ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – มทภ.3 ใช้กำลังพลกว่า 2 หมื่น ฮ.4 ลำ อารักขานายกฯ ที่เชียงใหม่ ไม่จำเป็นต้องใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง “ผบก.เชียงใหม่” เผยใช้กำลังกว่า 3 พัน-แผนกรกฎ 52 ด้าน “หางแดงเชียงใหม่” เหิมทันที หลังศาลไม่อนุมัติหมายจับ “เพชรวรรต” ปลุกสมาชิกพร้อมขู่ขนคนนับแสนปิดล้อม ตำรวจเชียงรายร่อนหมายเรียก 5 แกนนำเสื้อแดง “คดีหมิ่นเบื้องสูง”
วานนี้ (23 พ.ย.) พล.ท.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยระหว่างเดินทางมาประชุมประสานแผนความมั่นคงของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 (กอ.รมน.ภาค 3) ประจำปี 2553 ครั้งที่ 4 ตามยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนที่ห้องประชุม 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ถึงแผนรักษาความปลอดภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่มีกำหนดเดินทางมาร่วมประชุมหอการค้าทั่วประเทศที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 29 พ.ย.นี้ ว่า ในส่วนของกำลังทหารพร้อมให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งเบื้องต้นยังไม่มีการพูดคุยในรายละเอียด แต่ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว
ส่วนการออก พ.ร.บ.ความมั่นคง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ในช่วงดังกล่าวนั้น ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์และต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะการออก พ.ร.บ.นั้น ต้องให้ ครม.อนุมัติ และจะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว รวมทั้งความเชื่อมั่น แต่โดยส่วนตัวแล้วมองว่าหากมีการชุมนุมเรียกร้องตามหลักประชาธิปไตย ก็ไม่ควรประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง แต่อย่างไรก็ตาม หากมีการประกาศใช้ทางทหารซึ่งกำลังที่เตรียมไว้มากกว่า 2 หมื่นนาย ก็พร้อมจะเข้าปฏิบัติงานตามนโยบาย ซึ่งขณะนี้ก็ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์และการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนอยู่แล้ว
พล.ท.ทนงศักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่มีการข่มขู่เอาชีวิตนายกรัฐมนตรีผ่านทางวิทยุชุมชน 92.50 MHZ ใน จ.เชียงใหม่ ของ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มเสื้อแดง-รักษ์เชียงใหม่ 51 ด้วยว่า ตามปกติคนเชียงใหม่เป็นคนโอบอ้อมอารี แต่มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สื่อสารให้เกิดความรุนแรงและสร้างกระแสข่าวขึ้นมา ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำประเทศ สามารถบริหารราชการได้ในทุกพื้นที่ จึงอยากขอให้คนเชียงใหม่คิดในเรื่องนี้ให้ดีและใช้สันติวิธี ไม่กระทำการใดๆ ที่รุนแรงให้กระทบกับภาพรวมของ จ.เชียงใหม่
“เป็นภารกิจระเบียบปฏิบัติอยู่แล้วที่กองทัพภาคที่ 3 จะตั้งกองอำนวยการรักษาความปลอดภัยดูแลนายกฯ หากเดินทางไปตามพื้นที่ใดโดยที่ จ.เชียงใหม่ คราวนี้เรามีเฮลิคอปเตอร์ของค่ายกาวิละ 4 ลำเตรียมดูแลตลอดเส้นทาง เพราะหากพูดตามกระแสข่าวว่าจะมีการใช้ระเบิดถือว่าหนัก แต่จะเป็นข่าวจริงหรือไม่จริง หรือเป็นแค่คำขู่ก็ต้องตรวจสอบให้รู้แน่ชัดเพื่อความไม่ประมาท เรามั่นใจว่า จะควบคุมสถานการณ์ได้ แต่คิดว่าไม่น่าจะเชื่อมโยงกับอาวุธสงครามที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้พร้อมยาบ้าเมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อน” แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าว
**ผบก.เชียงใหม่ยันใช้แผนกรกฎ 52
ด้าน พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.) เชียงใหม่ เปิดเผยภายหลังประชุมตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อวางมาตรการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีที่จะเดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่ จ.เชียงใหม่ ว่า มั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุร้ายใดๆ โดยจะมีการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีอย่างสมเกียรติ ภายใต้แผนกรกฎ 52
