ASTVผู้จัดการายวัน – กคช.เตรียมสรุปผลวิจัย ความต้องการที่อยู่อาศัยข้าราชการ เข้าแผนยุทธ์ศาสตร์ที่อยู่อาศัยแห่งชาติ กำหนดแนวทางจัดหาที่อยู่อาศัยและแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ พร้อมหักคอครม.อนุมัติขายยกล็อตบ้านเอื้อฯ- การโอนกรรมสิทธิ์ทันที อ้างให้หน่วยงานรัฐฯใช้เป็นบ้านพักสวัสดิการข้าราชการ นำร่อง 3 โครงการ คอนโดฯ-บ้านแฝด ราคา 800,000 - 1,500,000บาทรองรับข้าราชการ
นายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า การจัดสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับข้าราชการ เป็นอีกหนึ่งภารกิจในยุทธ์ศาสตร์ชาติเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นยุทธ์ศาสตร์ที่ 7 เพื่อมุ่งสร้างมาตรฐานสู่คุณภาพของที่อยู่อาศัย ตรงกับภารกิจหลักของกคช. ดังกล่าว กคช.จึงร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาสารคราม ทำการวิจัยและสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยของข้าราชการในหน่วยงานต่างๆทั่วประเทศ และสรุปข้อมูลทั้งหมดเสนอต่อคณะกรรมการที่อยู่อาศัยชาติอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ในแผนยุทธ์ศาสตร์ชาตินั้น จะมีการเสนอแนวทางการส่งเสริมให้ข้าราชการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เช่น การจัดหาซื้อที่อยู่อาศัย และสนับสนุนด้านแหล่งเงินในการจัดซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งจะเสนอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือด้านการจัดหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้แก่ข้าราชการ " หากรัฐบาลต้องการให้กคช.ในฐานะที่รับผิดชอบในการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชน เข้าไปจัดหาและพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ข้าราชการ ทางกคช.ก็จะนำที่ดินที่มีอยู่เข้ามาพัฒนาบ้านให้แก่ข้าราชการ ซึ่งในเบื้องต้นนั้น จะนำที่ดินย่านวัดกู้ก่อสร้างเป็นโครงการคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น จำนวน 1,000 หน่วย ขายให้แก่ข้าราชการ ที่ต้องการที่อยู่อาศัยในย่านศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และนำที่ดินในย่านประชานิเวศ มาพัฒนาโครงการคอนโดฯ สูง 20 ชั้น จำนวน1,000 หน่วย "
นอกจากนี้ ได้เตรียมที่ดินในย่านร่มเกล้า เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยข้าราชการ โดยปรับแบบจากบ้านเดี่ยวเป็นบ้านแฝด เพิ่มอีก1แห่ง โดยราคาขาย จะเริ่มต้นที่ 800,000-1,500,000 บาท
สำหรับหน่วยงานราชการ ที่ต้องการซื้อบ้านเอื้ออาทรแบบยกล็อตเพื่อเป็นบ้านพักสวัสดิการในหน่วยงานนั้น กคช.ได้เตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ทางกคช.สามารถขายยกล็อตบ้านเอื้อฯได้ รวมถึงขออนุมัติให้สามารถโอนบ้านเอื้อฯได้ทันที จากเดิมต้องรอให้ครบ 5 ปี อย่างไรก็ตามในกรณีการขายยกล็อตนั่น หากผู้ซื้อมีมากกว่า 2 หน่วยขึ้นไป จะได้เงินอุดหนุน 80,000บาทเพียง2หน่วยแรกเท่านั้น
บรรจุแผนพัฒนาบ้านผู้สูงอายุ
ในส่วนของแผนการพัฒนาที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยนั้น นางรัศมี ไชยนันท์ รองผู้ว่าฯกคช.กล่าวไว้ว่า หลังจากที่ กคช.ได้ร่วมกับม.ศรีนครินทร์วิโรฒ และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ทำการศึกษาวิจัยการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุอายุ และเริ่มทดลองดำเนินการโครงการนำร่อง โครงการที่เทศบาลตำบลบางตะบูน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ปรากฏว่าโครงการดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
ดังนั้น เพื่อเป็นการสอดรับกับนโยบายการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นของรัฐบาล กคช.เตรียมนำผลวิจัยและแนวคิดการปรับปรุงที่อยู่อาศัย และการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ บรรจุเข้าไว้ในแผนยุทธ์ศาสตร์ที่อยู่อาศัยแห่งชาติด้วย
โดยในเบื้องต้น กคช.เตรียมแผนการดำเนินการระยะสั้น 5 ปี ในการวางกรอบการศึกษาและขยายผลงานวิจัยดังกล่าว เพื่อเตรียมรับการเพิ่มขึ้นของความต้องการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุในอนาคต จากการศึกษาวิจัยพบว่า ในปี2553 จะมีจำนวนประชากรผู้สูงอายุในสังคมประมาณ 11.7% จากประชากรรวมทั้งหมดของประเทศ และในปี 2563 จะเพิ่มขึ้นเป็น 16% และในปี2583จะมีประชาการผู้สูงอายุรวมประมาณ 21% ของประชากรในประเทศ.
นายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า การจัดสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับข้าราชการ เป็นอีกหนึ่งภารกิจในยุทธ์ศาสตร์ชาติเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นยุทธ์ศาสตร์ที่ 7 เพื่อมุ่งสร้างมาตรฐานสู่คุณภาพของที่อยู่อาศัย ตรงกับภารกิจหลักของกคช. ดังกล่าว กคช.จึงร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาสารคราม ทำการวิจัยและสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยของข้าราชการในหน่วยงานต่างๆทั่วประเทศ และสรุปข้อมูลทั้งหมดเสนอต่อคณะกรรมการที่อยู่อาศัยชาติอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ในแผนยุทธ์ศาสตร์ชาตินั้น จะมีการเสนอแนวทางการส่งเสริมให้ข้าราชการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เช่น การจัดหาซื้อที่อยู่อาศัย และสนับสนุนด้านแหล่งเงินในการจัดซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งจะเสนอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือด้านการจัดหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้แก่ข้าราชการ " หากรัฐบาลต้องการให้กคช.ในฐานะที่รับผิดชอบในการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชน เข้าไปจัดหาและพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ข้าราชการ ทางกคช.ก็จะนำที่ดินที่มีอยู่เข้ามาพัฒนาบ้านให้แก่ข้าราชการ ซึ่งในเบื้องต้นนั้น จะนำที่ดินย่านวัดกู้ก่อสร้างเป็นโครงการคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น จำนวน 1,000 หน่วย ขายให้แก่ข้าราชการ ที่ต้องการที่อยู่อาศัยในย่านศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และนำที่ดินในย่านประชานิเวศ มาพัฒนาโครงการคอนโดฯ สูง 20 ชั้น จำนวน1,000 หน่วย "
นอกจากนี้ ได้เตรียมที่ดินในย่านร่มเกล้า เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยข้าราชการ โดยปรับแบบจากบ้านเดี่ยวเป็นบ้านแฝด เพิ่มอีก1แห่ง โดยราคาขาย จะเริ่มต้นที่ 800,000-1,500,000 บาท
สำหรับหน่วยงานราชการ ที่ต้องการซื้อบ้านเอื้ออาทรแบบยกล็อตเพื่อเป็นบ้านพักสวัสดิการในหน่วยงานนั้น กคช.ได้เตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ทางกคช.สามารถขายยกล็อตบ้านเอื้อฯได้ รวมถึงขออนุมัติให้สามารถโอนบ้านเอื้อฯได้ทันที จากเดิมต้องรอให้ครบ 5 ปี อย่างไรก็ตามในกรณีการขายยกล็อตนั่น หากผู้ซื้อมีมากกว่า 2 หน่วยขึ้นไป จะได้เงินอุดหนุน 80,000บาทเพียง2หน่วยแรกเท่านั้น
บรรจุแผนพัฒนาบ้านผู้สูงอายุ
ในส่วนของแผนการพัฒนาที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยนั้น นางรัศมี ไชยนันท์ รองผู้ว่าฯกคช.กล่าวไว้ว่า หลังจากที่ กคช.ได้ร่วมกับม.ศรีนครินทร์วิโรฒ และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ทำการศึกษาวิจัยการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุอายุ และเริ่มทดลองดำเนินการโครงการนำร่อง โครงการที่เทศบาลตำบลบางตะบูน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ปรากฏว่าโครงการดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
ดังนั้น เพื่อเป็นการสอดรับกับนโยบายการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นของรัฐบาล กคช.เตรียมนำผลวิจัยและแนวคิดการปรับปรุงที่อยู่อาศัย และการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ บรรจุเข้าไว้ในแผนยุทธ์ศาสตร์ที่อยู่อาศัยแห่งชาติด้วย
โดยในเบื้องต้น กคช.เตรียมแผนการดำเนินการระยะสั้น 5 ปี ในการวางกรอบการศึกษาและขยายผลงานวิจัยดังกล่าว เพื่อเตรียมรับการเพิ่มขึ้นของความต้องการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุในอนาคต จากการศึกษาวิจัยพบว่า ในปี2553 จะมีจำนวนประชากรผู้สูงอายุในสังคมประมาณ 11.7% จากประชากรรวมทั้งหมดของประเทศ และในปี 2563 จะเพิ่มขึ้นเป็น 16% และในปี2583จะมีประชาการผู้สูงอายุรวมประมาณ 21% ของประชากรในประเทศ.
