เมื่อเวลา 09.30 น.วานนี้ (18 พ.ย.) ที่ทำการพรรคมาตุภูมิ ชั้น 5 อาคารเบญจมาศ พล.อ .สนธิ บุญยรัตกลิน ว่าที่หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ อดีตผู้บัญชาการทหารบก และอดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ได้แถลงข่าวเปิดตัวร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคมาตุภูมิอย่างเป็นทางการ หลังตอบรับนั่งหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ
ทั้งนี้ นายมั่น พัฒโนทัย ประธานที่ปรึกษาพรรคมาตุภูมิ กล่าวว่า ที่ประชุมกรรมการบริหารและส.ส.ของพรรคมาตุภูมิ ได้มีมติร่วมกันในการเชิญ พล.อ.สนธิ มาเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อนำพรรคไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งพล.อ.สนธิ ก็ยินดีมาเป็นหัวหน้าพรรค
ขณะที่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ตนได้ตัดสินใจมาร่วมกับพรรคมาตุภูมิอย่างเต็มตัว ทั้งนี้ ปัญหาที่ทำให้ตนจำเป็นที่ต้องมาอยู่พรรคมาตุภูมิ คือ 1. ปัญหาการเมืองที่มีความขัดแย้ง 2. ปัญหาเรื่องความสมานฉันท์ ความรัก และความสามัคคีของคนในชาติ 3 . เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต 4. การแก้ปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง เป็นนโยบายหลักที่สอดคล้องและตรงกัน
นโยบายเพิ่มเติมที่พรรคมาตุภูมิกำหนดไว้ใน 2 เรื่อง ที่เห็นว่ามีความเป็นไปได้และสำคัญ ณ เวลานี้ก็คือ เรื่องที่ 1. เรื่องการศึกษาของเยาวชน เพราะการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เรายังไม่สามารถเดินไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ หลายคนยังไม่มีความเข้าใจระบอบประชาธิปไตย เพราะมีการศึกษาที่จำกัด ดังนั้นพรรคมาตุภูมิจะมุ่งเน้นในจุดนี้
2. ระบบเศรษฐกิจซึ่งยังมีคนไทยังยากจนอยู่จำนวนมาก นโยบายที่สำคัญของพรรคมาตุภูมิคือ ต้องการให้ประชาชนอยู่ดี กินดี มีสุขภาพดี เป็นส่วนหนึ่งที่เราต้องมองไปในเรื่องของรัฐสวัสดิการ ในทุกประเด็นเห็นว่าทั้งหมดมันสอดคล้องกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ในเรื่องของนครรัฐปัตตานี พล.อ.สนธิ กล่าวว่าไม่ใช่ว่าเราไม่เห็นด้วย แต่ไม่ชัดเจนเรื่อง คำว่ารัฐปัตตานีมันกว้าง ตนเลยเสนอแนวความคิดเรื่องของร่าง พ.ร.บ.ทบวงการบริหารกิจการชายแดนภาคใต้ พ.ศ..... มาแก้ไขปัญหา โดยนักวิชาการ สถาบันสันติวิธีได้ทำวิจัยในเรื่องนี้ออกมาว่า น่าจะใช้หลักการบริหารแบบทบวง แล้วนำมาเพิ่มเติมข้อเสนอแนะว่าต้องทำอะไร บริหารงานพื้นที่ 3 จังหวัด ต้องมีเอกภาพ มีนโยบายเดียว ที่สำคัญการบริหารงบประมาณ ต้องมีความชัดเจน และรวดเร็ว
เมื่อถามว่าขณะที่โครงสร้างแบบเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นมหาดไทย, ศอ.บต. ,กอ.รมน. พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนอยู่ตรงนั้นมานาน ต้องถามว่าองค์กรตรงไหน มีเอกภาพหรือไม่ การบริหารจัดการต้องมีความชัดเจน การบริหารเรื่องของนโยบาย งบประมาณ การบริหารกิจการเรื่องของคน ถามว่ามีความชัดเจนไหมที่ผ่านมา เมื่อไม่มีความชัดเจน ต่างคนต่างสั่ง ทำให้แนวนโยบายไม่สอดคล้องกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชากาทหารบก หรือประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ทำไมไม่ทำเรื่องนี้ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ผบ.ทบ.ไม่มีอำนาจไปทำตรงนี้ ถ้าผบ.ทบ.ไปสั่ง ถามว่ามหาดไทยจะเอาด้วยไหม ตำรวจ รัฐบาลจะเอาด้วยไหม มันทำไม่ได้ ถึงได้บอกว่า ต้องมีเอกภาพ มีคนเดียวที่จะสั่งการ อำนาจทั้งหมดมันอยู่ที่คน อยู่ที่กระทรวง ทบวงนี้ ที่จะสามารถทำอะไรได้หมด เมื่อนโยบายไปในแนวทางเดียวกัน ไม่ซ้ำซ้อน ที่ผ่านมาคงเห็นทหารไปอย่าง ตำรวจไปอย่าง และอำนาจในส่วนของทบวงต่างกับ ศอ.บต. การเมืองเข้าไปแทรก ศอ.บต.ได้ แต่ถ้าเป็นทบวงจะแทรกแยก คนที่เป็นเจ้ากระทรวง ก็อยู่ในครม.ด้วย
เมื่อถามว่า จะแก้ปัญหาการแย่งชิงอำนาจระหว่างฝ่ายปกครองกับกองทัพได้อย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ทุกคนอยู่ภายใต้ทบวงนี้ กองทัพก็ต้องอยู่ภายใต้ทบวงนี้ อันนี้เป็นแนวคิดของตน
เมื่อถามว่า ในอนาคตเมื่อมีการเลือกตั้ง จะร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ถ้านโยบายสอดคล้องกันก็คุยกันอีกทีในอนาคต ถ้านโยบายขัดแย้งกัน ก็คงต้องไปคนละทาง เมื่อถามต่อว่ามองที่นโยบาย หรือตัวบุคคลเป็นหลัก เพราะพรรคเพื่อไทย มีอดีตนายทหาร เตรียมทหารรุ่น 10 มาร่วมพรรค พล.อ.สนธิ กล่าวว่า การเมืองต้องใช้นโยบายเป็นหลักในการร่วมประสานประโยชน์ในการบริหารประเทศ ถ้านโยบายมันสอดคล้องกัน ก็ต้องว่ากัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ท่านเป็นประธานคมช. โค่นระบอบทักษิณ และนำมาซึ่งการยุบพรรคเพื่อไทย แล้วจะร่วมงานกับพรรคนี้ได้หรือ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ปัญหามันอยู่ว่า ไปร่วมตรงนี้ฐานะประธานคมช. หรือตน ในเวลานั้นตนไม่ใช่ประธานคมช. ตอนนั้นเป็นอะไรยังไม่แน่ใจ พล.อ.สนธิ อาจจะเป็นหัวหน้าพรรคตรงนี้ คนละอัน เราต้องถอนบทบาทตรงนั้นออกไปจากตัวเรา
เมื่อถามว่า จะชี้แจงประชาชนอย่างไร เมื่อเป็นคนนำปฏิวัติมาก่อน แต่มาลงเลือกตั้ง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ระบอบประชาธิปไตย ตนเอาระบอบเป็นตัวตั้ง และประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นตัวกำหนดทิศทางในการปฏิบัติ เมื่อถามต่อว่าแต่ก็ถูกมองว่า การปฏิวัติที่ผ่านมา ก็เป็นการปูทางนำมาสู่การทำงานการเมือง จะตอบประชาชนอย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่าเราอย่าไปมองตรงนั้น เราไปมองตรงนั้นว่าขณะนั้นเกิดอะไรขึ้น และเราต้องการจะแก้ปัญหาอะไร เรามองตรงนั้นดีกว่า
เมื่อถามว่า ในเมื่อบอกว่าเอาประชาธิปไตยเป็นตัวตั้ง แล้วไปปฎิวัติทำไม ในเมื่อปฏิวัติแล้วก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ประชาธิปไตยคืออะไร ต้องศึกษาก่อน ถ้าเผื่อไม่เข้าใจประชาธิปไตยแล้วบอกว่านั่นคือประชาธิปไตย ผิดนะ ไม่ใช่การเลือกตั้งแล้วตรงนั้นคือประชาธิปไตย ซึ่งประชาธิปไตยมีถึง 7 หัวข้อ เป็นแนวทางในการปฏิบัติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หวั่นใจหรือไม่ว่าเมื่อมาเปิดตัวที่พรรคมาตุภูมิแล้ว กลุ่มเสื้อแดงจะโจมตี พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อันนี้คงเป็นธรรมชาติของการเมืองไทย
**ยังกั๊กเนื่องร่วมงานกับ"เพื่อแม้ว"
เมื่อถามว่า เป็นที่รู้กันดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทย แล้วจะร่วมงานกันได้หรือ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อนาคตยังไม่รู้จะอยู่กับใคร ตอนนี้ยังไม่รู้ สื่อถามมาก็ตอบไปว่านโยบายเหมือนกันไหม วัตถุประสงค์เราคือ เพื่อบ้านเมืองและประเทศชาติ ก็ต้องมองตรงนั้น
เมื่อถามว่า ทำไมบอกชัดเจนไม่ได้ พรรคประชาธิปัตย์ยังมีจุดยืนได้ว่า จะไม่ทำงานกับพรรคเพื่อไทย พล.อ.สนธิ กล่าวว่า การเมืองคืออะไร ต้องเอาทฤษฎีการเมืองมาจับ การเมืองคือประโยชน์แห่งชาติ ฉะนั้นเราต้องดูถึงความสงบเรียบร้อย ไม่มีแดง ไม่มีเหลือง มันจะดีกว่าไหม เมื่อถามต่อว่า การเมืองของท่านคืออะไร อำนาจและผลประโยชน์เหมือนคนอื่นๆ หรือเปล่า พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ในหลักการมันว่าอย่างนั้นหรือเปล่า เราก็ต้องมองที่หลักการว่าหลักการการเมืองคือ อะไร ในที่สุดอยากจะบอกว่า หลักการของเราคือผลประโยชน์แห่งชาติ
เมื่อถามว่ามีการอ้างกันว่า การเมืองไทยที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เป็นเพราะการปฏิวัติ จะชี้แจงอย่างไรบ้าง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า แล้วแต่มุมมองของคน ถ้าเป็นมุมมองของบางคนก็บอกว่า ปัญหามันต่อเนื่องมาจากการปฏิวัติในคราวนั้น
"เราจะรู้ได้อย่างไร ถ้าเผื่อไม่ปฎิวัติ วันนี้จะเป็นอย่างไร ท่านอาจจะมานั่งอยู่ตรงนี้ไม่ได้ด้วยนะ เราจะไปรู้ได้อย่างไร" พล.อ.สนธิกล่าว
เมื่อถามว่ายืนยันหรือไม่ว่า ระบอบทักษิณเป็นระบอบที่เลว พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนยังไม่เคยพูดคำว่าเลว แต่บอกว่าประชาธิปไตยคืออะไร จะบอกว่าเสมอว่า ตนปฏิรูปคราวนั้น ตนรักษาประชาธิปไตย เมื่อถามว่าที่บอกว่าสถานการณ์การเมืองของไทยขณะนี้มันล่อแหลมนั้น มันล่อแหลมไปในทิศทางไหน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อันนี้สื่อมวลชนคงเห็นได้ดีกว่าตน ว่าสถานการณ์บ้านเมืองมันเป็นอะไร เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองเป็นอย่างนี้มีโอกาสอีกหรือไม่ที่กองทัพจะเข้ามาสอดแทรก พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ต้องไปถามกองทัพดู ตรงนี้ตนตอบไม่ได้ การเมืองในขณะนี้ต้องแยกไปในส่วนของทหาร ไม่ควรเข้าไปยุ่งการเมือง ไม่เหมาะ
**ทหารจะทะยอยเข้าพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้ววัฒนธรรมทางการเมืองในการนำพาประเทศ คืออะไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า มันเป็นทฤษฎี เป็นตำรา ไม่อย่างนั้นต้องสอนกันหมด เมื่อถามว่าวันนี้ได้ชักชวนเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 6 เข้าพรรคการเมืองหรือไม่ อย่าง พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อดีต ผบ.ทอ. เพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามพล.อ.อ.ชลิต เอง อยู่ที่อุดมการณ์ของท่านตรงกับเราไหม อันนี้ต่างหาก ใครก็ได้ ถ้าคิดว่าช่วยประเทศชาติได้ ก็มา
เมื่อถามว่า มีการทาบทามหรือยัง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า จริงแล้วก็คุยกับทุกคน หลายๆ ท่านจะทยอยมาเร็วๆ นี้ และจะทยอยมาเรื่อยๆ และไม่ใช่มีเฉพาะเตรียมทหารรุ่นที่ 6
**อ้างขี้ปากทูต 2 ปีไทยถอยหลังกรูด
เมื่อถามว่า การเปิดตัวเวลานี้ ไม่ใช่เพราะประเมินว่าอีกไม่กี่เดือนรัฐบาลจะไป พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนก็คงยืนยันสื่อหลายๆ ครั้งว่า การเมืองยังอีกยาว เมื่อถามว่าที่ผ่านมา ท่านมักจะบอกว่าอยากได้นักการเมืองน้ำดี ไปไล่น้ำเสีย ทำไมถึงมั่นใจว่า ตัวเองเป็นน้ำดีเพียงแค่น้ำดีเดียวจะมาไล่น้ำเสียออกไปได้ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ก็ยังดีกว่าที่เอาน้ำเสียเข้ามา แล้วมาช่วยทำให้น้ำเสียมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คนที่ตนเลือกมา ต้องเป็นคนดีด้วย
เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้ปัญหาการแบ่งขั้วหมดไป พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อย่างน้อยเพียงคิด ก็ถือว่าเริ่มต้นแล้ว
เมื่อถามว่า หากความเป็นธรรมไม่มี แล้วความสามัคคีจะเกิดขึ้นได้หรือ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อะไรคือเครื่องชี้วัดความไม่เป็นธรรม ตนว่าบางทีมันเป็นธรรม แต่ใจเราไม่เป็นธรรมต่างหาก ตนว่าตัวผมเองยังว่าลำเอียงเลย คนอื่นไม่เป็นธรรม แต่ความจริงใจเราลำเอียงต่างหาก ผู้ปกครองจะต้องทำตัวนี้ คือรัฐบาลเอง อีกส่วนผู้ที่ดำรงความเป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือศาล
" มีทูตท่านหนึ่งบอกว่า ประเทศไทย 2 ปีมานี้ ทำไมถอยหลังได้เร็วเหลือเกิน เขียนไปได้เลย นี่นักการทูตคนหนึ่งเป็นคนพูด" พล.อ.สนธิกล่าว
**เลือกตั้งต้องเอาชนะใจประชาชน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยินต้อนรับพรรคการเมืองใหม่ อย่างพรรคมาคุภูมิ เพราะว่ามันต้องมีการแข่งขันปกติ ซึ่งตอนนี้คงเร็วเกินไปที่จะถามว่า จะร่วมงานกันได้หรือไม่ คงต้องรอดูเรื่องนโยบายต่างๆ
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเปิดตัวพล.อ.สนธิ เป็นหัวหน้าพรรคมาตุภูมิว่า ถ้าพล.อ.สนธิ คิดว่าการเข้าสู่กระบวนการทางการเมืองเป็นการแสดงออกถึงความเลื่อมใสในระบอบประชาธิปไตย ก็ยินดีต้อนรับเข้ามาสู่แวดวงทางการเมือง และเราก็ไม่กังวลเรื่องฐานเสียงในภาคใต้ เพราะประชาธิปัตย์ตั้งมา 60 กว่าปี ผ่านสถานการณ์ทางการเมืองมาทุกรูปแบบ
เมื่อถามว่าคนที่เคยยึดอำนาจ แล้วมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง มันจะเป็นอย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า การยึดอำนาจง่าย มีกำลังก็ทำได้แล้ว แต่การลงสมัครรับเลือกตั้ง ต้องเอาชนะด้วยเสียงประชาชน ดังนั้นมันไม่ง่ายหรอก
**เย้ย"บิ๊กบัง"สุดท้ายก็ตาสว่าง
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้พล.อ.สนธิ น่าจะตาสว่างแล้ว จึงเลือกระบอบประชาธิปไตยในการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาสังคม เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นับตั้งแต่การปฏิวัติ เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 49 มีแต่ปัญหาจะยิ่งหนักกว่าเดิม เป็นการสะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของการปฏวัติ เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 49 ว่าไม่มีประโยชน์ต่อประเทศ และประชาชน บั่นทอนระบอบประชาธิปไตย ล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
" ขอเรียกร้องนายทหารที่มีอำนาจอยู่ในกองทัพขณะนี้ ที่กำลังคิดจะทำการปฏิวัติต่อไปด้วยว่า ขอให้ล้มเลิกความคิดได้แล้ว เพราะมันล้าสมัย ไดโนเสาร์ เต่าล้านปี เมื่อปฏิวัติแล้วก็ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ บ้านเมืองมีแต่เสียเวลา ขอให้เป็นอนุสติของผู้นำเเหล่าทัพทั้งหลายได้จดจำ และขอให้การปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 49 เป็นการปฏิวัติครั้งสุดท้าย" โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว
