เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) แถลงภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินเป็นเวลา 2 วันเมื่อวันพุธ(4) ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ในระดับต่ำเตี้ยใกล้ 0% ต่อไป “อีกระยะเวลาหนึ่ง” ถึงแม้แสดงความเชื่อมั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอเมริกัน
เป็นไปตามความคาดหมายกันอย่างกว้างขวาง คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด(เอฟโอเอ็มซี) ลงมติด้วยเสียงเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย “เฟดฟันด์เรต” เอาไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ณ 0 – 0.25% ต่อไปอีก หลังจากอยู่ที่ระดับนี้มาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ด้วยความมุ่งหมายที่จะช่วยฉุดดึงเศรษฐกิจให้หลุดพ้นภาวะทรุดต่ำเลวร้ายที่สุดนับแต่คราวภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่เมื่อ 80 ปีก่อน
ในคำแถลงภายหลังการประชุม เฟดบอกว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ “ยังคงฟื้นขึ้นมาอย่างต่อเนื่องต่อไป” นับตั้งแต่การประชุมคราวก่อนของเอฟโอเอ็มซีในเดือนกันยายน แต่การฟื้นตัวอาจจะยังอยู่ในลักษณะที่ไม่แน่นอนชัดเจน
“การใช้จ่ายของภาคครัวเรือนดูจะกำลังขยายตัว แต่ก็ยังคงถูกเหนี่ยวรั้งเอาไว้จากการที่มียังการว่างงานเพิ่มขึ้น, อัตราเติบโตของรายได้อยู่ในสภาพซึมเซา, มูลค่าของที่อยู่อาศัยยังคงลดต่ำลง, และสินเชื่อก็ยังตึงตัว” คำแถลงบอก แต่ขณะที่กล่าวย้ำถึงความเสี่ยงเหล่านี้ เฟดก็ใช้ถ้อยคำที่ดูมองโลกแง่ดีมากกว่าที่เคยพูดเอาไว้ในคำแถลงเมื่อเดือนกันยายน ซึ่งเฟดกล่าวเพียงว่า การใช้จ่ายของภาคครัวเรือน “กำลังมีเสถียรภาพ”
เศรษฐกิจสหรัฐฯทำท่าจะฟื้นตัวขึ้นมาอย่างชัดเจน ดังที่ในปลายสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลได้แถลงตัวเลขจีดีพีเบื้องต้นประจำไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งปรากฏว่าสามารถเติบโตได้ในอัตราเท่ากับปีละ 3.5% นับเป็นไตรมาสแรกในรอบ 1 ปีที่อัตราเติบโตของจีดีพีอยู่ในแดนบวก อีกทั้งยังแข็งแกร่งกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายกัน ถึงแม้ปัจจัยสำคัญของการกระเตื้องขึ้นนี้จะมาจากบรรดามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐก็ตามที
เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้ตลาดการเงินเกิดความสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า เมื่อใดเฟดตลอดจนพวกธนาคารกลางใหญ่ๆ ทั่วโลก จะเริ่มลดเลิกมาตรการพิเศษเพื่อสนับสนุนกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลอดจนหันไปปรับขยับขึ้นดอกเบี้ย
คำแถลงของเฟดคราวนี้มีท่าทีเปิดเผยชัดเจนยิ่งกว่าในอดีต โดยระบุถึงเหตุผลว่าทำไมเฟดจึงคาดหมายว่าจะยังสามารถคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับ “ต่ำเป็นพิเศษ” เช่นนี้ไปอีกระยะเวลายาวนานพอดู ทั้งนี้เฟดกล่าวคาดการณ์ว่า “เงื่อนไขต่างๆ ทางเศรษฐกิจ เป็นต้นว่า อัตราการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ, แนวโน้มด้านเงินเฟ้อที่ยังคงเบาบาง, และความคาดหมายเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่อยู่ในภาวะมีเสถียรภาพ น่าที่จะเป็นเหตุผลรองรับสำหรับการที่อัตราดอกเบี้ยเฟดฟันด์เรตจะยังคงอยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษไปอีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง”
นักวิเคราะห์หลายรายแสดงความประหลาดใจที่ในการแถลงของเฟดคราวนี้ ไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องการจะกลับไปใช้นโยบายดอกเบี้ยขาขึ้นในเร็ววัน ดังนั้นพวกเขาจึงพากันคาดหมายว่าเอฟโอเอ็มซีอาจจะต้องประชุมกันอีกหลายรอบ หรือกระทั่งถึง 1 ปี กว่าจะตัดสินใจเคลื่อนไหวในทิศทางดังกล่าว แต่อย่างน้อยในคราวนี้เฟดก็ได้ระบุออกมาอย่างชัดเจนถึงปัจจัย 3 ประการที่จะใช้พิจารณาเรื่องการปรับเปลี่ยนทิศทาง อันได้แก่ “อัตราการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ, แนวโน้มด้านเงินเฟ้อที่ยังคงเบาบาง, และความคาดหมายเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่อยู่ในภาวะมีเสถียรภาพ”
