โรงแรมเชียงใหม่เนื้อหอม กลุ่มทุนรุมจีบซื้อกิจการ แต่ไร้ผลเพราะไม่ตอบตกลง เหตุ กดราคาเกินจริง ให้แค่รายละ 70-80 ล้านบาท ระบุไฮซีซั่นปีนี้ยังต้องลุ้น คนไทยจองน้อยผิดปกติ เฉพาะ พ.ย.คาดมีอัตราเข้าพัก 60% ลดจากปีก่อนที่ได้ 68%
นายกนก สุวรรณวิสูตร์ นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังคงมีกลุ่มทุนจากต่างประเทศ และ คนไทย เข้ามาติดต่อขอซื้อกิจการโรงแรมทางภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง โดยมีทุนตั้งแต่ 70-80 ล้านบาท ขึ้นไป โดยจะมองหาโรงแรมระดับ 3 ดาว เพื่อไปปรับปรุง ซึ่งกลุ่มทุนที่ต้องการซื้อนี้ส่วนใหญ่มองเห็นศักยภาพของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภาคเหนือที่มีแนวโน้มเติบโตได้อีกยาวไกล แต่ขณะนี้ที่ซบเซาเป็นเพราะผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก และปัญหาการเมืองภายในประเทศ
แม้จะมีกลุ่มทุนติดต่อเข้ามาจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดขาย โดยสมาคมได้สอบถามไปยังสมาชิก 61 ราย ที่เป็นโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้รับคำตอบว่า มีนายทุนเข้ามาติดต่อจริง แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจขายกิจการ สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะโดนกดราคาขายให้ต่ำเกินจริง ผู้ประกอบการจึงไม่สนใจ ทั้งนี้โรงแรมเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ มีกว่า 100 แห่ง ทั้งที่เป็นสมาชิกและไม่เป็นสมาชิก
“มีกลุ่มทุนมากกว่า 3 ราย เข้ามาติดต่อขอซื้อกิจการโรงแรมกับผู้ประกอบการกลุ่มระดับ 3 ดาว โดยหวังว่าจะมีผู้ประกอบการที่ถอดใจจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและยอมขายกิจการให้ แต่ก็ยังไม่มีรายใดตกลง “
นายกนก กล่าวอีกว่า สำหรับตลาดคนไทย แม้ ททท.จะโปรโมตท่องเที่ยวในแคมเปญเที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก แต่ก็ยังไม่ช่วยให้การท่องเที่ยวในเชียงใหม่คึกคักเท่าที่ควร เพราะสภาพเศรษฐกิจและการเมือง เป็นผลให้คนไทยยังไม่มีอารมณ์ท่องเที่ยวมากนักในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังโชคดีที่ 5เดือนที่ผ่านมา เชียงใหม่ได้ลูกแพนด้า “หลินปิง” ช่วยให้เกิดกระแสท่องเที่ยวขึ้นมาได้
สำหรับช่วงไฮซีซั่นปลายปีนี้(พ.ย.52-มี.ค.53) กำลังจับตาดูว่ายอดจองห้องพักจะเป็นเช่นใด เพราะขณะนี้แม้อากาศหนาวจะเริ่มมาแล้วแต่ยังไม่มียอดจองห้องพักเข้ามามากเหมือนปีก่อนๆ คาดว่าเป็นเพราะพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวคนไทยก็ปรับเปลี่ยน โดยใช้เวลาวางแผนการเดินทางที่สั้นขึ้น ทั้งนี้เดือน พ.ย.นี้คาดว่าโรงแรมในเชียงใหม่จะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 60% น้อยกว่าปีก่อนที่มีประมาณ 67-68% โดยราคาห้องพักปีนี้ก็ไม่มีการปรับขึ้น แม้จะเป็นช่วงไฮซีซั่นแล้ว เพราะเกรงจะไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ
นายกนก สุวรรณวิสูตร์ นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังคงมีกลุ่มทุนจากต่างประเทศ และ คนไทย เข้ามาติดต่อขอซื้อกิจการโรงแรมทางภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง โดยมีทุนตั้งแต่ 70-80 ล้านบาท ขึ้นไป โดยจะมองหาโรงแรมระดับ 3 ดาว เพื่อไปปรับปรุง ซึ่งกลุ่มทุนที่ต้องการซื้อนี้ส่วนใหญ่มองเห็นศักยภาพของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภาคเหนือที่มีแนวโน้มเติบโตได้อีกยาวไกล แต่ขณะนี้ที่ซบเซาเป็นเพราะผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก และปัญหาการเมืองภายในประเทศ
แม้จะมีกลุ่มทุนติดต่อเข้ามาจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดขาย โดยสมาคมได้สอบถามไปยังสมาชิก 61 ราย ที่เป็นโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้รับคำตอบว่า มีนายทุนเข้ามาติดต่อจริง แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจขายกิจการ สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะโดนกดราคาขายให้ต่ำเกินจริง ผู้ประกอบการจึงไม่สนใจ ทั้งนี้โรงแรมเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ มีกว่า 100 แห่ง ทั้งที่เป็นสมาชิกและไม่เป็นสมาชิก
“มีกลุ่มทุนมากกว่า 3 ราย เข้ามาติดต่อขอซื้อกิจการโรงแรมกับผู้ประกอบการกลุ่มระดับ 3 ดาว โดยหวังว่าจะมีผู้ประกอบการที่ถอดใจจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและยอมขายกิจการให้ แต่ก็ยังไม่มีรายใดตกลง “
นายกนก กล่าวอีกว่า สำหรับตลาดคนไทย แม้ ททท.จะโปรโมตท่องเที่ยวในแคมเปญเที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก แต่ก็ยังไม่ช่วยให้การท่องเที่ยวในเชียงใหม่คึกคักเท่าที่ควร เพราะสภาพเศรษฐกิจและการเมือง เป็นผลให้คนไทยยังไม่มีอารมณ์ท่องเที่ยวมากนักในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังโชคดีที่ 5เดือนที่ผ่านมา เชียงใหม่ได้ลูกแพนด้า “หลินปิง” ช่วยให้เกิดกระแสท่องเที่ยวขึ้นมาได้
สำหรับช่วงไฮซีซั่นปลายปีนี้(พ.ย.52-มี.ค.53) กำลังจับตาดูว่ายอดจองห้องพักจะเป็นเช่นใด เพราะขณะนี้แม้อากาศหนาวจะเริ่มมาแล้วแต่ยังไม่มียอดจองห้องพักเข้ามามากเหมือนปีก่อนๆ คาดว่าเป็นเพราะพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวคนไทยก็ปรับเปลี่ยน โดยใช้เวลาวางแผนการเดินทางที่สั้นขึ้น ทั้งนี้เดือน พ.ย.นี้คาดว่าโรงแรมในเชียงใหม่จะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 60% น้อยกว่าปีก่อนที่มีประมาณ 67-68% โดยราคาห้องพักปีนี้ก็ไม่มีการปรับขึ้น แม้จะเป็นช่วงไฮซีซั่นแล้ว เพราะเกรงจะไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ
