บิ๊ก โคล่า สยายปีกบุกช่องทางโมเดิร์นเทรดปลายปี หวังเข้าถึงกลุ่มคนเมือง หลังบุกร้านค้าปลีกรายย่อยเจาะตลาดภูธรโกยแชร์กว่า 10% สิ้นปีตั้งเป้ากวาดแชร์เป็น 15% ระบุโค้ก-เป๊ปซี่ ควงกลยุทธ์อีโคโนมี ไซซ์ สกัด ด้านหาดทิพย์ เร่งรักษาฐานลูกค้าภาคใต้ ส่งขวดเพ็ทไซซ์พิเศษ 15 บาท ถูกกว่าขนาดปกติ 2 บาท
นายสิทธิศักดิ์ จินดารักษ์ ผู้จัดการด้านตลาดและโฆษณา บริษัท อาเจ ไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลมอาเจ บิ๊กโคล่า จากประเทศเปรู เปิดเผยว่า ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า บริษัทวางแผนขยายช่องทางจัดจำหน่ายน้ำอัดลมบิ๊ก โคล่า สู่โมเดิร์นเทรด เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น หลังจากทำตลาดมากว่า 3 ปี มุ่งเน้นช่องทางจำหน่ายเทรดิชันนัลเทรดหรือร้านค้าปลีกรายย่อยเป็นหลัก ซึ่งในช่วงกลางปีที่ผ่านมา บริษัทได้ปูพรมสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางโทรทัศน์ เพื่อรองรับกับการขยายช่องทางจำหน่ายใหม่
สำหรับด้านการแข่งขันในตลาดน้ำอัดลมในขณะนี้ ทั้งเป๊ปซี่และโค้ก หันมาใช้กลยุทธ์อีโคโนมี ไซซ์ ตลอดจนการจัดทำเทรดโปรโมชัน เพื่อสกัดกั้นน้ำอัดลมบิ๊ก โคล่า ช่วงชิงส่วนแบ่ง ซึ่งปัจจุบันกว่า 10% และมีความแข็งแกร่งอย่างมากในตลาดต่างจังหวัด เนื่องจากบริษัทใช้ยุทธศาสตร์มุ่งเน้นการวางราคาสินค้าต่ำกว่าคู่แข่ง และให้ปริมาณมากกว่า ควบคู่กับคุณภาพ อาทิ บิ๊ก โคล่า เช่น น้ำดำ ขนาด 535 มล.ราคา 10บาท เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ราคา 15-16 บาท โดยส่วนแบ่งของบิ๊ก โคล่า ส่วนใหญ่มาจากการชิงส่วนแบ่งมาจากโค้ก เป็นหลัก
ดังนั้นในขณะนี้ค่ายน้ำอัดลมโค้ก เปิดตัวบรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ท จำหน่ายราคา 15 บาท จากเดิมบรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ท ขนาด 450 มล. ราคา 17บาท โดยวางจำหน่ายเฉพาะในภาคใต้ ซึ่งบริษัทหาดทิพย์ เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ทั้งนี้กลยุทธ์ดังกล่าวเพื่อรักษาฐานผู้บริโภคในตลาดต่างจังหวัด และสกัดน้ำอัดลมบิ๊ก โคล่าช่วงชิงส่วนแบ่ง ขณะเดียวกันยังสอดรับกับกำลังการซื้อของผู้บริโภคในต่างจังหวัด
นายสิทธิศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้กลยุทธ์ไซซ์ซิ่งของคู่แข่งไม่ได้มีผลมากนักในตลาดต่างจังหวัด เนื่องจากบิ๊ก โคล่า มีจุดแข็งของแบรนด์ในแง่ความคุ้มค่า จากการวางราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งและให้ปริมาณที่มากกว่า และจากการขยายช่องทางจำหน่ายสู่โมเดิร์นเทรด ผลักดันให้เข้าถึงกลุ่มคนเมืองมากขึ้น จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากต่างจังหวัด 80% และอีก 20% เป็นกรุงเทพฯ
สำหรับผลประกอบการปีนี้ บริษัทตั้งเป้าเติบโต 10% หรือ 2,200 ล้านบาท จากเมื่อปีที่ผ่านมามีรายได้ 2,000 ล้านบาท ส่วนกลุ่มน้ำอัดลมบิ๊ก โคล่า ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งเพิ่มกว่า 10% เป็น 15% จากมูลค่าตลาด 3 หมื่นล้านบาท
**โค้กควงกลยุทธ์อีโคโนมีไซซ์
นางสาวนฑาห์ บุญประสิทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำอัดลมโค้กและแฟนต้า กล่าวว่า การทำตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมโค้กและแฟนต้า ใช้กลยุทธ์อีโคโนมี ไซซ์ เพื่อเจาะช่องทางจัดจำหน่ายได้เฉพาะเจาะจง และตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ช่วงที่ผ่านมาโค้กและแฟนต้าเปิดตัวบรรจุภัณฑ์ขวดคืนขนาดใหม่ 6.5 ออนซ์ ราคา 5 บาท วางจำหน่ายเฉพาะร้านขายของชำ จากเดิมมีขวดคืนขวด 8 ออนซ์ ราคา 10 บาท และ 15 ออนซ์ ขณะที่แบบกระป๋องมีขนาด 325 มล., แบบมินิแคน 240 มล., ขวดเพ็ท "กริ๊ป" ขนาดพกพา 500 มล. และขวดเพ็ต "บัดดี้" 600 มล. เป็นต้น