---------------------
ทั้งนี้ นายมั่น พัฒโนทัย ประธานที่ปรึกษาพรรคมาตุภูมิ กล่าวว่า ที่ประชุมกรรมการบริหารและส.ส.ของพรรคมาตุภูมิ ได้มีมติร่วมกันในการเชิญ พล.อ.สนธิ มาเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อนำพรรคไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งพล.อ.สนธิ ก็ยินดีมาเป็นหัวหน้าพรรค
ขณะที่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ตนได้ตัดสินใจมาร่วมกับพรรคมาตุภูมิอย่างเต็มตัว ทั้งนี้ ปัญหาที่ทำให้ตนจำเป็นที่ต้องมาอยู่พรรคมาตุภูมิ คือ 1. ปัญหาการเมืองที่มีความขัดแย้ง 2. ปัญหาเรื่องความสมานฉันท์ ความรัก และความสามัคคีของคนในชาติ 3 . เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต 4. การแก้ปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง เป็นนโยบายหลักที่สอดคล้องและตรงกัน
นโยบายเพิ่มเติมที่พรรคมาตุภูมิกำหนดไว้ใน 2 เรื่อง ที่เห็นว่ามีความเป็นไปได้และสำคัญ ณ เวลานี้ก็คือ เรื่องที่ 1. เรื่องการศึกษาของเยาวชน เพราะการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เรายังไม่สามารถเดินไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ หลายคนยังไม่มีความเข้าใจระบอบประชาธิปไตย เพราะมีการศึกษาที่จำกัด ดังนั้นพรรคมาตุภูมิจะมุ่งเน้นในจุดนี้
2. ระบบเศรษฐกิจซึ่งยังมีคนไทยังยากจนอยู่จำนวนมาก นโยบายที่สำคัญของพรรคมาตุภูมิคือ ต้องการให้ประชาชนอยู่ดี กินดี มีสุขภาพดี เป็นส่วนหนึ่งที่เราต้องมองไปในเรื่องของรัฐสวัสดิการ ในทุกประเด็นเห็นว่าทั้งหมดมันสอดคล้องกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ในเรื่องของนครรัฐปัตตานี พล.อ.สนธิ กล่าวว่าไม่ใช่ว่าเราไม่เห็นด้วย แต่ไม่ชัดเจนเรื่อง คำว่ารัฐปัตตานีมันกว้าง ตนเลยเสนอแนวความคิดเรื่องของร่าง พ.ร.บ.ทบวงการบริหารกิจการชายแดนภาคใต้ พ.ศ..... มาแก้ไขปัญหา โดยนักวิชาการ สถาบันสันติวิธีได้ทำวิจัยในเรื่องนี้ออกมาว่า น่าจะใช้หลักการบริหารแบบทบวง แล้วนำมาเพิ่มเติมข้อเสนอแนะว่าต้องทำอะไร บริหารงานพื้นที่ 3 จังหวัด ต้องมีเอกภาพ มีนโยบายเดียว ที่สำคัญการบริหารงบประมาณ ต้องมีความชัดเจน และรวดเร็ว
เมื่อถามว่าขณะที่โครงสร้างแบบเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นมหาดไทย, ศอ.บต. ,กอ.รมน. พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนอยู่ตรงนั้นมานาน ต้องถามว่าองค์กรตรงไหน มีเอกภาพหรือไม่ การบริหารจัดการต้องมีความชัดเจน การบริหารเรื่องของนโยบาย งบประมาณ การบริหารกิจการเรื่องของคน ถามว่ามีความชัดเจนไหมที่ผ่านมา เมื่อไม่มีความชัดเจน ต่างคนต่างสั่ง ทำให้แนวนโยบายไม่สอดคล้องกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชากาทหารบก หรือประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ทำไมไม่ทำเรื่องนี้ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ผบ.ทบ.ไม่มีอำนาจไปทำตรงนี้ ถ้าผบ.ทบ.ไปสั่ง ถามว่ามหาดไทยจะเอาด้วยไหม ตำรวจ รัฐบาลจะเอาด้วยไหม มันทำไม่ได้ ถึงได้บอกว่า ต้องมีเอกภาพ มีคนเดียวที่จะสั่งการ อำนาจทั้งหมดมันอยู่ที่คน อยู่ที่กระทรวง ทบวงนี้ ที่จะสามารถทำอะไรได้หมด เมื่อนโยบายไปในแนวทางเดียวกัน ไม่ซ้ำซ้อน ที่ผ่านมาคงเห็นทหารไปอย่าง ตำรวจไปอย่าง และอำนาจในส่วนของทบวงต่างกับ ศอ.บต. การเมืองเข้าไปแทรก ศอ.บต.ได้ แต่ถ้าเป็นทบวงจะแทรกแยก คนที่เป็นเจ้ากระทรวง ก็อยู่ในครม.ด้วย
เมื่อถามว่า จะแก้ปัญหาการแย่งชิงอำนาจระหว่างฝ่ายปกครองกับกองทัพได้อย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ทุกคนอยู่ภายใต้ทบวงนี้ กองทัพก็ต้องอยู่ภายใต้ทบวงนี้ อันนี้เป็นแนวคิดของตน
เมื่อถามว่า ในอนาคตเมื่อมีการเลือกตั้ง จะร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ถ้านโยบายสอดคล้องกันก็คุยกันอีกทีในอนาคต ถ้านโยบายขัดแย้งกัน ก็คงต้องไปคนละทาง เมื่อถามต่อว่ามองที่นโยบาย หรือตัวบุคคลเป็นหลัก เพราะพรรคเพื่อไทย มีอดีตนายทหาร เตรียมทหารรุ่น 10 มาร่วมพรรค พล.อ.สนธิ กล่าวว่า การเมืองต้องใช้นโยบายเป็นหลักในการร่วมประสานประโยชน์ในการบริหารประเทศ ถ้านโยบายมันสอดคล้องกัน ก็ต้องว่ากัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ท่านเป็นประธานคมช. โค่นระบอบทักษิณ และนำมาซึ่งการยุบพรรคเพื่อไทย แล้วจะร่วมงานกับพรรคนี้ได้หรือ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ปัญหามันอยู่ว่า ไปร่วมตรงนี้ฐานะประธานคมช. หรือตน ในเวลานั้นตนไม่ใช่ประธานคมช. ตอนนั้นเป็นอะไรยังไม่แน่ใจ พล.อ.สนธิ อาจจะเป็นหัวหน้าพรรคตรงนี้ คนละอัน เราต้องถอนบทบาทตรงนั้นออกไปจากตัวเรา
เมื่อถามว่า จะชี้แจงประชาชนอย่างไร เมื่อเป็นคนนำปฏิวัติมาก่อน แต่มาลงเลือกตั้ง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ระบอบประชาธิปไตย ตนเอาระบอบเป็นตัวตั้ง และประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นตัวกำหนดทิศทางในการปฏิบัติ เมื่อถามต่อว่าแต่ก็ถูกมองว่า การปฏิวัติที่ผ่านมา ก็เป็นการปูทางนำมาสู่การทำงานการเมือง จะตอบประชาชนอย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่าเราอย่าไปมองตรงนั้น เราไปมองตรงนั้นว่าขณะนั้นเกิดอะไรขึ้น และเราต้องการจะแก้ปัญหาอะไร เรามองตรงนั้นดีกว่า
เมื่อถามว่า ในเมื่อบอกว่าเอาประชาธิปไตยเป็นตัวตั้ง แล้วไปปฎิวัติทำไม ในเมื่อปฏิวัติแล้วก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ประชาธิปไตยคืออะไร ต้องศึกษาก่อน ถ้าเผื่อไม่เข้าใจประชาธิปไตยแล้วบอกว่านั่นคือประชาธิปไตย ผิดนะ ไม่ใช่การเลือกตั้งแล้วตรงนั้นคือประชาธิปไตย ซึ่งประชาธิปไตยมีถึง 7 หัวข้อ เป็นแนวทางในการปฏิบัติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หวั่นใจหรือไม่ว่าเมื่อมาเปิดตัวที่พรรคมาตุภูมิแล้ว กลุ่มเสื้อแดงจะโจมตี พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อันนี้คงเป็นธรรมชาติของการเมืองไทย
**ยังกั๊กเนื่องร่วมงานกับ"เพื่อแม้ว"
เมื่อถามว่า เป็นที่รู้กันดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทย แล้วจะร่วมงานกันได้หรือ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อนาคตยังไม่รู้จะอยู่กับใคร ตอนนี้ยังไม่รู้ สื่อถามมาก็ตอบไปว่านโยบายเหมือนกันไหม วัตถุประสงค์เราคือ เพื่อบ้านเมืองและประเทศชาติ ก็ต้องมองตรงนั้น
