ASTV ผู้จัดการรายวัน - ป.ป.ช.ชี้มูล “ศักดา”อดีตรองกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ กับพวก มีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและความผิดทางอาญาใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตอนุมัติสินเชื่อ กรณีอนุมัติสินเชื่อโครงการบ้านล์ โดยไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์ของธนาคาร
นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีการพิจารณาข้อกล่าวหา นายศักดา ณรงค์ หรือนายศักดาพินิจ ณรงค์ชาติโสภณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการ และรองกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ มีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ โดยอนุมัติสินเชื่อโครงการบ้านจัดสรรสุวินทวงศ์ ซึ่งมีชื่อภรรยาของนายศักดา เป็นเจ้าของโครงการ และอนุมัติสินเชื่อโครงการหัวแหวนคันทรีวิลล์ โดยไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์ของธนาคาร
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติว่า การการอนุมัติสินเชื่อโครงการบ้านจัดสรรที่มีชื่อภรรยาเป็นเจ้าของ เป็นความผิดวินัยร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ฐานเป็นพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่งตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 8 มาตรา 9 และมาตรา 11
สำหรับโครงการหัวแหวนคันทรีวิลล์ ที่ อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา นั้นเดิมธนาคารประเมินราคาที่ดินในโครงการไว้ที่ตารางวาละ 1,500 บาท แต่โครงการขอให้ธนาคารประเมินอีกครั้ง ซึ่งธนาคารยืนยันตามราคาเดิม ต่อมาปรากฏว่านายศักดา ได้ร่วมกับพนักงานของธนาคารพิจารณา และอนุมัติราคาที่ดินให้กับโครงการดังกล่าวตารางวาละ 2,500 บาท ถือเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดคำสั่งของธนาคาร จนทำให้ธนาคารต้องจ่ายเงินกู้สินเชื่อให้แก่ลูกค้าโครงการจำนวน 552 ราย เป็นเงินกว่า 105 ล้านบาท เป็นเหตุให้ธนาคารได้รับความเสียหาย
อย่างไรก็ดี หลังจากนี้ ป.ป.ช.จะได้ส่งรายงาน และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาลงโทษทางวินัย และอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.พ.ศ 2542 มาตรา 92 และ 97
“ส่วนข้อกล่าวหาการทุจริตการอนุมัติให้ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) กู้เงินเกินมติคณะกรรมการจัดหาและบริหารทุนของธนาคาร ข้อกล่าวหาช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยักยอกเงินของธนาคาร ข้อกล่าวหาทำสัญญาค้ำประกันให้เอกชนแทนการวางเงินมัดจำซองต่อการรถไฟแห่งประเทศไทย คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเห็นว่า ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏพยานหลักฐานกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาจึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป”
นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีการพิจารณาข้อกล่าวหา นายศักดา ณรงค์ หรือนายศักดาพินิจ ณรงค์ชาติโสภณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการ และรองกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ มีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ โดยอนุมัติสินเชื่อโครงการบ้านจัดสรรสุวินทวงศ์ ซึ่งมีชื่อภรรยาของนายศักดา เป็นเจ้าของโครงการ และอนุมัติสินเชื่อโครงการหัวแหวนคันทรีวิลล์ โดยไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์ของธนาคาร
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติว่า การการอนุมัติสินเชื่อโครงการบ้านจัดสรรที่มีชื่อภรรยาเป็นเจ้าของ เป็นความผิดวินัยร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ฐานเป็นพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่งตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 8 มาตรา 9 และมาตรา 11
สำหรับโครงการหัวแหวนคันทรีวิลล์ ที่ อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา นั้นเดิมธนาคารประเมินราคาที่ดินในโครงการไว้ที่ตารางวาละ 1,500 บาท แต่โครงการขอให้ธนาคารประเมินอีกครั้ง ซึ่งธนาคารยืนยันตามราคาเดิม ต่อมาปรากฏว่านายศักดา ได้ร่วมกับพนักงานของธนาคารพิจารณา และอนุมัติราคาที่ดินให้กับโครงการดังกล่าวตารางวาละ 2,500 บาท ถือเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดคำสั่งของธนาคาร จนทำให้ธนาคารต้องจ่ายเงินกู้สินเชื่อให้แก่ลูกค้าโครงการจำนวน 552 ราย เป็นเงินกว่า 105 ล้านบาท เป็นเหตุให้ธนาคารได้รับความเสียหาย
อย่างไรก็ดี หลังจากนี้ ป.ป.ช.จะได้ส่งรายงาน และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาลงโทษทางวินัย และอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.พ.ศ 2542 มาตรา 92 และ 97
“ส่วนข้อกล่าวหาการทุจริตการอนุมัติให้ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) กู้เงินเกินมติคณะกรรมการจัดหาและบริหารทุนของธนาคาร ข้อกล่าวหาช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยักยอกเงินของธนาคาร ข้อกล่าวหาทำสัญญาค้ำประกันให้เอกชนแทนการวางเงินมัดจำซองต่อการรถไฟแห่งประเทศไทย คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเห็นว่า ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏพยานหลักฐานกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาจึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป”