“สอดแนมการเมือง”
โดย...ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
ประชาชนรักทหารไทยใจกล้า..เพราะทหารไทยใจกล้านั้น“รักในหลวง”
วัยเด็ก..ผมเคยดูหนังไทยเรื่อง“ทหารเรือมาแล้ว” และชอบพระเอกรูปหล่อและเครื่องแบบสีขาวสะอาด ที่สง่าและเท่ห์อย่าบอกใครทีเดียวเชียวแหละ
แหม..เป็นทหารเรือได้นั่งเรือรบท่องท้องทะเล..ดูนกนางนวล-ปลาโลมา-ปลาฉลาม-ปลาวาฬ เดินเก็บหอย-เก็บหิน-เก็บปะการัง กินปู-ปลา-ปลิงทะเล ฯลฯ นาวีพาชีวีมีสุข..จริงไหม..?
ต่อมา..ผมแหงนหน้ามองเครื่องบินไอพ่น ที่กำลังบินผาดโผนฉวัดเฉวียนไปมา อืม..ทหารอากาศนี่..เก่งจังเลย นั่นทำให้ผมเปลี่ยนใจจากอยากขับเรือรบ กลายกลับเป็นอยากขับเครื่องบินท่องท้องฟ้าสีฟ้าสด ดุจนกน้อยที่บินเที่ยวได้อย่างอิสระแทนไงล่ะครับ
หลังจากนั้นผมก็หันมาชอบทหารบก เพราะบ้านผมอยู่แถว“ม.พัน4”ตรงถนนเกียกกาย ตอนปิดเทอม..ผมยังเคยแบกกระติก“ไอติม”ขาย พี่ๆทหารยานเกราะที่ต้องสตาร์ทรถถังในตอนเช้าทุกวัน ชอบซื้อไอติมแท่งผมกินเสมอ ได้“ไม้แดง”แถมไอติมให้อีกหนึ่งแท่ง ได้“ไม้เขียว”แถมไอติมให้สองแท่งเลย
ผมชอบรถถังมากเป็นพิเศษ เพราะรูปร่างและเสียงของรถถัง..มันน่าเกรงขามมั๊กมาก...
ก็แหม..เกิดรัฐประหารในประเทศไทยคราใด รถถังจะเป็นพระเอกเที่ยวแล่นไปยึดจุดสำคัญๆทุกครั้ง หากผมได้เป็นทหารม้ายานเกราะ..เอ..ผมจะขับรถถังไปยึดที่ไหนดี? สภาผู้แทนราษฎรหรือทำเนียบรัฐบาล..อืม..แค่คิดก็สนุกแล้วล่ะ..จริงไหม..ทหารไทยใจกล้า?
เมื่อผมโตขึ้น..ผมได้เห็นผู้นำทหารเป็นนายกรัฐมนตรีหลายคน ทหารไทยที่เป็นผู้บริหารชาติบางท่าน..ยังพอเห็นความดีอยู่บ้าง แต่ทหารไทยที่เป็นผู้นำชาติบางคน ทำความชั่วจนทหารไทยและกองทัพไทย พลอยเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วยไม่มากก็น้อย
ทว่า..ที่ผ่านมา..ความเสียหายสูงสุดที่ผู้นำทหาร ซึ่งเข้าไปบริหารบ้านเมืองในฐานะนายกฯกระทำ จะเสียหายแค่ชื่อเสียงของตัวบุคคล-ครอบครัว หรือหากเสียหายมากหน่อย..ก็กับทหารบางหมู่-บางเหล่า-บางกรม-บางกองทัพเท่านั้น
แต่ไม่เคยมีใครหน้าไหน? ใหญ่โตมีอำนาจขนาดไหน? จะกล้าบังอาจมาล่วงละเมิดจาบจ้วงหยาบหยาม ถึงองค์“จอมทัพไทย”หรือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือ“พ่อหลวงของแผ่นดิน” ผู้ซึ่งเป็นที่รักเคารพเทิดทูนของผองชนชาวไทยยิ่งชีวิต
ฤาหากจะมีใครหน้าไหนในยุคนั้น บังอาจล่วงละเมิดจาบจ้วงให้ร้ายป้ายสี องค์“จอมทัพไทย”หรือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ผู้เป็น“พ่อหลวงของแผ่นดินไทย” ก็จะมีทหารไทยใจกล้าและประชาชนคนไทยที่“รักในหลวง” พากันดาหน้าออกมาพิทักษ์ปกป้องสถาบันสูงสุดทุกวิถีทาง รวมทั้งดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิด ตามตัวบทกฎหมายอย่างทันทีทันควันเสมอมา
นั่นคือ เรื่องราวแบบรวบรัดของทหารไทยใจกล้า ซึ่งคนไทยรับรู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จริงไหม..ทหารไทยใจกล้าของ“ในหลวง”???
