ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (13 พ.ย.) มีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณากรอบการเจรจาระหว่างประเทศเป็นวันที่4 แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลา 10.00 น.สมาชิกยังเดินทางมาไม่ครบองค์ประชุม ทำให้นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ต้องเลื่อนการประชุมออกไปเป็นเวลา 11.00 น.โดยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐสภาได้นัดประชุมร่วมกันของรัฐสภาและประชุมสภาผู้แทนราษฎรทุกวัน จนทำให้ สมาชิกส่วนใหญ่เหนื่อยล้าจากการประชุม ประกอบกับส.ส.ของพรรคเพื่อไทย จำนวนมากได้เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ประเทศกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.และบางส่วนก็เดินทางไปช่วงสายของวันที่ 13 พ.ย. จนทำให้มีสมาชิกเข้าร่วมประชุมค่อนข้างบางตา อย่างไรก็ตามที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบกรอบการเจรจาระหว่างประเทศจำนวน 5 ฉบับ โดยในช่วงเช้าองค์ประชุมมีจำนวน 333 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมรัฐสภา ดำเนินมาถึงเวลา 16.40 น. หลังจากที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบกรอบการเจรจากู้เงินจากต่างประเทศภายใต้แผนการบริหาร หนี้สินสาธารณะประจำปีงบประมาณ2553 ด้วยองค์ประชุม 312 เสียง ถือว่ากึ่งหนึ่งพอดี โดยมีคะแนนเสียง เห็นชอบ 277 เสียงต่อ 8 งดออกเสียง 12 ไม่ลงคะแนน 15 ทำให้ฝ่ายรัฐบาลส่งเสียงเฮลั่นทั้งสภาฯ
ขณะที่นายชัย ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ถึงกับกล่าวด้วยความโล่งอกว่า โชคดีที่องค์ประชุมครบพอดี และขอร้องสมาชิกอย่าลุกหนีไปไหน
จากนั้นที่ประชุมได้เริ่มลงมติในกรอบการเจรจาข้อตกลงจัดตั้งและกรอบ วงเงินทุนจัดตั้งในส่วนที่ประเทศไทยต้องชำระต่อทันทีโดยประธานได้พยายามกดออด เรียกสมาชิกเป็นเวลานานอีกรอบหนึ่ง แต่ผลปรากฎว่าผลการลงคะแนนมีสมาชิกเหลืออยู่ในห้องประชุมเพียง 309 คนไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ทำให้นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ประท้วงให้ประธานที่ประชุมอีก 2 คนลงคะแนนเพิ่มด้วย แต่นายชัย แย้งว่าแม้ตนและนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา จะลงคะแนนให้เสียงก็ยังไม่ถึงกึ่งหนึ่งอยู่ดีแต่ไม่ทราบว่าใครลากส.ส.หายไป 3 คน
ขณะที่ นายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา ได้เสนอให้มีการนับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อเป็นรายบุคคล ประชาชนจะได้รู้ว่ามีสมาชิกบางคนไม่ยอมมาปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่ส.ส.ฝ่ายค้านแสดงความไม่เห็นด้วย ในที่สุดนายชัย จึงต้องยอมประกาศผลการลงคะแนนว่ามีผู้อยู่ในที่ประชุมเพียง 309 คน ให้ความเห็นชอบ 279 ต่อ 4 งดออกเสียง 10 ไม่ลงคะแนน 16 จึงขอให้เลื่อนการประชุมออกไปเป็นคราวหน้าและสั่งปิดการประชุมทันที เมื่อเวลา16.45 น. ซึ่งถือว่าการประชุมร่วมกันของรัฐสภาจำนวน 4 วัน องค์ประชุมต้องล่มไปถึง 3 ครั้งติดๆ กัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังองค์ประชุมล่ม นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล ได้โทรศัพท์ไปยังเจ้าหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้ตรวจสอบรายชื่อ ของพรรคร่วมรัฐบาลที่หายไป 3 คนในเวลาไม่ถึง 5 นาที โดยระบุว่าบุคคลทั้ง 3 นี้จะต้องรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตามภายหลังการตรวจสอบพบว่าส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ที่หายไป จำนวน 4 คนได้แก่ นพ.ปรีชา มุสิกุล ส.ส.กำแพงเพชร นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ ส.ส.จันทบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รมว.ศึกษาธิการ นายธวัชชัย อนามพงษ์ ส.ส.จันทบุรี ขณะที่สมาชิกวุฒิสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 56 คนจาก 150 คน
