ASTVผู้จัดการรายวัน- “หมอบรรลุ -ประทิน" ลงพื้นที่สาวโกงไทยเข้มแข็ง ประเดิม รพ.ราชบุรี แห่งแรก ชี้ได้งบมากสุดแบบผิดปกติ ตั้งข้อสงสัยของบก่อสร้าง 2 ครั้ง เปลี่ยนจากตึก 5 ชั้น เป็นตึก 10 ชั้น เพิ่มวงเงินอีกอื้อ แถมไม่มีลายเซ็นผู้ว่าฯ จ.ราชบุรี กำกับ เกรงเป็นหนังสือปลอม ส่วนตึกสงฆ์อาพาต ขอขยายเตียงเพิ่มทั้งที่ไม่จำเป็นขณะที่“มานิต”ร้อนตัวแจงอธิบายได้ นักการเมืองไม่มีเอี่ยว ไม่ได้สั่ง ยันไม่ได้มากดดัน
เมื่อเวลา10.00 น.วานนี้(17 พ.ย.)นพ.บรรลุ ศิริพานิช ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)พร้อมด้วย พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ รองประธานคณะกรรมการฯ นพ.วชิระ บถพิบูลย์ ผอ.รพ.ชุมพวง นพ.นิวัตชัย สุจริตจันทร์ ผอ.รพ.น่าน กรรมการตรวจสอบฯ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ราชบุรี เพื่อตรวจสอบการเสนอของบประมาณในโครงการไทยเข้มแข็งของ รพ.ราชบุรี โดยมีนพ.บุญเรียง ชูชัยแสงรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)ราชบุรี และ นพ.จินดา แอกทอง ผอ.รพ.ราชบุรี เข้าให้ข้อมูลที่ห้องประชุมชั้น 2 ของอาคารอำนวยการ โดยให้ชี้แจงข้อมูลรายบุคคล และให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้องประชุมทั้งหมด
ต่อมาเวลา 10.45 น.นายมานิต นพอมรบดี รมช.สธ.ได้เดินทางมายัง รพ.ราชบุรี และเตรียมที่จะเดินทางเข้าไปยังห้องที่คณะกรรมการตรวจสอบฯ เข้าประชุม แต่ทราบจากสื่อมวลชนว่า นพ.บรรลุให้เฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่เป็นข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่ต้องการให้ข้อมูลเข้าในห้องประชุมเท่านั้น นายมานิตจึงไม่เข้าไปยังห้องกดังกล่าว และเดินทางกลับทันทีหลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
นายมานิต กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ ไม่ต้องการกดดันการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบฯ และไม่ได้ถูกเชิญมาให้ปากคำ แต่มาดูแลความเรียบร้อยในฐานะที่เป็นเจ้าของพื้นที่เท่านั้น และอยากอธิบายว่างบฯ ที่ทางโรงพยาบาลขอนั้น มีที่มามีเหตุผลที่สามารถอธิบายได้ และยืนยันว่าฝ่ายการเมืองไม่ได้เข้าไปยุ่งหรือจัดการอะไร เป็นเรื่องของพื้นที่ และโรงพยาบาลที่มีความต้องการ ส่วนงบฯ ที่ จ.ราชบุรีได้รับ ซึ่งถูกจับตามองว่าได้รับงบฯ มากกว่าพื้นที่อื่น แต่ต้องนำจำนวนประชากรมาเปรียบเทียบด้วย ซึ่งนอกจากผู้ป่วยใน จ.ราชบุรี ยังมีผู้ป่วยจากพื้นที่ใกล้เคียงในภาคตะวันตกเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก
ต่อมา นพ.บรรลุ ได้แถลงผลการประชุมว่า ที่มาตรวจสอบที่ จ.ราชบุรี เนื่องจากมีปัญหาหลายประการ ซึ่งใน จ.ราชบุรี มีโรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไปมากถึง 4 แห่ง คือ รพ.ราชบุรี รพ.โพธาราม รพ.บ้านโป่ง และ รพ.ดำเนินสะดวก และยังมีโรงพยาบาลชุมชนอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะที่ รพ.ราชบุรี มีความผิดปกติเรื่องการเสนอของบฯ ในส่วนของสิ่งก่อสร้าง โดยมีการเสนอเรื่องมา 2 ครั้งและมีการเปลี่ยนแปลงลำดับความสำคัญของสิ่งก่อสร้าง จากเดิมเสนอของบก่อสร้าง 4 รายการ เรียกลำดับความสำคัญ คือ 1.อาคารอุบัติเหตุและผู้ป่วยนอก 5 ชั้น 2.อาคารจอดรถ 7 ชั้น 3.อาคารโรคเฉพาะทาง ด้านหัวใจ มะเร็ง 10 ชั้น 4.อาคารสงฆ์อาพาต รวมทั้งสิ้น 800 กว่าล้านบาท แต่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงลำดับความสำคัญใหม่ โดยสลับเอาอาคารโรคเฉพาะทาง 10 ชั้น เป็นลำดับแรก ส่วนอาคารอุบัติเหตุและผู้ป่วยนอก 5 ชั้น ไปอยู่ลำดับที่ 3 แทน
“การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมีความไม่ชัดเจนหลายประการ เช่น ผู้ว่าฯ ราชการ จ.ราชบุรี ไม่ได้ลงนามในหนังสือเสนอของบฯ ครั้งที่ 2 ทำให้ไม่ทราบว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ ประกอบกับการเสนอของบฯ ครั้งแรก มีเหตุผลสมควร เพราะตึกอุบัติเหตุและผู้ป่วยนอก มีความสำคัญมีผู้ป่วยมาใช้จำนวนมาก แต่พอของบฯ ครั้งที่ 2 กลับเปลี่ยนขออาคารโรคเฉพาะทางแทน ซึ่งหากมีการก่อสร้างจริงจะต้องทุบตึกเอ็กซเรย์ ตึกสงฆ์อาพาตเดิม และตึกผู้ป่วยจิตเวชทิ้งไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการตรวจสอบฯ ต้องนำไปพิจารณาประกอบด้วย” นพ.บรรลุ กล่าว
นพ.บรรลุ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ การเสนอขอสร้างตึกสงฆ์อาพาต ขนาด 114 เตียง ก็มีความผิดปกติ เพราะจากการตรวจสอบอาคารสงฆ์อาพาตเดิมที่มีอยู่แล้ว เป็นอาคารขนาด 24 เตียง แต่มีพระสงฆ์อาพาตนอนอยู่เพียง 16 เตียง จึงถือว่าเพียงพอแล้วเพราะเตียงไม่เต็ม ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เหตุใดต้องของบฯ การก่อสร้างมากขนาดนี้ จึงต้องมาหาคำตอบและก็ได้ข้อมูลส่วนหนึ่ง แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ ต้องให้คณะกรรมการตรวจสอบฯ กลับไปทบทวนข้อมูลโดยละเอียดอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้การตรวจสอบมีความคืบหน้ากว่า 80% แล้ว โดยจะทำการตรวจสอบให้เร็วที่สุด คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
เมื่อถามว่า ปกติการก่อสร้างอาคารใหม่จะต้องทุบอาคารเก่าหรือไม่ นพ.บรรลุ กล่าวว่า ปกติการก่อสร้างอาคารใหม่ จะต้องเก็บอาคารเก่าไว้ บ้านเมืองไม่ได้ร่ำรวย งบฯ ที่ได้มาก็ต้องกู้เงินมาก ประชาชนจะต้องใช้หนี้ต่อไป จึงจำเป็นต้องประหยัด ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ไม่ใช่มือใครยาวสาวได้สาวเอา