เมื่อถามว่า ทำไมบอกชัดเจนไม่ได้ พรรคประชาธิปัตย์ยังมีจุดยืนได้ว่า จะไม่ทำงานกับพรรคเพื่อไทย พล.อ.สนธิ กล่าวว่า การเมืองคืออะไร ต้องเอาทฤษฎีการเมืองมาจับ การเมืองคือประโยชน์แห่งชาติ ฉะนั้นเราต้องดูถึงความสงบเรียบร้อย ไม่มีแดง ไม่มีเหลือง มันจะดีกว่าไหม เมื่อถามต่อว่า การเมืองของท่านคืออะไร อำนาจและผลประโยชน์เหมือนคนอื่นๆ หรือเปล่า พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ในหลักการมันว่าอย่างนั้นหรือเปล่า เราก็ต้องมองที่หลักการว่าหลักการการเมืองคือ อะไร ในที่สุดอยากจะบอกว่า หลักการของเราคือผลประโยชน์แห่งชาติ
เมื่อถามว่ามีการอ้างกันว่า การเมืองไทยที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เป็นเพราะการปฏิวัติ จะชี้แจงอย่างไรบ้าง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า แล้วแต่มุมมองของคน ถ้าเป็นมุมมองของบางคนก็บอกว่า ปัญหามันต่อเนื่องมาจากการปฏิวัติในคราวนั้น
"เราจะรู้ได้อย่างไร ถ้าเผื่อไม่ปฎิวัติ วันนี้จะเป็นอย่างไร ท่านอาจจะมานั่งอยู่ตรงนี้ไม่ได้ด้วยนะ เราจะไปรู้ได้อย่างไร" พล.อ.สนธิกล่าว
เมื่อถามว่ายืนยันหรือไม่ว่า ระบอบทักษิณเป็นระบอบที่เลว พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนยังไม่เคยพูดคำว่าเลว แต่บอกว่าประชาธิปไตยคืออะไร จะบอกว่าเสมอว่า ตนปฏิรูปคราวนั้น ตนรักษาประชาธิปไตย เมื่อถามว่าที่บอกว่าสถานการณ์การเมืองของไทยขณะนี้มันล่อแหลมนั้น มันล่อแหลมไปในทิศทางไหน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อันนี้สื่อมวลชนคงเห็นได้ดีกว่าตน ว่าสถานการณ์บ้านเมืองมันเป็นอะไร เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองเป็นอย่างนี้มีโอกาสอีกหรือไม่ที่กองทัพจะเข้ามาสอดแทรก พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ต้องไปถามกองทัพดู ตรงนี้ตนตอบไม่ได้ การเมืองในขณะนี้ต้องแยกไปในส่วนของทหาร ไม่ควรเข้าไปยุ่งการเมือง ไม่เหมาะ
**ทหารจะทะยอยเข้าพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้ววัฒนธรรมทางการเมืองในการนำพาประเทศ คืออะไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า มันเป็นทฤษฎี เป็นตำรา ไม่อย่างนั้นต้องสอนกันหมด เมื่อถามว่าวันนี้ได้ชักชวนเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 6 เข้าพรรคการเมืองหรือไม่ อย่าง พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อดีต ผบ.ทอ. เพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามพล.อ.อ.ชลิต เอง อยู่ที่อุดมการณ์ของท่านตรงกับเราไหม อันนี้ต่างหาก ใครก็ได้ ถ้าคิดว่าช่วยประเทศชาติได้ ก็มา
เมื่อถามว่า มีการทาบทามหรือยัง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า จริงแล้วก็คุยกับทุกคน หลายๆ ท่านจะทยอยมาเร็วๆ นี้ และจะทยอยมาเรื่อยๆ และไม่ใช่มีเฉพาะเตรียมทหารรุ่นที่ 6
**อ้างขี้ปากทูต 2 ปีไทยถอยหลังกรูด
เมื่อถามว่า การเปิดตัวเวลานี้ ไม่ใช่เพราะประเมินว่าอีกไม่กี่เดือนรัฐบาลจะไป พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนก็คงยืนยันสื่อหลายๆ ครั้งว่า การเมืองยังอีกยาว เมื่อถามว่าที่ผ่านมา ท่านมักจะบอกว่าอยากได้นักการเมืองน้ำดี ไปไล่น้ำเสีย ทำไมถึงมั่นใจว่า ตัวเองเป็นน้ำดีเพียงแค่น้ำดีเดียวจะมาไล่น้ำเสียออกไปได้ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ก็ยังดีกว่าที่เอาน้ำเสียเข้ามา แล้วมาช่วยทำให้น้ำเสียมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คนที่ตนเลือกมา ต้องเป็นคนดีด้วย
เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้ปัญหาการแบ่งขั้วหมดไป พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อย่างน้อยเพียงคิด ก็ถือว่าเริ่มต้นแล้ว
เมื่อถามว่า หากความเป็นธรรมไม่มี แล้วความสามัคคีจะเกิดขึ้นได้หรือ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อะไรคือเครื่องชี้วัดความไม่เป็นธรรม ตนว่าบางทีมันเป็นธรรม แต่ใจเราไม่เป็นธรรมต่างหาก ตนว่าตัวผมเองยังว่าลำเอียงเลย คนอื่นไม่เป็นธรรม แต่ความจริงใจเราลำเอียงต่างหาก ผู้ปกครองจะต้องทำตัวนี้ คือรัฐบาลเอง อีกส่วนผู้ที่ดำรงความเป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือศาล
" มีทูตท่านหนึ่งบอกว่า ประเทศไทย 2 ปีมานี้ ทำไมถอยหลังได้เร็วเหลือเกิน เขียนไปได้เลย นี่นักการทูตคนหนึ่งเป็นคนพูด" พล.อ.สนธิกล่าว
**เลือกตั้งต้องเอาชนะใจประชาชน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยินต้อนรับพรรคการเมืองใหม่ อย่างพรรคมาคุภูมิ เพราะว่ามันต้องมีการแข่งขันปกติ ซึ่งตอนนี้คงเร็วเกินไปที่จะถามว่า จะร่วมงานกันได้หรือไม่ คงต้องรอดูเรื่องนโยบายต่างๆ
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเปิดตัวพล.อ.สนธิ เป็นหัวหน้าพรรคมาตุภูมิว่า ถ้าพล.อ.สนธิ คิดว่าการเข้าสู่กระบวนการทางการเมืองเป็นการแสดงออกถึงความเลื่อมใสในระบอบประชาธิปไตย ก็ยินดีต้อนรับเข้ามาสู่แวดวงทางการเมือง และเราก็ไม่กังวลเรื่องฐานเสียงในภาคใต้ เพราะประชาธิปัตย์ตั้งมา 60 กว่าปี ผ่านสถานการณ์ทางการเมืองมาทุกรูปแบบ
เมื่อถามว่าคนที่เคยยึดอำนาจ แล้วมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง มันจะเป็นอย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า การยึดอำนาจง่าย มีกำลังก็ทำได้แล้ว แต่การลงสมัครรับเลือกตั้ง ต้องเอาชนะด้วยเสียงประชาชน ดังนั้นมันไม่ง่ายหรอก
**เย้ย"บิ๊กบัง"สุดท้ายก็ตาสว่าง
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้พล.อ.สนธิ น่าจะตาสว่างแล้ว จึงเลือกระบอบประชาธิปไตยในการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาสังคม เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นับตั้งแต่การปฏิวัติ เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 49 มีแต่ปัญหาจะยิ่งหนักกว่าเดิม เป็นการสะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของการปฏวัติ เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 49 ว่าไม่มีประโยชน์ต่อประเทศ และประชาชน บั่นทอนระบอบประชาธิปไตย ล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
" ขอเรียกร้องนายทหารที่มีอำนาจอยู่ในกองทัพขณะนี้ ที่กำลังคิดจะทำการปฏิวัติต่อไปด้วยว่า ขอให้ล้มเลิกความคิดได้แล้ว เพราะมันล้าสมัย ไดโนเสาร์ เต่าล้านปี เมื่อปฏิวัติแล้วก็ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ บ้านเมืองมีแต่เสียเวลา ขอให้เป็นอนุสติของผู้นำเเหล่าทัพทั้งหลายได้จดจำ และขอให้การปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 49 เป็นการปฏิวัติครั้งสุดท้าย" โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว
---------------------