หลังการประชุม นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ส.ส.ตรัง นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.สัดส่วน ร่วมกันแถลงข่าวตำหนิส.ส.ที่ขาดการประชุมจนทำให้องค์ประชุมร่วมรัฐสภาไม่ครบ จนองค์ประชุมต้องล่ม
นายสาธิต ตั้งคำถามว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยเดินทางไปประเทศเพื่อนบ้าน โดยไม่สำนึกต่อการทำหน้าที่ในสภา ทั้งที่มีหน้าทีในการร่วมประชุม เห็นได้ชัดว่า เห็นธุระส่วนตัวสำคัญกว่าการประชุมสภา นอกจากนี้บางคนยังลงชื่อแล้วแต่ไม่อยู่ ในที่ประชุม ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย ส่วนการที่ฝ่ายค้านอ้างว่าองค์ประชุม เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของรัฐบาลนั้นความจริงเป็นหน้าที่รับผิดชอบร่วมกันของทุกฝ่าย ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนร่วมกันประณาม ส.ส.ที่ขาดประชุม โดยไม่สำนึกต่อหน้าที่ของตัวเอง
ด้านนายสมบูรณ์ กล่าวเรียกร้องให้ประจาน ส.ส.ที่หนีประชุม ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ขาดประชุมถึง 79 คน ซึ่งเป็นพรรคเพื่อไทยถึง 53 คน โดยมียื่นใบลาที่ผิดปกติ ด้วยการลาล่วงหน้า 23 คนและยื่นลาในช่วงบ่าย 10 คน นอกจากนี้อยากตรวจสอบว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่เหลืออีก 130 คนหายไปไหน เหตุใดจึงไม่ลงมติ
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะมีสำนึกในหน้าที่เพราะวันนี้มีการประชุมสภา ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะให้รัฐบาลไทยไปค้าขายกับต่างประเทศตาม มาตร 190 ทั้งที่ผ่านมาการประชุมสภาจะล้มแหล่ไม่ล่มแหล่ ก็เพราะส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่เสียบบัตรแสดงตนอยู่แล้ว ดังนั้น ตนจะเสนอในที่ประชุมสภาตามที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาเคยระบุไว้ถามว่า จะเอารายชื่อ ส.ส.ที่โดดประชุมสภาฯ เอาไปติดประจานในจังหวัดนั้นๆ เพื่อให้ประชาชนที่เลือกส.ส.คนนั้นเข้ามาจะได้รู้ว่าส.ส.ของเขาทำหน้าที่หรือไม่ แต่ส.ส.เหล่านี้ยังไม่มีสำนึกกับทำตัวเป็นสมุนโจรที่หลบหนีคดี
เชื่อว่าการเดินทางครั้งนี้คงไปรับเศษเงินจากการโกงที่เหลืออยู่ เพื่อเอามาล้ม รัฐบาลนี้แน่นอน ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมและการกระทำของพ.ต.ท.ทักษิณ และทฤษฎีของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ที่บอกว่าล้มทุน ล้มปืน ล้มเจ้า จึงน่าจะเรียกเงินเดือนส.ส.เหล่านี้และขอฝากถึงประชาชนที่เลือกส.ส.เหล่านี้ เข้ามาว่า ให้ดูและจดจำชื่อคนเหล่านี้ไว้ที่ไม่ทำหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบในการออกกฎหมายและปกป้องผลประโยชน์ส่วนร่วม แต่กลับไปตั้งแถวต้อนรับคนหลบหนีคดีที่ทำร้ายชาติ และจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ อยากถามว่าท่านภูมิใจในส.ส.เหล่านี้ที่ท่านเลือกอีกหรือ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถถอดถอนส.ส.เหล่านี้ เพราะไม่มีการลาประชุม ที่ทำผิดข้อบังคับการประชุม
นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย และ วิปฝ่ายค้าน กล่าวว่าการที่สภาล่มไม่ได้เป็นความผิดของพรรคเพื่อไทย ตามที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามกล่าวหาว่ามีสาเหตุมาจากส.ส.พรรคเพื่อไทย ไปเยี่ยมพ.ต.ท.ทักษิณ ที่กัมพูชา เพราะส.ส.เพื่อไทยเดินทางไปบางส่วนเท่านั้น เรื่องนี้แสดงเห็นถึงความล้มเหลว ในการคุมเสียงของรัฐบาล และความไม่มีประสิทธิ์ภาพในการบริหารจัดการงานในสภาของประธานรัฐสภา
