นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการตรวจสอบบุคคลที่เกียวข้องกับการปล่อยข่าวลือจนส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 14-15 ตุลาคม 52 ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เข้าตรวจสอบบัญชีลูกค้าการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีซีมิโก้ จำกัดหลายราย เพื่อหาความเชื่อมโยงกับการปล่อยข่าวลือในตลาดหุ้นเมื่อกลางเดือนตุลาคม 2552
โดยการเข้าตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีการตั้งข้อสงสัยว่าเจ้าหน้าที่การตลาดคนหนึ่งของบริษัทหลักทรัพย์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการปล่อยข่าวลือจนทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงแรงเกือบ 60 จุด ภายในระยะเวลา 2 วัน
นางภัทรียา กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยอมรับมีโบรกเกอร์บางรายที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของการปล่อยข่าวลือ จนส่งผลต่อตลาดหุ้นไทย ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการตรวจสอบข้อมูลและประสานกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มาอย่างต่อเนื่อง หากทางก.ล.ต.ต้องการข้อมูลใดเพิ่มเติม ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมจะให้ข้อมูล รวมถึงการขอข้อมูลจากโบรกเกอร์ให้แก่สำนักงานาก.ล.ต. ด้วย
“ในเบื้องต้นตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่สามารถเปิดเผยบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องกี่บัญชี แต่ยอมรับว่ามีการตรวจสอบข้อมูลที่มีความผิดปกติในช่วงที่มีข่าวลือจริง และเป็นเรื่องที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำงานร่วมกับ สำนักงานก.ล.ต.อยู่แล้ว” นางภัทรียา กล่าว
สำหรับการตรวจสอบบัญชีการซื้อขายหลักทรัพย์ของบล.เคทีซีมิโก้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 52 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ น.ส.ธีรนันต์ วิภูชนิน อายุ 43 ปี อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ ยูบีเอส จำกัด และนายคธา ปาจริยพงษ์ อายุ 37 ปี พนักงานบริษัทหลักทรัพย์ เคทีซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) ในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ด้วยการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน จนส่งผลต่อตลาดหุ้นอย่างรุนแรง
ด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ขอข้อมูลเกี่ยวกับข่าวลือการทุบหุ้นจากโบรกเกอร์ 2 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เครดิตสวิส ฮ่องกง และบล.ยูบีเอส สิงคโปร์ และมีประเด็นกองทุนส่วนบุคคล และบัญชีน่าสงสัย 20 ราย ที่อาจต้องลงสอบในเชิงลึก หลังจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบมีการซื้อขายมากผิดปกติในช่วงที่เกิดข่าวลือดังกล่าว
โดยการเข้าตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีการตั้งข้อสงสัยว่าเจ้าหน้าที่การตลาดคนหนึ่งของบริษัทหลักทรัพย์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการปล่อยข่าวลือจนทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงแรงเกือบ 60 จุด ภายในระยะเวลา 2 วัน
นางภัทรียา กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยอมรับมีโบรกเกอร์บางรายที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของการปล่อยข่าวลือ จนส่งผลต่อตลาดหุ้นไทย ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการตรวจสอบข้อมูลและประสานกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มาอย่างต่อเนื่อง หากทางก.ล.ต.ต้องการข้อมูลใดเพิ่มเติม ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมจะให้ข้อมูล รวมถึงการขอข้อมูลจากโบรกเกอร์ให้แก่สำนักงานาก.ล.ต. ด้วย
“ในเบื้องต้นตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่สามารถเปิดเผยบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องกี่บัญชี แต่ยอมรับว่ามีการตรวจสอบข้อมูลที่มีความผิดปกติในช่วงที่มีข่าวลือจริง และเป็นเรื่องที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำงานร่วมกับ สำนักงานก.ล.ต.อยู่แล้ว” นางภัทรียา กล่าว
สำหรับการตรวจสอบบัญชีการซื้อขายหลักทรัพย์ของบล.เคทีซีมิโก้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 52 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ น.ส.ธีรนันต์ วิภูชนิน อายุ 43 ปี อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ ยูบีเอส จำกัด และนายคธา ปาจริยพงษ์ อายุ 37 ปี พนักงานบริษัทหลักทรัพย์ เคทีซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) ในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ด้วยการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน จนส่งผลต่อตลาดหุ้นอย่างรุนแรง
ด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ขอข้อมูลเกี่ยวกับข่าวลือการทุบหุ้นจากโบรกเกอร์ 2 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เครดิตสวิส ฮ่องกง และบล.ยูบีเอส สิงคโปร์ และมีประเด็นกองทุนส่วนบุคคล และบัญชีน่าสงสัย 20 ราย ที่อาจต้องลงสอบในเชิงลึก หลังจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบมีการซื้อขายมากผิดปกติในช่วงที่เกิดข่าวลือดังกล่าว