อนึ่งในการประชุมเอฟโอเอ็มซีคราวนี้ เฟดได้ลดทอนมาตรการกระตุ้นสนับสนุนเศรษฐกิจและภาคการเงินของตนลงมาเล็กน้อย โดยระบุว่า จะรับซื้อตราสารหนี้ที่ออกโดยพวกหน่วยงานสินเชื่อที่อยู่อาศัยของรัฐบาลสหรัฐฯเพียงแค่ประมาณ 175,000 ล้านดอลลาร์ จากที่วางแผนไว้ว่าจะซื้อในวงเงิน 200,000 ล้านดอลลาร์
เป็นไปตามความคาดหมายกันอย่างกว้างขวาง คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด(เอฟโอเอ็มซี) ลงมติด้วยเสียงเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย “เฟดฟันด์เรต” เอาไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ณ 0 – 0.25% ต่อไปอีก หลังจากอยู่ที่ระดับนี้มาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ด้วยความมุ่งหมายที่จะช่วยฉุดดึงเศรษฐกิจให้หลุดพ้นภาวะทรุดต่ำเลวร้ายที่สุดนับแต่คราวภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่เมื่อ 80 ปีก่อน
ในคำแถลงภายหลังการประชุม เฟดบอกว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ “ยังคงฟื้นขึ้นมาอย่างต่อเนื่องต่อไป” นับตั้งแต่การประชุมคราวก่อนของเอฟโอเอ็มซีในเดือนกันยายน แต่การฟื้นตัวอาจจะยังอยู่ในลักษณะที่ไม่แน่นอนชัดเจน
“การใช้จ่ายของภาคครัวเรือนดูจะกำลังขยายตัว แต่ก็ยังคงถูกเหนี่ยวรั้งเอาไว้จากการที่มียังการว่างงานเพิ่มขึ้น, อัตราเติบโตของรายได้อยู่ในสภาพซึมเซา, มูลค่าของที่อยู่อาศัยยังคงลดต่ำลง, และสินเชื่อก็ยังตึงตัว” คำแถลงบอก แต่ขณะที่กล่าวย้ำถึงความเสี่ยงเหล่านี้ เฟดก็ใช้ถ้อยคำที่ดูมองโลกแง่ดีมากกว่าที่เคยพูดเอาไว้ในคำแถลงเมื่อเดือนกันยายน ซึ่งเฟดกล่าวเพียงว่า การใช้จ่ายของภาคครัวเรือน “กำลังมีเสถียรภาพ”
เศรษฐกิจสหรัฐฯทำท่าจะฟื้นตัวขึ้นมาอย่างชัดเจน ดังที่ในปลายสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลได้แถลงตัวเลขจีดีพีเบื้องต้นประจำไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งปรากฏว่าสามารถเติบโตได้ในอัตราเท่ากับปีละ 3.5% นับเป็นไตรมาสแรกในรอบ 1 ปีที่อัตราเติบโตของจีดีพีอยู่ในแดนบวก อีกทั้งยังแข็งแกร่งกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายกัน ถึงแม้ปัจจัยสำคัญของการกระเตื้องขึ้นนี้จะมาจากบรรดามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐก็ตามที
เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้ตลาดการเงินเกิดความสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า เมื่อใดเฟดตลอดจนพวกธนาคารกลางใหญ่ๆ ทั่วโลก จะเริ่มลดเลิกมาตรการพิเศษเพื่อสนับสนุนกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลอดจนหันไปปรับขยับขึ้นดอกเบี้ย
คำแถลงของเฟดคราวนี้มีท่าทีเปิดเผยชัดเจนยิ่งกว่าในอดีต โดยระบุถึงเหตุผลว่าทำไมเฟดจึงคาดหมายว่าจะยังสามารถคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับ “ต่ำเป็นพิเศษ” เช่นนี้ไปอีกระยะเวลายาวนานพอดู ทั้งนี้เฟดกล่าวคาดการณ์ว่า “เงื่อนไขต่างๆ ทางเศรษฐกิจ เป็นต้นว่า อัตราการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ, แนวโน้มด้านเงินเฟ้อที่ยังคงเบาบาง, และความคาดหมายเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่อยู่ในภาวะมีเสถียรภาพ น่าที่จะเป็นเหตุผลรองรับสำหรับการที่อัตราดอกเบี้ยเฟดฟันด์เรตจะยังคงอยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษไปอีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง”
นักวิเคราะห์หลายรายแสดงความประหลาดใจที่ในการแถลงของเฟดคราวนี้ ไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องการจะกลับไปใช้นโยบายดอกเบี้ยขาขึ้นในเร็ววัน ดังนั้นพวกเขาจึงพากันคาดหมายว่าเอฟโอเอ็มซีอาจจะต้องประชุมกันอีกหลายรอบ หรือกระทั่งถึง 1 ปี กว่าจะตัดสินใจเคลื่อนไหวในทิศทางดังกล่าว แต่อย่างน้อยในคราวนี้เฟดก็ได้ระบุออกมาอย่างชัดเจนถึงปัจจัย 3 ประการที่จะใช้พิจารณาเรื่องการปรับเปลี่ยนทิศทาง อันได้แก่ “อัตราการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ, แนวโน้มด้านเงินเฟ้อที่ยังคงเบาบาง, และความคาดหมายเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่อยู่ในภาวะมีเสถียรภาพ”
อนึ่งในการประชุมเอฟโอเอ็มซีคราวนี้ เฟดได้ลดทอนมาตรการกระตุ้นสนับสนุนเศรษฐกิจและภาคการเงินของตนลงมาเล็กน้อย โดยระบุว่า จะรับซื้อตราสารหนี้ที่ออกโดยพวกหน่วยงานสินเชื่อที่อยู่อาศัยของรัฐบาลสหรัฐฯเพียงแค่ประมาณ 175,000 ล้านดอลลาร์ จากที่วางแผนไว้ว่าจะซื้อในวงเงิน 200,000 ล้านดอลลาร์