ขณะเดียวกัน หากกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีกว่า 3,000 นายไม่เพียงพอได้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่จากตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ พะเยา เชียงราย ลำพูน และลำปางแล้ว
สำหรับกรณีวิทยุชุมชนที่ออกอากาศปลุกระดมประชาชนนั้น ผบก.ภ.เชียงใหม่เชียงใหม่ กล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่มอนิเตอร์ติดตามเฝ้าระวังตลอดเวลา ซึ่งหากมีการกระทำผิดจะดำเนินคดีโดยไม่มีข้อยกเว้น
ด้าน นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า มั่นใจว่าสามารถดูแลอารักขาความปลอดภัยให้กับนายกรัฐมนตรีได้อย่างแน่นอน พร้อมกันนี้ อยากขอร้องอย่าให้มีการก่อความรุนแรงใดๆ ขึ้นมา เพราะเวลานี้สถานการณ์และบรรยากาศต่างๆ ของจังหวัดกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น หากมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นจะเท่ากับเป็นการทำลายความเชื่อมั่นและทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมานานนับปีลงไปในพริบตา ทั้งบรรยากาศการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยว
**ศาลไม่อนุมัติหมายจับ “เพชรวรรต”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 14.00 น.วานนี้ พ.ต.ท.ปริญญา เพชรมี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้นำหลักฐานเดินทางไปยื่นต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอให้ศาลอนุมัติออกหมายจับ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 กับนายสุรชัย แซ่ด่าน ในข้อหาโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นจากกรณีจัดรายการออกอากาศทางวิทยุชุมชนข่มขู่เอาชีวิตนายกรัฐมนตรี
จนเวลา 16.50 น.หลังจากผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงใหม่ ได้ตรวจสอบพยานหลักฐานจากพนักงานสอบสวนที่นำไปยื่นแล้ว ได้แนะนำให้พนักงานสอบสวนกลับไปทบทวนในเรื่องของข้อกล่าวหาที่จะดำเนินคดีกับนายเพชรวรรต ใหม่ เนื่องจากพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นคลิปเสียงเพียงอย่างเดียวไม่สามารถที่จะแจ้งดำเนินคดีนายเพชรวรรต ตามข้อหา 85 ป.อาญาประกอบมาตรา 288ได้ เพราะมีแต่เสียงต้องมีอาวุธ จึงให้พนักงานสอบสวนกลับไปหาพยานหลักฐานมาเพิ่ม
**หางแดงปลุกสมาชิกป้อง “เพชรวรรต”
ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เช้าของวันเดียวกันบรรดาดีเจวิทยุชุมชน 92.50 MHZ ได้ผลัดเปลี่ยนกันพูดออกอากาศปลุกระดมเรียกร้องคนเสื้อแดงให้มาร่วมชุมนุมกันที่หน้าโรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลส หลังวัดพระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ อย่างต่อเนื่อง โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการปกป้องนายเพชรวรรต พร้อมกับปกป้องสถานีวิทยุชุมชน 92.50 MHZ ดังกล่าว
โดยเหล่าดีเจเสื้อแดงอ้างว่า เนื่องจากนายเพชรวรรต จะถูกออกหมายจับในข้อหาขู่ฆ่าผู้นำประเทศ จึงเรียกร้องให้คนเสื้อแดงในเชียงใหม่ เดินทางมาร่วมชุมนุมกันที่หน้าโรงแรมให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้ นายเพชรวรรต ถูกจับกุมหรือมีการสั่งปิดสถานีวิทยุชุมชน 92.50 MHZ จนเวลา 11.30 น.ปรากฏว่า มีกลุ่มคนเดินทางมาร่วมชุมนุมที่หน้าโรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลซ เพียงประมาณ 100 คนเท่านั้น