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ที่รัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร และครอบครัวจอมเผด็จการของเขา ได้ปกครองประเทศแบบเล่นพรรคเล่นพวก และคอร์รัปชั่นกันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงถูกประชาชนคนไทยที่รักประชาธิปไตยขับไล่ รวมทั้งทหารไทยใจกล้ายุคนั้นร่วมกดดันอีกแรงหนึ่ง สุดท้ายจอมเผด็จการ“ถนอม”กับพวกจำต้องลาออก และหลบหนีไปใช้ชีวิตในต่างแดน
อาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ได้เข้ารับหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมๆกับนักเรียน-นิสิต-นักศึกษา-ประชาชนส่วนหนึ่ง หันไปนิยมการปกครองในแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ถึงขนาดมีการตั้งพรรคแนวสังคมนิยม ขึ้นในประเทศไทยหลายพรรค
ยุคดอกไม้ประชาธิปไตยเบ่งบานนี้ มีเอกสารสิ่งพิมพ์เรื่องราวของนักสู้-นักคิด-นักเขียน-บทกวีเพื่อประชาชน รวมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับผู้นำ-ทฤษฎี-ประวัติ ของชาวคอมมิวนิสต์ไทยและคอมมิวนิสต์สากล อีกทั้งการโจมตีให้ร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ถูกตีพิมพ์เผยแพร่ขายกันอย่างเปิดเผย
การเคลื่อนไหวเหล่านั้นมีทั้งบริสุทธิ์ที่ไร้เบื้องหลัง มีทั้งการเคลื่อนไหวภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์ไทย ได้ส่งสมาชิกพรรคฯเข้าไปจัดตั้งชี้นำในบางกลุ่ม จนทำให้เกิดการประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรมจากทุกชั้นชนราวดอกเห็ด
ทหารไทยใจกล้าก็รู้ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองก็รู้ นักปฏิวัติที่ต้องการเปลี่ยนประเทศไทย ให้เป็นระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ล้วนรู้ว่า หากกองทัพคอมมิวนิสต์ไทยชนะ สถาบันพระมหากษัตริย์ก็จะต้องล่มสลาย หรือหากจะยังมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ต้องอยู่ภายใต้การบงการชี้นิ้วของผู้สถาปนาอำนาจรัฐใหม่แบบคอมมิวนิสต์
ดังกรณี“ฮุนเซน”ทำกับสถาบันกษัตริย์ในประเทศกัมพูชา..จริงไหม..ใครจะเถียง???
คราครั้งนั้น..ระบอบการปกครองประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและตัวสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย จึงตกอยู่ในสภาวะอันตรายร้ายแรงอย่างยิ่ง!
และแล้ว..รอบบ้านของราชอาณาจักรไทย ก็ได้เกิดเหตุการณ์พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน เพราะกองทัพของคอมมิวนิสต์เวียดนาม กัมพูชา ลาว ได้บุกยึดประเทศจากรัฐบาลทุนนิยมทั้ง 3 ประเทศไว้ในกำมือ และได้สถาปนาอำนาจรัฐสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ขึ้นมาในทันที
ประเทศข้างบ้านหลายประเทศ..ได้กลายเป็นคอมมิวนิสต์แล้ว ในบ้าน..ผู้คนที่นิยมระบอบคอมมิวนิสต์กลุ่มใหญ่ ก็ลุกขึ้นเคลื่อนไหวปลุกระดมมวลชนอย่างกว้างขวางต่อเนื่อง ทฤษฎีโดมิโนกลายเป็นปีศาจตัวโตที่น่าสะพึงกลัวยิ่งนัก!
การต่อสู้ที่เดิมพันกันด้วย การอยู่รอดของระบอบปกครองประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมทั้งตัวสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย เผชิญหน้าต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ให้เป็นระบอบการปกครองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ศึกภายในระหว่างคนไทยด้วยกัน ดุเดือด-แหลมคม-ชนิดที่ทั้ง 2 ฝ่ายล้วน..แพ้ไม่ได้!
สุดท้าย..การเมืองหลั่งเลือดก็เกิดขึ้น ฝ่ายปกป้องระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์-เป็นผู้ชนะ
แต่เป็นชัยชนะที่ไม่ควรเกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินธรรม เพราะมีการเข่นฆ่าผู้คนอย่างทารุณโหดร้ายเป็นประวัติการณ์ และทำให้คนไทยแตกแยกกันเป็นฝักฝ่าย
บาดแผลแห่งชัยชนะ..เต็มไปด้วยน้ำตา-เลือดเนื้อ-ชีวิตของคนบริสุทธิ์ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่พลอยรับเคราะห์กรรม ต้องได้รับบาดเจ็บล้มตายจำนวนไม่น้อย
นั่นทำให้ผู้คนที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับคอมมิวนิสต์ไทย ได้สมทบกับกลุ่มผู้คนที่อยู่ภายใต้การจัดตั้งชี้นำโดยพรรคคอมมิวนิสต์ไทย ที่รอดมีชีวิตจากการเมืองหลั่งเลือด ได้ร่วมกันเดินทางเข้าป่าจับปืนสู้กับรัฐบาลไทยจำนวนมาก
ทำให้สงครามประชาชนของพรรคคอมมิวนิสต์ไทยในป่าขยายตัว ในขณะที่สงครามเย็นในเมืองใหญ่ซ่อนตัวลงหลืบลึก ประเทศไทยจึงเต็มไปด้วยคลื่นเหนือผิวน้ำ และคลื่นใต้น้ำที่รอวันคลุ้มคลั่งโหมเข้าซัดฝั่ง..
หลังตัดสินใจพิชิตผู้ล้มล้างและชมชอบ ระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ ระบอบปกครองประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย..ก็เข้มแข็งมั่นคงยิ่งขึ้น
แต่หนทางสถาปนาให้ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มั่งคงยิ่งขึ้นไปอีกนั้น เป็นศาสตร์และศิลป์ที่ต้องเดินหน้าต่อไป บนความชาญฉลาดที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจ บนคุณภาพชีวิตประชาชนคนส่วนใหญ่ที่ดีขึ้น
ดังนั้น..ทหารไทยใจกล้าของ“ในหลวง” หากพวกคุณ“รักในหลวง”ด้วยใจจริง พวกคุณก็ต้อง“รักประชาชน”อย่างจริงใจ..จริงไหม..ใช่ไหม???