ASTVผู้จัดการรายวัน - สแตนชาร์ดฯประเมินสินเชื่อแบงก์ปีหน้าเริ่มกระเตื้อง ขยายตัว 5% นำโดยภาคอสังหาริมทรัพย์ หลังประชาชนมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นและคาดการณ์ว่าปีหน้าทิศทางดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้น ระบุส่งผลดีต่อผลประกอบการแบงก์ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป
นางสาวอุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน)(SCBT) กล่าวถึงแนวโน้มสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ในปี 2553 ว่า น่าจะมีอัตราการขยายตัวได้ในระดับ 5% โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากความต้องการสินเชื่อโดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ หลังประชาชนเริ่มมีความมั่นใจกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น รวมถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปี 2553 หลังจากที่สภาพคล่องส่วนเกินลดลงค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา
นางสาวอุสรากล่าวว่า ปัจจุบันสภาพคล่องส่วนเกินของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบอยู่ที่ 5-6 แสนล้านบาท ลดลงจากช่วงต้นปีที่มีสภาพคล่องส่วนเกินประมาณ 1 ล้านล้านบาท อีกทั้งความต้องการสินเชื่อที่จะมีมากขึ้นในปี 2553 ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าหันมาฝากเงินมากขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ในช่วงตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2553 เป็นต้นไป ขณะที่สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในปีนี้คงจะอยู่ในระดับทรงตัว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม ในช่วงปี 2553 ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช่วงต้นปี 2554
สำหรับเศรษฐกิจโลกปี 2553 มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยคาดการณ์ว่าในช่วงต้นปีรัฐบาลยุโรปจะมีการถอนสภาพคล่องออกจากระบบและในช่วงครึ่งปีหลัง รัฐบาลสหรัฐฯก็จะถอนสภาพคล่องออกจากระบบเช่นกัน ซึ่งการถอนสภาพคล่องของทั้งสองประเทศจะส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลกลับไปยังตะวันตกบางส่วน จึงคาดว่าแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ จะเคลื่อนไหวไม่หวือหวาเท่ากับในปี 2552 โดยในช่วงครึ่งปีแรกจะเห็นดัชนีอ่อนตัวลง ซึ่งมองว่าเป็นจังหวะที่เหมาะต่อการเข้าไปซื้อหุ้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีผลตอบแทนและจ่ายเงินปันผลอยู่ในระดับสูง แต่คาดว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2553 จะเห็นการฟื้นตัวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้
"ในปีหน้ากลยุทธ์ในการลงทุนตลาดหุ้นในปีหน้าคงจะไม่เหมือนในปีนี้ เนื่องจากการเคลื่อนไหวของดัชนีในปี 2553 จะไม่หวือหวาเท่าปีนี้ การลงทุนจะเน้นการลงทุนหุ้นปัจจัยพื้นฐานมากขึ้น และจะต้องรอซื้อดีกว่าที่จะไล่ตามราคาหุ้น"นางสาวอุสรากล่าว
นางสาวอุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน)(SCBT) กล่าวถึงแนวโน้มสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ในปี 2553 ว่า น่าจะมีอัตราการขยายตัวได้ในระดับ 5% โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากความต้องการสินเชื่อโดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ หลังประชาชนเริ่มมีความมั่นใจกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น รวมถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปี 2553 หลังจากที่สภาพคล่องส่วนเกินลดลงค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา
นางสาวอุสรากล่าวว่า ปัจจุบันสภาพคล่องส่วนเกินของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบอยู่ที่ 5-6 แสนล้านบาท ลดลงจากช่วงต้นปีที่มีสภาพคล่องส่วนเกินประมาณ 1 ล้านล้านบาท อีกทั้งความต้องการสินเชื่อที่จะมีมากขึ้นในปี 2553 ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าหันมาฝากเงินมากขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ในช่วงตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2553 เป็นต้นไป ขณะที่สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในปีนี้คงจะอยู่ในระดับทรงตัว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม ในช่วงปี 2553 ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช่วงต้นปี 2554
สำหรับเศรษฐกิจโลกปี 2553 มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยคาดการณ์ว่าในช่วงต้นปีรัฐบาลยุโรปจะมีการถอนสภาพคล่องออกจากระบบและในช่วงครึ่งปีหลัง รัฐบาลสหรัฐฯก็จะถอนสภาพคล่องออกจากระบบเช่นกัน ซึ่งการถอนสภาพคล่องของทั้งสองประเทศจะส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลกลับไปยังตะวันตกบางส่วน จึงคาดว่าแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ จะเคลื่อนไหวไม่หวือหวาเท่ากับในปี 2552 โดยในช่วงครึ่งปีแรกจะเห็นดัชนีอ่อนตัวลง ซึ่งมองว่าเป็นจังหวะที่เหมาะต่อการเข้าไปซื้อหุ้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีผลตอบแทนและจ่ายเงินปันผลอยู่ในระดับสูง แต่คาดว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2553 จะเห็นการฟื้นตัวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้
"ในปีหน้ากลยุทธ์ในการลงทุนตลาดหุ้นในปีหน้าคงจะไม่เหมือนในปีนี้ เนื่องจากการเคลื่อนไหวของดัชนีในปี 2553 จะไม่หวือหวาเท่าปีนี้ การลงทุนจะเน้นการลงทุนหุ้นปัจจัยพื้นฐานมากขึ้น และจะต้องรอซื้อดีกว่าที่จะไล่ตามราคาหุ้น"นางสาวอุสรากล่าว