**แดง ชม.ขู่ขนคนนับแสนปิดสนามบิน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ พร้อมถอนประกันนายเพชรวรรต จากการขู่ฆ่านายกรัฐมนตรีผ่านรายการวิทยุชุมชน 92.50 MHZ ผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยังนายเพชรวรรต แต่ปิดเครื่องไม่สามารถติดต่อได้
ขณะที่สถานีวิทยุชุมชนของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ยังคงปลุกระดมคนเสื้อแดงให้ออกมาแสดงพลังในวันที่ 29 พ.ย.นี้ด้วย โดยระบุว่า รัฐบาลกลั่นแกล้งประชาชนในทุกวิถีทางพร้อมด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย โดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการใดๆ
นอกจากนี้ แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ยังออกอากาศโจมตี พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภาค 5 โดยกล่าวหาว่าเลือกปฏิบัติ พร้อมประกาศปลุกระดมสมาชิกปิดสนามบินและระดมคนไปต้อนรับ นายอภิสิทธิ์ ตั้งแต่ก้าวแรกที่มาเหยียบเชียงใหม่ โดยยืนยันจะมีคนเสื้อแดงในภาคเหนือมาต้อนรับไม่ต่ำกว่า 100,000 คน และระบุว่า การเดินทางมาของนายอภิสิทธิ์ มาเพื่อสร้างความแตกแยกและทำลายบรรยากาศท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่
**ตร.เชียงรายฟันเสื้อแดงคดีหมิ่นเบื้องสูง
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ได้เริ่มทยอยออกหมายเรียกให้แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงใน จ.เชียงราย 5 คน เช่น น.ส.จิรนันท์ จันทวงษ์ แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยเชียงราย, น.ส.เกษนีย์ ชื่นชม แกนนำชมรมคนรักทักษิณเชียงราย, นายบุญเลิศ บุญศรี แกนนำกลุ่มต้นกล้าเพื่อประชาธิปไตยเชียงราย ฯลฯ รับทราบคดีหมิ่นเบื้องสูง เพื่อไปให้ปากคำในคดีมีการแจกจ่ายเอกสารที่ส่อไปในทางหมิ่นเบื้องสูงบนศาลากลางจังหวัดเชียงราย เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การออกหมายเรียกไปยังกลุ่มคนเสื้อแดงดังกล่าว มีขึ้นภายหลังจากตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ได้ทำการเรียกสอบปากคำสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ไปให้ปากคำจนครบหมดแล้ว เพราะสื่อมวลชนบางส่วนได้ขึ้นไปทำข่าวบนศาลากลางจังหวัดฯในวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงนำโดยกลุ่ม 24 มิถุนาฯพากันไปให้กำลังใจด้วยการมอบดอกไม้ให้กำลังใจกับ นายไตรสิทธิ์ สินสมบูรณ์ทอง อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ซึ่งมีความสนิทชิดเชื้อกับกลุ่มคนเสื้อแดงมาโดยตลอด พร้อมยื่นหนังสือ 2 ฉบับ ระบุข้อความให้กำลังใจ 1 ฉบับ และข้อเรียกร้องเพื่อขอให้ส่งต่อไปยังรัฐบาลอีก 1 ฉบับ โดยมีเนื้อหาคือ ให้มีการยุบสภา หรือรัฐบาลลาออก ปลด นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และให้ดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
แต่วันเดียวกันกลับมีการแจกเอกสารฉบับที่ 3 ในสถานที่เดียวกันด้วย โดยมีเนื้อหาที่ส่อว่าอาจจะหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง และไม่เหมาะสมอย่างยิ่งโดยมีบางข้อความสำคัญ เช่น “ให้ยกเลิกประเพณีการโปรดเกล้าฯ เป็นต้น ซึ่งทาง “ASTVผู้จัดการ” ได้นำเสนอข้อมูลอย่างต่อเนื่องกระทั่งฝ่ายทหารซึ่งได้เอกสารฉบับที่ 3 ดังกล่าวเช่นกันได้แจ้งให้ทางตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ดำเนินคดีดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ถือว่ายืดเยื้อมานานตั้งแต่ช่วงต้นปี เนื่องจากทางตำรวจอ้างว่า ต้องผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการหลายชุด ทั้งในระดับกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และถึงระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทั่งมีการเรียกตัวคนเสื้อแดงทั้งหมด ซึ่งในปัจจุบันแตกกระจายกันออกไปตั้งเป็นกลุ่มใหม่ต่างๆ เข้ามาดำเนินคดีในที่สุด
มีรายงานว่า ที่ผ่านมา สื่อมวลชนส่วนใหญ่ที่ไปให้ปากคำกับตำรวจมักจะให้ข้อมูลว่าได้รับเอกสารดังกล่าวบนศาลากลางจังหวัด จริง แต่ส่วนใหญ่ก็จำไม่ได้ว่าไปรับเอกสารจากบุคคลใด แต่เนื่องจากครั้งนั้นมีเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงเท่านั้นที่ไปชุมนุมให้กำลังใจผู้ว่าราชการจังหวัดขณะที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงบางคนต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่า เรื่องนี้อาจจะเป็นการสกัดไม่ให้พวกตนไปชุมนุมที่ จ.เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ ได้โดยสะดวก