เมื่อถามว่า จะมีการลงพื้นที่ตรวจสอบในจังหวัดอื่นๆ อีกหรือไม่ นพ.บรรลุ กล่าวว่า คงไม่สามารถเดินทางไปตรวจสอบในอีก 75 จังหวัด ซึ่งการตรวจสอบ จ.ราชบุรี เพราะเมื่อพิจารณางบฯ เป็นรายจังหวัดแล้ว และคำนวณจากงบฯ ที่ได้เปรียบเทียบกับอัตราประชากร พบว่า จ.ราชบุรี ได้งบฯ สูงกว่าจังหวัดอื่นๆ ซึ่งจังหวัดอื่นมีที่ได้งบฯ สูงเหมือนกันแต่ไม่มาก ไม่ถึง 10 จังหวัด โดยในจังหวัดอื่นที่มีปัญหาก็จะไปตรวจสอบ
ขณะที่ พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า ตามคำขอของทางจังหวัดได้มีคำขอในช่วง ม.ค.โดยของบฯ ในการสร้างตึก 5 ชั้น ราคา 187 ล้านบาทและอาคารที่จอดรถ7 ชั้นราคา 63 ล้านบาท รวม 250 ล้านบาท แต่ในวันที่ 13 พ.ค. สสจ.ราชบุรีทำหนังสือถึงปลัด สธ. ของบฯ ในการสร้างอาคาร 5 ชั้น และอาคาร 10 ชั้นเพื่อเป็นศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางพร้อมกับอาคารที่จอดรถรวม 400 กว่าล้านบาท หลังจากมาตรวจสอบโดยได้รับคำยืนยันจาก ผอ.รพ.ราชบุรีว่าไม่เคยเห็นเอกสารที่เสนอของบฯ กว่า 400 ล้านบาท
“เอกสารการเสนอขอมีการลงนามในชื่อของนายปราโมทย์ เข้มทวี เจ้าพนักงานรักษาราชการนายแพทย์สสจ.ราชบุรี ก็ได้เชิญนายปราโมทย์มาให้ข้อมูล ได้ชี้แจงว่าที่ลงนามในหนังสือของบฯ ดังกล่าว เนื่องจากรอง นพ.สสจ.ราชบุรีที่เป็นผู้ดูแลโครงการไทยเข้มแข็งไม่อยู่ จึงได้ลงนามแทน ขณะที่ ผอ.รพ.ราชบุรีบอกว่า ไม่เห็นเอกสารในการของบฯ สร้างตึก 10 ชั้นที่ขอภายหลัง เห็นแต่เอกสารขอสร้างตึก 5 ชั้นที่ขอตั้งแต่ปี 2547 เท่านั้น ดังนั้น จึงต้องไปพิจารณาว่า สสจ.ราชบุรี พิจารณาของบฯ สร้างตึก 10 ชั้นได้อย่างไร มีที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่ง ผอ.โรงพยาบาลรับปากว่าจะไปหาข้อมูลในส่วนนี้เพิ่มเติม”พล.ต.อ.ประทิน กล่าว
เมื่อเวลา10.00 น.วานนี้(17 พ.ย.)นพ.บรรลุ ศิริพานิช ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)พร้อมด้วย พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ รองประธานคณะกรรมการฯ นพ.วชิระ บถพิบูลย์ ผอ.รพ.ชุมพวง นพ.นิวัตชัย สุจริตจันทร์ ผอ.รพ.น่าน กรรมการตรวจสอบฯ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ราชบุรี เพื่อตรวจสอบการเสนอของบประมาณในโครงการไทยเข้มแข็งของ รพ.ราชบุรี โดยมีนพ.บุญเรียง ชูชัยแสงรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)ราชบุรี และ นพ.จินดา แอกทอง ผอ.รพ.ราชบุรี เข้าให้ข้อมูลที่ห้องประชุมชั้น 2 ของอาคารอำนวยการ โดยให้ชี้แจงข้อมูลรายบุคคล และให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้องประชุมทั้งหมด
ต่อมาเวลา 10.45 น.นายมานิต นพอมรบดี รมช.สธ.ได้เดินทางมายัง รพ.ราชบุรี และเตรียมที่จะเดินทางเข้าไปยังห้องที่คณะกรรมการตรวจสอบฯ เข้าประชุม แต่ทราบจากสื่อมวลชนว่า นพ.บรรลุให้เฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่เป็นข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่ต้องการให้ข้อมูลเข้าในห้องประชุมเท่านั้น นายมานิตจึงไม่เข้าไปยังห้องกดังกล่าว และเดินทางกลับทันทีหลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
