การประชุมคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เมื่อวานนี้ (20พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน สสส. เป็นประธานการประชุม มีวาระพิจารณาที่สำคัญคือ แผนงานสถาบันวิจัยและพัฒนาสุขภาพภาคใต้ ระยะที่ 2 ซึ่งที่ประชุมได้อนุมัติงบประมาณดำเนินการ 60 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 3 ปี (พ.ศ.2552-2555) โดยมีโครงการที่น่าสนใจ ประกอบด้วย โครงการบัณฑิตอาสา ด้วยการรับสมัครบัณฑิตอาสาจากสถาบันอุดมการศึกษาในภาคใต้ และสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ ที่มีภูมิลำเนาในภาคใต้ เพื่อเปิดโอกาสให้บัณฑิตได้กลับมาพัฒนาท้องถิ่นในพื้นที่ภาคใต้ รวมถึงโครงการเยาวชนจิตอาสา โครงการการรับมือภัยคุกคามสุขภาพ และระบบสุขภาพภาคใต้ และการพัฒนางานวิจัยเพื่อก้ไขปัญหาทางสุขภาพในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้อย่างครบวงจร
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการลงพื้นที่ภาคใต้เมื่อวันที่ 18-19 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า จากการติดตามการทำงานในส่วนของโรงเรียนเอกชนที่จังหวัดนราธิวาส เนื่องจากมีการสอนทางวิชาสามัญได้ผลเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ตามที่รัฐบาลกำหนด ขณะเดียวกันก็สอนวิชาทางศาสนาได้ดีเช่นเดียวกัน ผลการเรียน การสอนได้ผลดี จึงอยากให้จังหวัดอื่นได้เข้าใจว่า ในจังหวัดชายแดนภาคใต้จึงสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ผลสำเร็จได้ ซึ่งตนได้รับปากว่าจะเชิญนายกรัฐมนตรีลงไปเยี่ยมเยียนในช่วงเดือนธ.ค.
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวว่าหลังจากกลับจากภาคใต้ ตนได้ประชุมร่วมกับสภาพัฒน์ฯ สำนักกรมบัญชีกลาง ได้พูดคุยตกลงกันว่า เพื่อให้งานของภาคใต้เป็นไปอย่างรวดเร็วตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ จะให้ทั้ง 3 หน่วยงาน ทางสภาพัฒน์ฯ กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณไปจัดทำปฏิทินการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดิน เพื่อให้ลงไปถึงมือประชาชนอย่างรวดเร็ว จะได้ทราบขั้นตอนว่า ใครจะต้องทำอะไร และใช้เวลากี่วัน เพราะประชาชนรอคอยเรื่องนี้อยู่ และในเวลา 16.00 น.(20พ.ย.) ตนจะเชิญกระทรวง ทบวง กรม ที่เกี่ยวกับสนับสนุนอาชีพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาหารือรายละเอียด ว่า จะช่วยประชาชนได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว หลังจากนั้นจะเอาข้อสรุปทั้งหมดลงไปถ่ายทอดให้ประชาชนทุกตำบล ทุกหมู่บ้านได้ทราบ เพราะหลักการของรัฐบาลนี้ก็คือ ทุกโครงการที่ลงไปพัฒนา พี่น้องประชาชนต้องรู้ทุกเรื่อง และเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาพร้อม ๆ กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ
นายสุเทพ กล่าวว่า ตอนนี้ประชาชนมีขวัญกำลังใจดี โดยเฉพาะที่ตนได้ไปค้างคืนที่ อ.สุโหงโก-ลก น่าชื่นชมมาก พี่น้องประชาชนทุกระดับตั้งแต่นายกเทศมนตรี พ่อค้า นักธุรกิจ คนขับขี่มอเตอร์ไซค์ แม่ค้าในตลาดสด ได้จัดตั้งเป็นกองกำลังอาสาสมัคร คอยระวังภัย เป็นหู เป็นตาให้กับบ้านเมือง ช่วยสนับสนุนเจ้าหน้าที่อีกทาง ซื้อวิทยุส่งข่าวถึงกันและกัน ผลัดเวรกันตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเขามั่นใจว่า การดำเนินการอย่างนี้จะสามารถช่วยตรวจสอบป้องกันไม่ให้คนร้ายเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ได้ และเวลานี้นักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้น โรงแรมที่พักเริ่มมีคนมาพักเต็ม และทางจังหวัดพยายามจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เห็นว่าบ้านเมืองสามารถดูแลให้เป็นปกติสุขได้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการลงพื้นที่ภาคใต้เมื่อวันที่ 18-19 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า จากการติดตามการทำงานในส่วนของโรงเรียนเอกชนที่จังหวัดนราธิวาส เนื่องจากมีการสอนทางวิชาสามัญได้ผลเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ตามที่รัฐบาลกำหนด ขณะเดียวกันก็สอนวิชาทางศาสนาได้ดีเช่นเดียวกัน ผลการเรียน การสอนได้ผลดี จึงอยากให้จังหวัดอื่นได้เข้าใจว่า ในจังหวัดชายแดนภาคใต้จึงสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ผลสำเร็จได้ ซึ่งตนได้รับปากว่าจะเชิญนายกรัฐมนตรีลงไปเยี่ยมเยียนในช่วงเดือนธ.ค.
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวว่าหลังจากกลับจากภาคใต้ ตนได้ประชุมร่วมกับสภาพัฒน์ฯ สำนักกรมบัญชีกลาง ได้พูดคุยตกลงกันว่า เพื่อให้งานของภาคใต้เป็นไปอย่างรวดเร็วตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ จะให้ทั้ง 3 หน่วยงาน ทางสภาพัฒน์ฯ กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณไปจัดทำปฏิทินการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดิน เพื่อให้ลงไปถึงมือประชาชนอย่างรวดเร็ว จะได้ทราบขั้นตอนว่า ใครจะต้องทำอะไร และใช้เวลากี่วัน เพราะประชาชนรอคอยเรื่องนี้อยู่ และในเวลา 16.00 น.(20พ.ย.) ตนจะเชิญกระทรวง ทบวง กรม ที่เกี่ยวกับสนับสนุนอาชีพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาหารือรายละเอียด ว่า จะช่วยประชาชนได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว หลังจากนั้นจะเอาข้อสรุปทั้งหมดลงไปถ่ายทอดให้ประชาชนทุกตำบล ทุกหมู่บ้านได้ทราบ เพราะหลักการของรัฐบาลนี้ก็คือ ทุกโครงการที่ลงไปพัฒนา พี่น้องประชาชนต้องรู้ทุกเรื่อง และเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาพร้อม ๆ กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ
นายสุเทพ กล่าวว่า ตอนนี้ประชาชนมีขวัญกำลังใจดี โดยเฉพาะที่ตนได้ไปค้างคืนที่ อ.สุโหงโก-ลก น่าชื่นชมมาก พี่น้องประชาชนทุกระดับตั้งแต่นายกเทศมนตรี พ่อค้า นักธุรกิจ คนขับขี่มอเตอร์ไซค์ แม่ค้าในตลาดสด ได้จัดตั้งเป็นกองกำลังอาสาสมัคร คอยระวังภัย เป็นหู เป็นตาให้กับบ้านเมือง ช่วยสนับสนุนเจ้าหน้าที่อีกทาง ซื้อวิทยุส่งข่าวถึงกันและกัน ผลัดเวรกันตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเขามั่นใจว่า การดำเนินการอย่างนี้จะสามารถช่วยตรวจสอบป้องกันไม่ให้คนร้ายเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ได้ และเวลานี้นักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้น โรงแรมที่พักเริ่มมีคนมาพักเต็ม และทางจังหวัดพยายามจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เห็นว่าบ้านเมืองสามารถดูแลให้เป็นปกติสุขได้