วานนี้ (23 พ.ย.) พล.ท.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยระหว่างเดินทางมาประชุมประสานแผนความมั่นคงของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 (กอ.รมน.ภาค 3) ประจำปี 2553 ครั้งที่ 4 ตามยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนที่ห้องประชุม 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ถึงแผนรักษาความปลอดภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่มีกำหนดเดินทางมาร่วมประชุมหอการค้าทั่วประเทศที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 29 พ.ย.นี้ ว่า ในส่วนของกำลังทหารพร้อมให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งเบื้องต้นยังไม่มีการพูดคุยในรายละเอียด แต่ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว
ส่วนการออก พ.ร.บ.ความมั่นคง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ในช่วงดังกล่าวนั้น ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์และต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะการออก พ.ร.บ.นั้น ต้องให้ ครม.อนุมัติ และจะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว รวมทั้งความเชื่อมั่น แต่โดยส่วนตัวแล้วมองว่าหากมีการชุมนุมเรียกร้องตามหลักประชาธิปไตย ก็ไม่ควรประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง แต่อย่างไรก็ตาม หากมีการประกาศใช้ทางทหารซึ่งกำลังที่เตรียมไว้มากกว่า 2 หมื่นนาย ก็พร้อมจะเข้าปฏิบัติงานตามนโยบาย ซึ่งขณะนี้ก็ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์และการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนอยู่แล้ว
พล.ท.ทนงศักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่มีการข่มขู่เอาชีวิตนายกรัฐมนตรีผ่านทางวิทยุชุมชน 92.50 MHZ ใน จ.เชียงใหม่ ของ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มเสื้อแดง-รักษ์เชียงใหม่ 51 ด้วยว่า ตามปกติคนเชียงใหม่เป็นคนโอบอ้อมอารี แต่มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สื่อสารให้เกิดความรุนแรงและสร้างกระแสข่าวขึ้นมา ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำประเทศ สามารถบริหารราชการได้ในทุกพื้นที่ จึงอยากขอให้คนเชียงใหม่คิดในเรื่องนี้ให้ดีและใช้สันติวิธี ไม่กระทำการใดๆ ที่รุนแรงให้กระทบกับภาพรวมของ จ.เชียงใหม่
“เป็นภารกิจระเบียบปฏิบัติอยู่แล้วที่กองทัพภาคที่ 3 จะตั้งกองอำนวยการรักษาความปลอดภัยดูแลนายกฯ หากเดินทางไปตามพื้นที่ใดโดยที่ จ.เชียงใหม่ คราวนี้เรามีเฮลิคอปเตอร์ของค่ายกาวิละ 4 ลำเตรียมดูแลตลอดเส้นทาง เพราะหากพูดตามกระแสข่าวว่าจะมีการใช้ระเบิดถือว่าหนัก แต่จะเป็นข่าวจริงหรือไม่จริง หรือเป็นแค่คำขู่ก็ต้องตรวจสอบให้รู้แน่ชัดเพื่อความไม่ประมาท เรามั่นใจว่า จะควบคุมสถานการณ์ได้ แต่คิดว่าไม่น่าจะเชื่อมโยงกับอาวุธสงครามที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้พร้อมยาบ้าเมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อน” แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าว
**ผบก.เชียงใหม่ยันใช้แผนกรกฎ 52
ด้าน พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.) เชียงใหม่ เปิดเผยภายหลังประชุมตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อวางมาตรการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีที่จะเดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่ จ.เชียงใหม่ ว่า มั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุร้ายใดๆ โดยจะมีการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีอย่างสมเกียรติ ภายใต้แผนกรกฎ 52
ขณะเดียวกัน หากกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีกว่า 3,000 นายไม่เพียงพอได้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่จากตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ พะเยา เชียงราย ลำพูน และลำปางแล้ว
สำหรับกรณีวิทยุชุมชนที่ออกอากาศปลุกระดมประชาชนนั้น ผบก.ภ.เชียงใหม่เชียงใหม่ กล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่มอนิเตอร์ติดตามเฝ้าระวังตลอดเวลา ซึ่งหากมีการกระทำผิดจะดำเนินคดีโดยไม่มีข้อยกเว้น
ด้าน นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า มั่นใจว่าสามารถดูแลอารักขาความปลอดภัยให้กับนายกรัฐมนตรีได้อย่างแน่นอน พร้อมกันนี้ อยากขอร้องอย่าให้มีการก่อความรุนแรงใดๆ ขึ้นมา เพราะเวลานี้สถานการณ์และบรรยากาศต่างๆ ของจังหวัดกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น หากมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นจะเท่ากับเป็นการทำลายความเชื่อมั่นและทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมานานนับปีลงไปในพริบตา ทั้งบรรยากาศการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยว
**ศาลไม่อนุมัติหมายจับ “เพชรวรรต”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 14.00 น.วานนี้ พ.ต.ท.ปริญญา เพชรมี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้นำหลักฐานเดินทางไปยื่นต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอให้ศาลอนุมัติออกหมายจับ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 กับนายสุรชัย แซ่ด่าน ในข้อหาโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นจากกรณีจัดรายการออกอากาศทางวิทยุชุมชนข่มขู่เอาชีวิตนายกรัฐมนตรี
จนเวลา 16.50 น.หลังจากผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงใหม่ ได้ตรวจสอบพยานหลักฐานจากพนักงานสอบสวนที่นำไปยื่นแล้ว ได้แนะนำให้พนักงานสอบสวนกลับไปทบทวนในเรื่องของข้อกล่าวหาที่จะดำเนินคดีกับนายเพชรวรรต ใหม่ เนื่องจากพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นคลิปเสียงเพียงอย่างเดียวไม่สามารถที่จะแจ้งดำเนินคดีนายเพชรวรรต ตามข้อหา 85 ป.อาญาประกอบมาตรา 288ได้ เพราะมีแต่เสียงต้องมีอาวุธ จึงให้พนักงานสอบสวนกลับไปหาพยานหลักฐานมาเพิ่ม
**หางแดงปลุกสมาชิกป้อง “เพชรวรรต”
ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เช้าของวันเดียวกันบรรดาดีเจวิทยุชุมชน 92.50 MHZ ได้ผลัดเปลี่ยนกันพูดออกอากาศปลุกระดมเรียกร้องคนเสื้อแดงให้มาร่วมชุมนุมกันที่หน้าโรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลส หลังวัดพระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ อย่างต่อเนื่อง โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการปกป้องนายเพชรวรรต พร้อมกับปกป้องสถานีวิทยุชุมชน 92.50 MHZ ดังกล่าว
โดยเหล่าดีเจเสื้อแดงอ้างว่า เนื่องจากนายเพชรวรรต จะถูกออกหมายจับในข้อหาขู่ฆ่าผู้นำประเทศ จึงเรียกร้องให้คนเสื้อแดงในเชียงใหม่ เดินทางมาร่วมชุมนุมกันที่หน้าโรงแรมให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้ นายเพชรวรรต ถูกจับกุมหรือมีการสั่งปิดสถานีวิทยุชุมชน 92.50 MHZ จนเวลา 11.30 น.ปรากฏว่า มีกลุ่มคนเดินทางมาร่วมชุมนุมที่หน้าโรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลซ เพียงประมาณ 100 คนเท่านั้น
**แดง ชม.ขู่ขนคนนับแสนปิดสนามบิน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ พร้อมถอนประกันนายเพชรวรรต จากการขู่ฆ่านายกรัฐมนตรีผ่านรายการวิทยุชุมชน 92.50 MHZ ผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยังนายเพชรวรรต แต่ปิดเครื่องไม่สามารถติดต่อได้
ขณะที่สถานีวิทยุชุมชนของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ยังคงปลุกระดมคนเสื้อแดงให้ออกมาแสดงพลังในวันที่ 29 พ.ย.นี้ด้วย โดยระบุว่า รัฐบาลกลั่นแกล้งประชาชนในทุกวิถีทางพร้อมด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย โดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการใดๆ
นอกจากนี้ แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ยังออกอากาศโจมตี พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภาค 5 โดยกล่าวหาว่าเลือกปฏิบัติ พร้อมประกาศปลุกระดมสมาชิกปิดสนามบินและระดมคนไปต้อนรับ นายอภิสิทธิ์ ตั้งแต่ก้าวแรกที่มาเหยียบเชียงใหม่ โดยยืนยันจะมีคนเสื้อแดงในภาคเหนือมาต้อนรับไม่ต่ำกว่า 100,000 คน และระบุว่า การเดินทางมาของนายอภิสิทธิ์ มาเพื่อสร้างความแตกแยกและทำลายบรรยากาศท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่
**ตร.เชียงรายฟันเสื้อแดงคดีหมิ่นเบื้องสูง
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ได้เริ่มทยอยออกหมายเรียกให้แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงใน จ.เชียงราย 5 คน เช่น น.ส.จิรนันท์ จันทวงษ์ แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยเชียงราย, น.ส.เกษนีย์ ชื่นชม แกนนำชมรมคนรักทักษิณเชียงราย, นายบุญเลิศ บุญศรี แกนนำกลุ่มต้นกล้าเพื่อประชาธิปไตยเชียงราย ฯลฯ รับทราบคดีหมิ่นเบื้องสูง เพื่อไปให้ปากคำในคดีมีการแจกจ่ายเอกสารที่ส่อไปในทางหมิ่นเบื้องสูงบนศาลากลางจังหวัดเชียงราย เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การออกหมายเรียกไปยังกลุ่มคนเสื้อแดงดังกล่าว มีขึ้นภายหลังจากตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ได้ทำการเรียกสอบปากคำสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ไปให้ปากคำจนครบหมดแล้ว เพราะสื่อมวลชนบางส่วนได้ขึ้นไปทำข่าวบนศาลากลางจังหวัดฯในวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงนำโดยกลุ่ม 24 มิถุนาฯพากันไปให้กำลังใจด้วยการมอบดอกไม้ให้กำลังใจกับ นายไตรสิทธิ์ สินสมบูรณ์ทอง อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ซึ่งมีความสนิทชิดเชื้อกับกลุ่มคนเสื้อแดงมาโดยตลอด พร้อมยื่นหนังสือ 2 ฉบับ ระบุข้อความให้กำลังใจ 1 ฉบับ และข้อเรียกร้องเพื่อขอให้ส่งต่อไปยังรัฐบาลอีก 1 ฉบับ โดยมีเนื้อหาคือ ให้มีการยุบสภา หรือรัฐบาลลาออก ปลด นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และให้ดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
แต่วันเดียวกันกลับมีการแจกเอกสารฉบับที่ 3 ในสถานที่เดียวกันด้วย โดยมีเนื้อหาที่ส่อว่าอาจจะหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง และไม่เหมาะสมอย่างยิ่งโดยมีบางข้อความสำคัญ เช่น “ให้ยกเลิกประเพณีการโปรดเกล้าฯ เป็นต้น ซึ่งทาง “ASTVผู้จัดการ” ได้นำเสนอข้อมูลอย่างต่อเนื่องกระทั่งฝ่ายทหารซึ่งได้เอกสารฉบับที่ 3 ดังกล่าวเช่นกันได้แจ้งให้ทางตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ดำเนินคดีดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ถือว่ายืดเยื้อมานานตั้งแต่ช่วงต้นปี เนื่องจากทางตำรวจอ้างว่า ต้องผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการหลายชุด ทั้งในระดับกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และถึงระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทั่งมีการเรียกตัวคนเสื้อแดงทั้งหมด ซึ่งในปัจจุบันแตกกระจายกันออกไปตั้งเป็นกลุ่มใหม่ต่างๆ เข้ามาดำเนินคดีในที่สุด
มีรายงานว่า ที่ผ่านมา สื่อมวลชนส่วนใหญ่ที่ไปให้ปากคำกับตำรวจมักจะให้ข้อมูลว่าได้รับเอกสารดังกล่าวบนศาลากลางจังหวัด จริง แต่ส่วนใหญ่ก็จำไม่ได้ว่าไปรับเอกสารจากบุคคลใด แต่เนื่องจากครั้งนั้นมีเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงเท่านั้นที่ไปชุมนุมให้กำลังใจผู้ว่าราชการจังหวัดขณะที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงบางคนต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่า เรื่องนี้อาจจะเป็นการสกัดไม่ให้พวกตนไปชุมนุมที่ จ.เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ ได้โดยสะดวก