นายมานิต กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ ไม่ต้องการกดดันการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบฯ และไม่ได้ถูกเชิญมาให้ปากคำ แต่มาดูแลความเรียบร้อยในฐานะที่เป็นเจ้าของพื้นที่เท่านั้น และอยากอธิบายว่างบฯ ที่ทางโรงพยาบาลขอนั้น มีที่มามีเหตุผลที่สามารถอธิบายได้ และยืนยันว่าฝ่ายการเมืองไม่ได้เข้าไปยุ่งหรือจัดการอะไร เป็นเรื่องของพื้นที่ และโรงพยาบาลที่มีความต้องการ ส่วนงบฯ ที่ จ.ราชบุรีได้รับ ซึ่งถูกจับตามองว่าได้รับงบฯ มากกว่าพื้นที่อื่น แต่ต้องนำจำนวนประชากรมาเปรียบเทียบด้วย ซึ่งนอกจากผู้ป่วยใน จ.ราชบุรี ยังมีผู้ป่วยจากพื้นที่ใกล้เคียงในภาคตะวันตกเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก
ต่อมา นพ.บรรลุ ได้แถลงผลการประชุมว่า ที่มาตรวจสอบที่ จ.ราชบุรี เนื่องจากมีปัญหาหลายประการ ซึ่งใน จ.ราชบุรี มีโรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไปมากถึง 4 แห่ง คือ รพ.ราชบุรี รพ.โพธาราม รพ.บ้านโป่ง และ รพ.ดำเนินสะดวก และยังมีโรงพยาบาลชุมชนอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะที่ รพ.ราชบุรี มีความผิดปกติเรื่องการเสนอของบฯ ในส่วนของสิ่งก่อสร้าง โดยมีการเสนอเรื่องมา 2 ครั้งและมีการเปลี่ยนแปลงลำดับความสำคัญของสิ่งก่อสร้าง จากเดิมเสนอของบก่อสร้าง 4 รายการ เรียกลำดับความสำคัญ คือ 1.อาคารอุบัติเหตุและผู้ป่วยนอก 5 ชั้น 2.อาคารจอดรถ 7 ชั้น 3.อาคารโรคเฉพาะทาง ด้านหัวใจ มะเร็ง 10 ชั้น 4.อาคารสงฆ์อาพาต รวมทั้งสิ้น 800 กว่าล้านบาท แต่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงลำดับความสำคัญใหม่ โดยสลับเอาอาคารโรคเฉพาะทาง 10 ชั้น เป็นลำดับแรก ส่วนอาคารอุบัติเหตุและผู้ป่วยนอก 5 ชั้น ไปอยู่ลำดับที่ 3 แทน
“การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมีความไม่ชัดเจนหลายประการ เช่น ผู้ว่าฯ ราชการ จ.ราชบุรี ไม่ได้ลงนามในหนังสือเสนอของบฯ ครั้งที่ 2 ทำให้ไม่ทราบว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ ประกอบกับการเสนอของบฯ ครั้งแรก มีเหตุผลสมควร เพราะตึกอุบัติเหตุและผู้ป่วยนอก มีความสำคัญมีผู้ป่วยมาใช้จำนวนมาก แต่พอของบฯ ครั้งที่ 2 กลับเปลี่ยนขออาคารโรคเฉพาะทางแทน ซึ่งหากมีการก่อสร้างจริงจะต้องทุบตึกเอ็กซเรย์ ตึกสงฆ์อาพาตเดิม และตึกผู้ป่วยจิตเวชทิ้งไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการตรวจสอบฯ ต้องนำไปพิจารณาประกอบด้วย” นพ.บรรลุ กล่าว
นพ.บรรลุ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ การเสนอขอสร้างตึกสงฆ์อาพาต ขนาด 114 เตียง ก็มีความผิดปกติ เพราะจากการตรวจสอบอาคารสงฆ์อาพาตเดิมที่มีอยู่แล้ว เป็นอาคารขนาด 24 เตียง แต่มีพระสงฆ์อาพาตนอนอยู่เพียง 16 เตียง จึงถือว่าเพียงพอแล้วเพราะเตียงไม่เต็ม ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เหตุใดต้องของบฯ การก่อสร้างมากขนาดนี้ จึงต้องมาหาคำตอบและก็ได้ข้อมูลส่วนหนึ่ง แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ ต้องให้คณะกรรมการตรวจสอบฯ กลับไปทบทวนข้อมูลโดยละเอียดอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้การตรวจสอบมีความคืบหน้ากว่า 80% แล้ว โดยจะทำการตรวจสอบให้เร็วที่สุด คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
เมื่อถามว่า ปกติการก่อสร้างอาคารใหม่จะต้องทุบอาคารเก่าหรือไม่ นพ.บรรลุ กล่าวว่า ปกติการก่อสร้างอาคารใหม่ จะต้องเก็บอาคารเก่าไว้ บ้านเมืองไม่ได้ร่ำรวย งบฯ ที่ได้มาก็ต้องกู้เงินมาก ประชาชนจะต้องใช้หนี้ต่อไป จึงจำเป็นต้องประหยัด ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ไม่ใช่มือใครยาวสาวได้สาวเอา
เมื่อถามว่า จะมีการลงพื้นที่ตรวจสอบในจังหวัดอื่นๆ อีกหรือไม่ นพ.บรรลุ กล่าวว่า คงไม่สามารถเดินทางไปตรวจสอบในอีก 75 จังหวัด ซึ่งการตรวจสอบ จ.ราชบุรี เพราะเมื่อพิจารณางบฯ เป็นรายจังหวัดแล้ว และคำนวณจากงบฯ ที่ได้เปรียบเทียบกับอัตราประชากร พบว่า จ.ราชบุรี ได้งบฯ สูงกว่าจังหวัดอื่นๆ ซึ่งจังหวัดอื่นมีที่ได้งบฯ สูงเหมือนกันแต่ไม่มาก ไม่ถึง 10 จังหวัด โดยในจังหวัดอื่นที่มีปัญหาก็จะไปตรวจสอบ
ขณะที่ พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า ตามคำขอของทางจังหวัดได้มีคำขอในช่วง ม.ค.โดยของบฯ ในการสร้างตึก 5 ชั้น ราคา 187 ล้านบาทและอาคารที่จอดรถ7 ชั้นราคา 63 ล้านบาท รวม 250 ล้านบาท แต่ในวันที่ 13 พ.ค. สสจ.ราชบุรีทำหนังสือถึงปลัด สธ. ของบฯ ในการสร้างอาคาร 5 ชั้น และอาคาร 10 ชั้นเพื่อเป็นศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางพร้อมกับอาคารที่จอดรถรวม 400 กว่าล้านบาท หลังจากมาตรวจสอบโดยได้รับคำยืนยันจาก ผอ.รพ.ราชบุรีว่าไม่เคยเห็นเอกสารที่เสนอของบฯ กว่า 400 ล้านบาท
“เอกสารการเสนอขอมีการลงนามในชื่อของนายปราโมทย์ เข้มทวี เจ้าพนักงานรักษาราชการนายแพทย์สสจ.ราชบุรี ก็ได้เชิญนายปราโมทย์มาให้ข้อมูล ได้ชี้แจงว่าที่ลงนามในหนังสือของบฯ ดังกล่าว เนื่องจากรอง นพ.สสจ.ราชบุรีที่เป็นผู้ดูแลโครงการไทยเข้มแข็งไม่อยู่ จึงได้ลงนามแทน ขณะที่ ผอ.รพ.ราชบุรีบอกว่า ไม่เห็นเอกสารในการของบฯ สร้างตึก 10 ชั้นที่ขอภายหลัง เห็นแต่เอกสารขอสร้างตึก 5 ชั้นที่ขอตั้งแต่ปี 2547 เท่านั้น ดังนั้น จึงต้องไปพิจารณาว่า สสจ.ราชบุรี พิจารณาของบฯ สร้างตึก 10 ชั้นได้อย่างไร มีที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่ง ผอ.โรงพยาบาลรับปากว่าจะไปหาข้อมูลในส่วนนี้เพิ่มเติม”พล.ต.อ.ประทิน กล่าว