นายสิทธิศักดิ์ จินดารักษ์ ผู้จัดการด้านตลาดและโฆษณา บริษัท อาเจ ไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลมอาเจ บิ๊กโคล่า จากประเทศเปรู เปิดเผยว่า ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า บริษัทวางแผนขยายช่องทางจัดจำหน่ายน้ำอัดลมบิ๊ก โคล่า สู่โมเดิร์นเทรด เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น หลังจากทำตลาดมากว่า 3 ปี มุ่งเน้นช่องทางจำหน่ายเทรดิชันนัลเทรดหรือร้านค้าปลีกรายย่อยเป็นหลัก ซึ่งในช่วงกลางปีที่ผ่านมา บริษัทได้ปูพรมสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางโทรทัศน์ เพื่อรองรับกับการขยายช่องทางจำหน่ายใหม่
สำหรับด้านการแข่งขันในตลาดน้ำอัดลมในขณะนี้ ทั้งเป๊ปซี่และโค้ก หันมาใช้กลยุทธ์อีโคโนมี ไซซ์ ตลอดจนการจัดทำเทรดโปรโมชัน เพื่อสกัดกั้นน้ำอัดลมบิ๊ก โคล่า ช่วงชิงส่วนแบ่ง ซึ่งปัจจุบันกว่า 10% และมีความแข็งแกร่งอย่างมากในตลาดต่างจังหวัด เนื่องจากบริษัทใช้ยุทธศาสตร์มุ่งเน้นการวางราคาสินค้าต่ำกว่าคู่แข่ง และให้ปริมาณมากกว่า ควบคู่กับคุณภาพ อาทิ บิ๊ก โคล่า เช่น น้ำดำ ขนาด 535 มล.ราคา 10บาท เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ราคา 15-16 บาท โดยส่วนแบ่งของบิ๊ก โคล่า ส่วนใหญ่มาจากการชิงส่วนแบ่งมาจากโค้ก เป็นหลัก
ดังนั้นในขณะนี้ค่ายน้ำอัดลมโค้ก เปิดตัวบรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ท จำหน่ายราคา 15 บาท จากเดิมบรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ท ขนาด 450 มล. ราคา 17บาท โดยวางจำหน่ายเฉพาะในภาคใต้ ซึ่งบริษัทหาดทิพย์ เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ทั้งนี้กลยุทธ์ดังกล่าวเพื่อรักษาฐานผู้บริโภคในตลาดต่างจังหวัด และสกัดน้ำอัดลมบิ๊ก โคล่าช่วงชิงส่วนแบ่ง ขณะเดียวกันยังสอดรับกับกำลังการซื้อของผู้บริโภคในต่างจังหวัด
นายสิทธิศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้กลยุทธ์ไซซ์ซิ่งของคู่แข่งไม่ได้มีผลมากนักในตลาดต่างจังหวัด เนื่องจากบิ๊ก โคล่า มีจุดแข็งของแบรนด์ในแง่ความคุ้มค่า จากการวางราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งและให้ปริมาณที่มากกว่า และจากการขยายช่องทางจำหน่ายสู่โมเดิร์นเทรด ผลักดันให้เข้าถึงกลุ่มคนเมืองมากขึ้น จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากต่างจังหวัด 80% และอีก 20% เป็นกรุงเทพฯ
สำหรับผลประกอบการปีนี้ บริษัทตั้งเป้าเติบโต 10% หรือ 2,200 ล้านบาท จากเมื่อปีที่ผ่านมามีรายได้ 2,000 ล้านบาท ส่วนกลุ่มน้ำอัดลมบิ๊ก โคล่า ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งเพิ่มกว่า 10% เป็น 15% จากมูลค่าตลาด 3 หมื่นล้านบาท
**โค้กควงกลยุทธ์อีโคโนมีไซซ์
นางสาวนฑาห์ บุญประสิทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำอัดลมโค้กและแฟนต้า กล่าวว่า การทำตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมโค้กและแฟนต้า ใช้กลยุทธ์อีโคโนมี ไซซ์ เพื่อเจาะช่องทางจัดจำหน่ายได้เฉพาะเจาะจง และตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ช่วงที่ผ่านมาโค้กและแฟนต้าเปิดตัวบรรจุภัณฑ์ขวดคืนขนาดใหม่ 6.5 ออนซ์ ราคา 5 บาท วางจำหน่ายเฉพาะร้านขายของชำ จากเดิมมีขวดคืนขวด 8 ออนซ์ ราคา 10 บาท และ 15 ออนซ์ ขณะที่แบบกระป๋องมีขนาด 325 มล., แบบมินิแคน 240 มล., ขวดเพ็ท "กริ๊ป" ขนาดพกพา 500 มล. และขวดเพ็ต "บัดดี้" 600 มล. เป็นต้น