การที่สถาล่มหลายครั้ง ถือว่าสภาแห่งนี้อยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว รัฐบาลไม่สามารถ คุมเสียงข้างมากของตัวเองได้ ผนวกกับส.ว.หลายคนเขาก็ไม่เอาด้วยกับรัฐบาล ดังนั้นทางที่ดีที่สุดขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียุบสภาจะดีกว่าที่จะดื้อต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมรัฐสภา ดำเนินมาถึงเวลา 16.40 น. หลังจากที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบกรอบการเจรจากู้เงินจากต่างประเทศภายใต้แผนการบริหาร หนี้สินสาธารณะประจำปีงบประมาณ2553 ด้วยองค์ประชุม 312 เสียง ถือว่ากึ่งหนึ่งพอดี โดยมีคะแนนเสียง เห็นชอบ 277 เสียงต่อ 8 งดออกเสียง 12 ไม่ลงคะแนน 15 ทำให้ฝ่ายรัฐบาลส่งเสียงเฮลั่นทั้งสภาฯ
ขณะที่นายชัย ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ถึงกับกล่าวด้วยความโล่งอกว่า โชคดีที่องค์ประชุมครบพอดี และขอร้องสมาชิกอย่าลุกหนีไปไหน
จากนั้นที่ประชุมได้เริ่มลงมติในกรอบการเจรจาข้อตกลงจัดตั้งและกรอบ วงเงินทุนจัดตั้งในส่วนที่ประเทศไทยต้องชำระต่อทันทีโดยประธานได้พยายามกดออด เรียกสมาชิกเป็นเวลานานอีกรอบหนึ่ง แต่ผลปรากฎว่าผลการลงคะแนนมีสมาชิกเหลืออยู่ในห้องประชุมเพียง 309 คนไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ทำให้นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ประท้วงให้ประธานที่ประชุมอีก 2 คนลงคะแนนเพิ่มด้วย แต่นายชัย แย้งว่าแม้ตนและนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา จะลงคะแนนให้เสียงก็ยังไม่ถึงกึ่งหนึ่งอยู่ดีแต่ไม่ทราบว่าใครลากส.ส.หายไป 3 คน
ขณะที่ นายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา ได้เสนอให้มีการนับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อเป็นรายบุคคล ประชาชนจะได้รู้ว่ามีสมาชิกบางคนไม่ยอมมาปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่ส.ส.ฝ่ายค้านแสดงความไม่เห็นด้วย ในที่สุดนายชัย จึงต้องยอมประกาศผลการลงคะแนนว่ามีผู้อยู่ในที่ประชุมเพียง 309 คน ให้ความเห็นชอบ 279 ต่อ 4 งดออกเสียง 10 ไม่ลงคะแนน 16 จึงขอให้เลื่อนการประชุมออกไปเป็นคราวหน้าและสั่งปิดการประชุมทันที เมื่อเวลา16.45 น. ซึ่งถือว่าการประชุมร่วมกันของรัฐสภาจำนวน 4 วัน องค์ประชุมต้องล่มไปถึง 3 ครั้งติดๆ กัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังองค์ประชุมล่ม นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล ได้โทรศัพท์ไปยังเจ้าหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้ตรวจสอบรายชื่อ ของพรรคร่วมรัฐบาลที่หายไป 3 คนในเวลาไม่ถึง 5 นาที โดยระบุว่าบุคคลทั้ง 3 นี้จะต้องรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตามภายหลังการตรวจสอบพบว่าส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ที่หายไป จำนวน 4 คนได้แก่ นพ.ปรีชา มุสิกุล ส.ส.กำแพงเพชร นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ ส.ส.จันทบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รมว.ศึกษาธิการ นายธวัชชัย อนามพงษ์ ส.ส.จันทบุรี ขณะที่สมาชิกวุฒิสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 56 คนจาก 150 คน
หลังการประชุม นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ส.ส.ตรัง นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.สัดส่วน ร่วมกันแถลงข่าวตำหนิส.ส.ที่ขาดการประชุมจนทำให้องค์ประชุมร่วมรัฐสภาไม่ครบ จนองค์ประชุมต้องล่ม
นายสาธิต ตั้งคำถามว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยเดินทางไปประเทศเพื่อนบ้าน โดยไม่สำนึกต่อการทำหน้าที่ในสภา ทั้งที่มีหน้าทีในการร่วมประชุม เห็นได้ชัดว่า เห็นธุระส่วนตัวสำคัญกว่าการประชุมสภา นอกจากนี้บางคนยังลงชื่อแล้วแต่ไม่อยู่ ในที่ประชุม ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย ส่วนการที่ฝ่ายค้านอ้างว่าองค์ประชุม เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของรัฐบาลนั้นความจริงเป็นหน้าที่รับผิดชอบร่วมกันของทุกฝ่าย ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนร่วมกันประณาม ส.ส.ที่ขาดประชุม โดยไม่สำนึกต่อหน้าที่ของตัวเอง
ด้านนายสมบูรณ์ กล่าวเรียกร้องให้ประจาน ส.ส.ที่หนีประชุม ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ขาดประชุมถึง 79 คน ซึ่งเป็นพรรคเพื่อไทยถึง 53 คน โดยมียื่นใบลาที่ผิดปกติ ด้วยการลาล่วงหน้า 23 คนและยื่นลาในช่วงบ่าย 10 คน นอกจากนี้อยากตรวจสอบว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่เหลืออีก 130 คนหายไปไหน เหตุใดจึงไม่ลงมติ
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะมีสำนึกในหน้าที่เพราะวันนี้มีการประชุมสภา ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะให้รัฐบาลไทยไปค้าขายกับต่างประเทศตาม มาตร 190 ทั้งที่ผ่านมาการประชุมสภาจะล้มแหล่ไม่ล่มแหล่ ก็เพราะส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่เสียบบัตรแสดงตนอยู่แล้ว ดังนั้น ตนจะเสนอในที่ประชุมสภาตามที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาเคยระบุไว้ถามว่า จะเอารายชื่อ ส.ส.ที่โดดประชุมสภาฯ เอาไปติดประจานในจังหวัดนั้นๆ เพื่อให้ประชาชนที่เลือกส.ส.คนนั้นเข้ามาจะได้รู้ว่าส.ส.ของเขาทำหน้าที่หรือไม่ แต่ส.ส.เหล่านี้ยังไม่มีสำนึกกับทำตัวเป็นสมุนโจรที่หลบหนีคดี
เชื่อว่าการเดินทางครั้งนี้คงไปรับเศษเงินจากการโกงที่เหลืออยู่ เพื่อเอามาล้ม รัฐบาลนี้แน่นอน ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมและการกระทำของพ.ต.ท.ทักษิณ และทฤษฎีของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ที่บอกว่าล้มทุน ล้มปืน ล้มเจ้า จึงน่าจะเรียกเงินเดือนส.ส.เหล่านี้และขอฝากถึงประชาชนที่เลือกส.ส.เหล่านี้ เข้ามาว่า ให้ดูและจดจำชื่อคนเหล่านี้ไว้ที่ไม่ทำหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบในการออกกฎหมายและปกป้องผลประโยชน์ส่วนร่วม แต่กลับไปตั้งแถวต้อนรับคนหลบหนีคดีที่ทำร้ายชาติ และจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ อยากถามว่าท่านภูมิใจในส.ส.เหล่านี้ที่ท่านเลือกอีกหรือ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถถอดถอนส.ส.เหล่านี้ เพราะไม่มีการลาประชุม ที่ทำผิดข้อบังคับการประชุม
นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย และ วิปฝ่ายค้าน กล่าวว่าการที่สภาล่มไม่ได้เป็นความผิดของพรรคเพื่อไทย ตามที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามกล่าวหาว่ามีสาเหตุมาจากส.ส.พรรคเพื่อไทย ไปเยี่ยมพ.ต.ท.ทักษิณ ที่กัมพูชา เพราะส.ส.เพื่อไทยเดินทางไปบางส่วนเท่านั้น เรื่องนี้แสดงเห็นถึงความล้มเหลว ในการคุมเสียงของรัฐบาล และความไม่มีประสิทธิ์ภาพในการบริหารจัดการงานในสภาของประธานรัฐสภา
การที่สถาล่มหลายครั้ง ถือว่าสภาแห่งนี้อยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว รัฐบาลไม่สามารถ คุมเสียงข้างมากของตัวเองได้ ผนวกกับส.ว.หลายคนเขาก็ไม่เอาด้วยกับรัฐบาล ดังนั้นทางที่ดีที่สุดขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียุบสภาจะดีกว่าที่จะดื้อต่อไป
