xs
xsm
sm
md
lg

ชงครม.แก้โอนกรรมสิทธิ์บ้านเอื้อฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – พม.ชงครม.อนุมัติแก้ข้อกำหนดโอกรรมสิทธิ์บ้านเอื้อฯ จากเดิม5ปีเป้นโอนสิทธิ์แบงก์อนุมัติสินเชื่อ ด้านกคช.แจงแม้ทำยอดขายตามเป้า แต่ต้องรับซื้อคืนบ้านเอื้อฯบวกลูกค้าถูกปฏิเสธสินเชื่อต่อปีกว่า30% ส่งผล กคช.ต้องนำบ้านเอื้อฯกลับมารีเชลใหม่ กระทบต้นทุนบริหารการขาย พร้อมโชว์ยอดขาย10เดือน 65,000 หน่วยโตกว่าเป้าที่วางไว้เดิม 47,000 หน่วย คาดงานขอบคุณประเทศไทยดันยอดขายก่อนสินปีเพิ่มเป็น 80,000 หน่วย

นายศิริโรจน์ ชาวปากน้ำ รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่าในวันอังคาร์ที่10พ.ย.นี้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะนำเรื่องการแก้ปัญหาบ้านเอื้อาทร เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อขออนุมัติให้แก้เงื้อนไขต่างๆ ซึ่งเป็นอุปสรรค์ต่อการขายโครงการบ้านเอื้อฯ เช่น ขออนุมัติให้สามารถขายยกโครงการให้แก่บริษัทหรือหน่วยงานราชการเพื่อนำไปใช้เป็สวัสดิ์การที่อยู่อาศัย สำหรับพนักงานเอกชน หรือข้าราชการลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ และปรับราคาขายบ้านเอื้อฯบางทำเล
และการเปิดให้ประชาชนสามารถซื้อบ้านเอื้อฯได้มากกว่า1หน่วยต่อราย และแก้ไขข้อกำหนดการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด บ้านแฝด และบ้านเดี่ยวในโครงการบ้านเอื้อฯได้ทันทีหลังจากลูกค้าผ่านขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อ จากเดิมที่กำหนดว่าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้เมื่อผ่านการผ่อนชำระแล้วเป็นเวลา5ปี โดยเฉพาะกรณีการแก้ข้อกำหนดการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ประชาชนที่ผ่านขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อแล้วนั้น หากครม.อนุมัติตามที่เสนอจะช่วยแก้ปัญหาการระบายสต็อกให้มีคความคล่องตัวมากขึ้น
“สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาบ้านเอื้อฯ ที่เตรียมเสนอต่อที่ประชุม ครม.ในวันที่10 พ.ย.52นี้ ผ่านการตรวจสอบและการพิจารณาโดยคณะกรรมการแก้ปัญหาบ้านเอื้ออาทรแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านั้น ครม.ได้ส่งเรื่องกลับให้ กคช.ตรวจสอบและปรับปรุงแนวทางการแก้ปัญหาเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าครม.จะอนุมัติตามคำขอของกระทรวงพัฒนาสังคม เนื่องจากผ่านการตรวจสอบของคณะกรรมการดังกล่าวที่ พม.ตั้งขึ้นมาตจรวจสอบแล้ว ”
ทั้งนี้ ในแต่ละปี กคช. มียอดการรับซื้อคืนบ้านเอื้อฯจากลูกค้าที่ได้รับการปล่อยกู้แล้วไม่ส่งต่อค่างวดเกิน3เดือน และยอดจองซื้อบ้านเอื้อที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อ เนื่องจากคุณสมบัติของลูกค้าไม่ผ่านเกณฑ์ ตามที่สถาบันการเงินกำหนด เฉลี่ยต่อปีประมาณ 30% ทำให้ กคช.ต้องแบกรับปัญหาการนำบ้านเอื้อฯ ที่ต้องรับซื้อคืนจากสถาบันการเงินและยอดจองซื้อที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อ กลับมาขายใหม่ และมีต้นทุนในการบริหารการขายเพิ่ม ทำให้มีปัญหาการบริหารสต็อกบ้านเอื้อฯมาโดยตลอด
