโกง และมีการซื้อเสียงอย่างหนัก ขอชี้แจงว่า รัฐบาลชุดนี้จะไม่ทำเหมือนรัฐบาลยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีการโกงการเลือกตั้งทุกรูปแบบ ใช้อำนาจรัฐและอำนาจนอกระบบ เอื้อต่อการเลือกตั้ง รวมไปถึงมีการซื้อเสียงอย่างโจ่งแจ้ง จนเป็นที่มาของการ ยุบพรรคการเมืองหลายพรรค และยืนยันว่า ความเลวร้ายที่รัฐบาลยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ทำไว้ พรรคประชาธิปัตย์จะไม่เอาเยี่ยงอย่างอย่างเด็ดขาด พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ควรกลัว พรรคการเมืองอื่น จะกระทำต่อตนเอง เหมือนกับครั้งหนี่งที่ ตัวเองเคยทำไว้
นายเทพไท กล่าวว่า ประเด็นที่ 3. ที่บอกว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาลแล้ว จะต้องรับภาระหนัก เพราะรัฐบาลชุดนี้ทำงานไม่สำเร็จ อยากจะถามว่า ใครกันแน่ ที่ทิ้งภาระให้รัฐบาลชุดหลังคอยสะสาง หลังจากหมดตำแหน่งไป ดีเอ็นเอแห่งความชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ นับตั้งแต่โครงการอีลิทการ์ด แอร์พอร์ตลิ้งค์ เอสเอ็มอีแบงค์ เอ็กซ์ซิมแบงค์ บริษัทร่วมค้าปลีกเข้มแข็ง บริษัทไทยจัดการลองสเตย์ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ (สสว.) และองค์กรมหาชนอีกหลายแห่ง ล้วนเป็นโครงการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ริเริ่มขึ้นและล้มเหลวโดยสิ้นเชิง บางองค์กรสร้างความเสียหายนับหมื่นล้าน ซึ่งเป็นภาระที่รัฐบาลชุดนี้ ต้องสะสางต่อไป
ประเด็น 4. พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าเมื่อพรรคเพื่อไทยชนะแล้วต้องมีสปิริต อย่าเลียบแบบรัฐบาลชุดนี้ ขอชี้แจงว่ารัฐบาลชุดนี้มีสปิริตเพียงพอ ในการบริหาราชการแผ่นดิน ไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัว หรือความแค้นทางการเมือง มาจัดการ แต่จะแก้ปัญหาโดยยึดหลักของกฎหมายเป็นที่ตั้ง และอยากจะถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่ารัฐบาลยุค พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น มีสปิริตมากน้อยเพียงใด กับการที่เอาเงิน ไปฟาดหัวพรรคการเมือง และควบรวม มาจัดตั้งรัฐบาล รวมไปถึงการเอาคดีความ มาต่อรองทางการเมืองแล้วหักหลังนั้น เป็นสปิริตของพ.ต.ท.ทักษิณ ใช่หรือไม่ อยากจะเรียกร้องพ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์ คนอื่น ให้กลับไปดูเงาของตนเองว่ามีพฤติกรรมใดๆที่กระทำต่อบุคคลผู้อื่นบ้าง
แนะ คุมตัวเองลิ่วล้อให้ได้ก่อนริปรองดอง
นายเทพไท กล่าวว่า สำหรับการโพสต์ในทวิตเตอร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พูดถึง ท่าทีของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่ต้องการให้เกิดความ ปรองดองในชาติ ว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี และตนจะปรองดองด้วยนั้น อยากจะถาม พ.ต.ท.ทักษิณว่า ในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงท่าที่ว่าต้องการที่จะเห็นความปรองดองให้เกิดขึ้นในชาติ และขอบคุณ พล.อ.เปรมในเรื่องนี้ แต่ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ กลับปล่อยปะละเลยให้ลิ่วล้อ ใช้เวทีชุมนุม ของ นปช.หรือคนเสื้อแดง จาบจ้วง พล.อ.เปรม อย่างหยาบคายอยู่ตอลดเวลา หรือแม้แต่ตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เองก็ไม่เคยละเว้นที่จะจาบจ้วง พล.อ.เปรม นับตั้งแต่อยู่ในตำแหน่งจนถึงทุกวันนี้
อยากถามว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ เป็นคำที่ออกมาจากปากของผู้ใด ทั้งๆ ที่ตัว พล.อ.เปรม ซึ่งอยู่ในฐานะประธานองคมนตรีได้วางตัวเหมาะสมกับตำแหน่ง ไม่เคยแสดงท่าที ฝักใฝ่การเมืองฝ่ายใด มีแต่ฝ่ายผู้คนในระบอบทักษิณ เท่านั้น ที่จาบจ้วงแบบสาดเสียเทเสีย ตั้งแต่ต้นจนถึงทุกวันนี้ ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความจริงใจ ที่จะเห็นความปรองดองของคนในชาติเกิดขึ้น ก็ควรเริ่มที่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เอง แล้วความปรองดองก็จะเกิดขึ้นตามที่พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการ
ประเด็นที่ 2. ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ จะถูกสารพัดโกง และมีการซื้อเสียงอย่างหนัก ขอชี้แจงว่า รัฐบาลชุดนี้จะไม่ทำเหมือนรัฐบาลยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีการโกงการเลือกตั้งทุกรูปแบบ ใช้อำนาจรัฐและอำนาจนอกระบบ เอื้อต่อการเลือกตั้ง รวมไปถึงมีการซื้อเสียงอย่างโจ่งแจ้ง จนเป็นที่มาของการ ยุบพรรคการเมืองหลายพรรค และยืนยันว่า ความเลวร้ายที่รัฐบาลยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ทำไว้ พรรคประชาธิปัตย์จะไม่เอาเยี่ยงอย่างอย่างเด็ดขาด พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ควรกลัว พรรคการเมืองอื่น จะกระทำต่อตนเอง เหมือนกับครั้งหนี่งที่ ตัวเองเคยทำไว้
นายเทพไท กล่าวว่า ประเด็นที่ 3. ที่บอกว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาลแล้ว จะต้องรับภาระหนัก เพราะรัฐบาลชุดนี้ทำงานไม่สำเร็จ อยากจะถามว่า ใครกันแน่ ที่ทิ้งภาระให้รัฐบาลชุดหลังคอยสะสาง หลังจากหมดตำแหน่งไป ดีเอ็นเอแห่งความชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ นับตั้งแต่โครงการอีลิทการ์ด แอร์พอร์ตลิ้งค์ เอสเอ็มอีแบงค์ เอ็กซ์ซิมแบงค์ บริษัทร่วมค้าปลีกเข้มแข็ง บริษัทไทยจัดการลองสเตย์ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ (สสว.) และองค์กรมหาชนอีกหลายแห่ง ล้วนเป็นโครงการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ริเริ่มขึ้นและล้มเหลวโดยสิ้นเชิง บางองค์กรสร้างความเสียหายนับหมื่นล้าน ซึ่งเป็นภาระที่รัฐบาลชุดนี้ ต้องสะสางต่อไป
ประเด็น 4. พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าเมื่อพรรคเพื่อไทยชนะแล้วต้องมีสปิริต อย่าเลียบแบบรัฐบาลชุดนี้ ขอชี้แจงว่ารัฐบาลชุดนี้มีสปิริตเพียงพอ ในการบริหาราชการแผ่นดิน ไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัว หรือความแค้นทางการเมือง มาจัดการ แต่จะแก้ปัญหาโดยยึดหลักของกฎหมายเป็นที่ตั้ง และอยากจะถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่ารัฐบาลยุค พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น มีสปิริตมากน้อยเพียงใด กับการที่เอาเงิน ไปฟาดหัวพรรคการเมือง และควบรวม มาจัดตั้งรัฐบาล รวมไปถึงการเอาคดีความ มาต่อรองทางการเมืองแล้วหักหลังนั้น เป็นสปิริตของพ.ต.ท.ทักษิณ ใช่หรือไม่ อยากจะเรียกร้องพ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์ คนอื่น ให้กลับไปดูเงาของตนเองว่ามีพฤติกรรมใดๆที่กระทำต่อบุคคลผู้อื่นบ้าง
แนะ คุมตัวเองลิ่วล้อให้ได้ก่อนริปรองดอง
นายเทพไท กล่าวว่า สำหรับการโพสต์ในทวิตเตอร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พูดถึง ท่าทีของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่ต้องการให้เกิดความ ปรองดองในชาติ ว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี และตนจะปรองดองด้วยนั้น อยากจะถาม พ.ต.ท.ทักษิณว่า ในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงท่าที่ว่าต้องการที่จะเห็นความปรองดองให้เกิดขึ้นในชาติ และขอบคุณ พล.อ.เปรมในเรื่องนี้ แต่ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ กลับปล่อยปะละเลยให้ลิ่วล้อ ใช้เวทีชุมนุม ของ นปช.หรือคนเสื้อแดง จาบจ้วง พล.อ.เปรม อย่างหยาบคายอยู่ตอลดเวลา หรือแม้แต่ตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เองก็ไม่เคยละเว้นที่จะจาบจ้วง พล.อ.เปรม นับตั้งแต่อยู่ในตำแหน่งจนถึงทุกวันนี้
อยากถามว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ เป็นคำที่ออกมาจากปากของผู้ใด ทั้งๆ ที่ตัว พล.อ.เปรม ซึ่งอยู่ในฐานะประธานองคมนตรีได้วางตัวเหมาะสมกับตำแหน่ง ไม่เคยแสดงท่าที ฝักใฝ่การเมืองฝ่ายใด มีแต่ฝ่ายผู้คนในระบอบทักษิณ เท่านั้น ที่จาบจ้วงแบบสาดเสียเทเสีย ตั้งแต่ต้นจนถึงทุกวันนี้ ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความจริงใจ ที่จะเห็นความปรองดองของคนในชาติเกิดขึ้น ก็ควรเริ่มที่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เอง แล้วความปรองดองก็จะเกิดขึ้นตามที่พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการ