ASTVผู้จัดการรายวัน –ตลาดรวมเครื่องสำอางโค้งสุดท้ายส่อแววแข่งขันดุเดือด อัดแคมเปญลด แลก แจก แถม สะบั้น โอกาสสุดท้ายหวังกู้ยอดขายกลับคืนมา หลั
งเกือบทุกค่ายพลาดเป้าหมายช่วง 9 เดือนแรก เหตุเศรษฐกิจไม่ดี กำลังซื้อหด ด้านแพน ราชเทวีปรับแผนรุก อัดงบตลาดเพิ่มมากกว่าปรกติ
นายพรชาย พิริยบรรเจิด กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพน ราชเทวี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์เวชสำอางแพน ครีมกันแดดไมนัส และเอลิเซ่ เปิดเผยถึงสภาพตลาดรวมของเครื่องสำอางว่า ตลดาในช่วง 3 ไตรมาสแรกปีนี้ 2552 ที่ผ่านมา พบว่า ตลาดรวมได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ตกลงอย่างมาก
เนื่องมาจากว่า สภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่กระเตื้องขึ้นนั้น ส่งผลกระทบต่อ กำลังซื้อและอารมณ์ซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ขณะที่คนเดินเข้าเที่ยวศูนย์การค้าก็ลดลงไปด้วย หรือเดินแต่ก็ไม่ได้ซื้อสินค้าในปริมาณที่มาก เพราะซื้อเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น ขณะที่ศูนย์การค้าที่อยู่ตามย่านชานเมือและสาขาในต่างจังหวัดนั้น ก็ตกอยู่ในสภาวะเช่นเดียวกัน
ในปีนี้คาดว่าตลาดรวมเครื่องสำอางและกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในห้างสรรพสินค้าจะไม่มีการเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อนหรืออาจจะทรงตัว โดยมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท
นายพรชายกล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ดังกล่าวนี้ เชื่อมั่นว่า ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ตลาดรวมเครื่องสำอางจะต้องมีการแข่งขันกันที่รุนแรงแน่นอน เพื่อสร้างยอดขายกลับคืนมาให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลยุทธ์หลากหลายที่ผู้ประกอบการและค่ายต่างงัดขึ้นมาใช้ ไม่ว่าจะเป็น ลด แลก แจก แถม และต่างๆ
รวมไปถึงแนวโน้มในการที่ผู้ประกอบการแต่ละค่ายจะปรับลดราคาจำหน่ายสินค้าลงประมาณ 10-50% เพื่อดึงดูดและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคง่ายขึ้น ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่ง่ายที่สุดและตอบสนองได้ดีที่สุด ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เพราะถือเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่จะทำยอดขาย เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับแผนที่วางไว้มากที่สุด
“โค้งสุดท้ายนี้คงแข่งกันดุเดือด แต่ก็ยังเชื่อว่า ถึงแม้จะอัดกลยุทธ์หรืองบประมาณตลาด ซึ่งเชื่อว่าจะเน้นไปที่ การลดราคาเป็นหลัก ส่วนเรื่องการสร้างแบรนด์นั้นคงไม่เน้นกันแล้วในภาวะเช่นนี้” นายพรชายกล่าว
ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจในส่วนของบริษัทฯในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ นายพรชายกล่าวว่า บริษัทฯปรับแผนการใช้งบประมาณด้านการตลาดในไตรมาสสุดท้ายปีนี้โดยเพิ่มงบการตลาดเป็น 35% จากงบตลาดทั้งปี ซึ่งมากกว่าเดิมปรกติที่จะใช้ในไตรมาสที่สี่เพียง 25% เท่านั้นเอง
สาเหตุที่ต้องเพิ่มงบตลาดปีนี้ เพราะต้องการกระตุ้นยอดขายกลับคืนมาให้ได้มากที่สุด หลังจากที่ในช่วง 3 ไตรมาสแรกหรือช่วง 9 เดือนปีนี้ บริษัทฯได้รับผลกระทบและมียอดขายที่เติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้คือทำได้ไค่ 9% เท่านั้นเอง
โดยล่าสุดนี้บริษัทฯได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตของยอดขายทั้งปีนี้เหลือเพียง 9% เท่านั้นจากเดิมคาดว่าจะมียอดขายเติบโต 15%
นอกจากนั้นยังได้ทำการปรับแผนด้านการตลาดในส่วนของการทำโปรโมชั่นใหม่ด้วยคือ การทำโปรโมชั่นในรูปแบบที่ให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น เช่น เลือกสินค้ามาลดราคาบางตัว จากเดิมที่ใช้สินค้าหลายกลุ่มขายรวมกันลดราคาด้วยกัน เพราะขณะนี้ผู้บริโภคจะเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น อีกทั้งจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ด้วย
รวมทั้งจะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ เช่น อยู่ระหว่างการพิจารณาในช่องทางร้านคอนวีเนียนสโตร์ เพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น
***
งเกือบทุกค่ายพลาดเป้าหมายช่วง 9 เดือนแรก เหตุเศรษฐกิจไม่ดี กำลังซื้อหด ด้านแพน ราชเทวีปรับแผนรุก อัดงบตลาดเพิ่มมากกว่าปรกติ
นายพรชาย พิริยบรรเจิด กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพน ราชเทวี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์เวชสำอางแพน ครีมกันแดดไมนัส และเอลิเซ่ เปิดเผยถึงสภาพตลาดรวมของเครื่องสำอางว่า ตลดาในช่วง 3 ไตรมาสแรกปีนี้ 2552 ที่ผ่านมา พบว่า ตลาดรวมได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ตกลงอย่างมาก
เนื่องมาจากว่า สภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่กระเตื้องขึ้นนั้น ส่งผลกระทบต่อ กำลังซื้อและอารมณ์ซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ขณะที่คนเดินเข้าเที่ยวศูนย์การค้าก็ลดลงไปด้วย หรือเดินแต่ก็ไม่ได้ซื้อสินค้าในปริมาณที่มาก เพราะซื้อเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น ขณะที่ศูนย์การค้าที่อยู่ตามย่านชานเมือและสาขาในต่างจังหวัดนั้น ก็ตกอยู่ในสภาวะเช่นเดียวกัน
ในปีนี้คาดว่าตลาดรวมเครื่องสำอางและกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในห้างสรรพสินค้าจะไม่มีการเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อนหรืออาจจะทรงตัว โดยมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท
นายพรชายกล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ดังกล่าวนี้ เชื่อมั่นว่า ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ตลาดรวมเครื่องสำอางจะต้องมีการแข่งขันกันที่รุนแรงแน่นอน เพื่อสร้างยอดขายกลับคืนมาให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลยุทธ์หลากหลายที่ผู้ประกอบการและค่ายต่างงัดขึ้นมาใช้ ไม่ว่าจะเป็น ลด แลก แจก แถม และต่างๆ
รวมไปถึงแนวโน้มในการที่ผู้ประกอบการแต่ละค่ายจะปรับลดราคาจำหน่ายสินค้าลงประมาณ 10-50% เพื่อดึงดูดและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคง่ายขึ้น ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่ง่ายที่สุดและตอบสนองได้ดีที่สุด ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เพราะถือเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่จะทำยอดขาย เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับแผนที่วางไว้มากที่สุด
“โค้งสุดท้ายนี้คงแข่งกันดุเดือด แต่ก็ยังเชื่อว่า ถึงแม้จะอัดกลยุทธ์หรืองบประมาณตลาด ซึ่งเชื่อว่าจะเน้นไปที่ การลดราคาเป็นหลัก ส่วนเรื่องการสร้างแบรนด์นั้นคงไม่เน้นกันแล้วในภาวะเช่นนี้” นายพรชายกล่าว
ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจในส่วนของบริษัทฯในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ นายพรชายกล่าวว่า บริษัทฯปรับแผนการใช้งบประมาณด้านการตลาดในไตรมาสสุดท้ายปีนี้โดยเพิ่มงบการตลาดเป็น 35% จากงบตลาดทั้งปี ซึ่งมากกว่าเดิมปรกติที่จะใช้ในไตรมาสที่สี่เพียง 25% เท่านั้นเอง
สาเหตุที่ต้องเพิ่มงบตลาดปีนี้ เพราะต้องการกระตุ้นยอดขายกลับคืนมาให้ได้มากที่สุด หลังจากที่ในช่วง 3 ไตรมาสแรกหรือช่วง 9 เดือนปีนี้ บริษัทฯได้รับผลกระทบและมียอดขายที่เติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้คือทำได้ไค่ 9% เท่านั้นเอง
โดยล่าสุดนี้บริษัทฯได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตของยอดขายทั้งปีนี้เหลือเพียง 9% เท่านั้นจากเดิมคาดว่าจะมียอดขายเติบโต 15%
นอกจากนั้นยังได้ทำการปรับแผนด้านการตลาดในส่วนของการทำโปรโมชั่นใหม่ด้วยคือ การทำโปรโมชั่นในรูปแบบที่ให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น เช่น เลือกสินค้ามาลดราคาบางตัว จากเดิมที่ใช้สินค้าหลายกลุ่มขายรวมกันลดราคาด้วยกัน เพราะขณะนี้ผู้บริโภคจะเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น อีกทั้งจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ด้วย
รวมทั้งจะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ เช่น อยู่ระหว่างการพิจารณาในช่องทางร้านคอนวีเนียนสโตร์ เพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น
***