นายศิริโรจน์ กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 52นี้ กคช.ตั้งเป้าว่าจะทำยอดขายให้ได้ 47,000 หน่วย แต่ที่ผ่านมา กคช. สามารถทำยอดได้แล้ว 65,000 หน่วย ซึ่งกคช.คาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้จะสามารถทำยอดขายได้ 80,000 หน่วย โดยในส่วนที่เหลือ15,000หน่วย คาดว่าจะสามารถทำได้ในจากงานขอบคุณประเทศไทย ซึ่งกคช.จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 6-15 พ.ย.52นี้ โดยคาดว่าในช่วงการจัดงานจะสามารถสร้างยอดขายได้ 10,000 หน่วย ส่วนที่เหลืออีก5,000 หน่วยจะเป็นการตามผลจากงานนี้ และจะช่วยให้สิ้นปีนี้ กคช. มียอดขายเพิ่มเป็น 80,000 หน่วยได้
ทั้งนี้ หากสิ้นปี 52 กคช. สามารถทำยอดขายได้ 80,000 หน่วยตามประมาณการไว้จะช่วยให้ลดสต็อกบ้านเอื้อฯในมือที่มีอยู่ ทั้งที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และก่อสร้างแล้วเสร็จจำนวน 65,000 หน่วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถระบายออกไปได้ทั้งหมดในช่วงต้นปี 2554 อย่างไรก็ตาม ปัญหาของสต็อกบ้านเอื้อฯ นั้นไม่ได้อยู่ที่การสร้างยอดขายเพียงอย่างเดียว เพราะแม้ว่าจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้า แต่หากถูกปฏิเสธสินเชื่อ และมีการรับซื้อคืนบ้านเอื้อฯ จากสถาบันการเงินเพราะประชาชนไม่ผ่อนชำระค่าบ้านต่อ ในจำนวน30% ของยอดขายทั้งปีก็จะทำให้ กคช.ต้องมีต้นทุนในการบริหารการขายเพิ่มขึ้นในปีถัดไป
“แม้ปีนี้ กคช. จะสามารถทำยอดขายได้ 80,000 หน่วย แต่หากต้องมียอดรับซื้อซึ่งเมื่อนับรวมกับยอดปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารกลับมาให้ กคช.ต้องมาไปขายใหม่อีก 30% ก็จะทำให้ในปีหน้า กคช.ต้องมีสต็อกต้องระบายออกอีก 80,000 หน่วย จากเดิมที่ควรจะเหลือสต็อกที่ต้องระบายออกเพียง65,000 หน่วย อย่างไรก็ตามหากครม.อนุมัติให้กคช. สามารถโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าได้หลังจากลูกค้าผ่านการอนุมัติสินเชื่อแล้วก็จะทำให้ กคช.ลดจำนวนสต็อกของบ้านที่ต้องรับซื้อคืนเพื่อนำมาขายใหม่อีกครั้งลงไปได้ส่วนหนึ่ง”
สำหรับการจัดงานขอบคุณประเทศไทยที่ กคช.จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 6-15 พ.ย.นี้ กคช.ได้ใช้งบประมาณ 200,000 บาท เพื่อจัดแคมเปญมอบของรางวัลและจับสลากให้แก่ประชาชนที่มาจองซื้อบ้านเอื้อฯในงานดังกล่าว โดยผู้ที่จองซื้อบ้านเอื้อฯในงานนี้กคช.จะจับสลากมอบ พัดลม ร่ม ทีวีสี มอเตอร์ไซค์ รถจักรรยาน และโทรศัพท์มือถือ สำหรับผู้โชคดีด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น