xs
xsm
sm
md
lg

เหลืออดกับบทความเดอะอีโคโนมิสต์

เผยแพร่:   โดย: ไสว บุญมา


โดย...ไสว บุญมา


นิตยสารเดอะอีโคโนมิสต์ฉบับประจำวันที่ 19-23 ตุลาคม ที่ผ่านมาพิมพ์บทความเกี่ยวกับเมืองไทยที่ทำให้ผมเหลืออด บทความเริ่มด้วยรูปขนาดใหญ่ถ่ายในตอนกลางคืนตรงหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมซึ่งกลุ่มมวลชนเสื้อแดงกำลังฟังคำปราศรัยที่ถ่ายทอดออกมาพร้อมรูปของอดีตนายกรัฐมนตรีที่กลายเป็นนักโทษหนีคุกทักษิณ ชินวัตร และพาดหัวด้วยตัวสีแดงว่า “อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย” ตามด้วยตัวสีดำว่า “การเนรเทศและราชอาณาจักร”

ผมอ่านนิตยสารนี้มานานแม้จะไม่เห็นด้วยกับมุมมองพื้นฐานแนวขวาตกขอบของเขา ทั้งนี้เพราะผมเห็นว่าเนื้อหาครอบคลุมเหตุการณ์มากกว่านิตยสารรายสัปดาห์อื่นๆ ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ผมสังเกตว่าการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองไทยของเขาเริ่มสะท้อนความคิดเห็นด้านต่อต้านสถาบันสำคัญยิ่งของเราพร้อมๆ กับแสดงความลำเอียงโดยเป็นกระบอกเสียงให้นักโทษชายทักษิณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฉบับที่ผมอ้างถึงนี้ก็เช่นกัน

นอกจากนั้น คราวนี้เขาหมิ่นศาลไทยโดยใช้วิธีอ้างว่า ชนชั้นกลางไทยไม่เห็นด้วยกับ “มายากลทางการเมือง” (political prestidigitation) ที่ล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้งถึงสองครั้งสองครา แม้เขาจะไม่ได้เขียนว่าเป็นรัฐบาลไหน แต่บริบทบ่งว่าเป็นรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดชื่อสมัครและสมชาย

เนื้อหาของบทความเริ่มด้วยการเปรียบการต่อสู้จากดูไบของนักโทษชายทักษิณว่าคล้ายของอองซานที่ต้องการปลดแอกอังกฤษให้พม่าและของซุนยัดเซนที่ก่อตั้งกระบวนการสร้างสาธารณรัฐของจีน การต่อสู้เพื่อคืนสู่อำนาจของทักษิณยังผลให้เกิดความแตกแยกจนสังคมไทยตกอยู่ในสภาพสงครามกลางเมืองที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงง่ายๆ โดยอธิบายถึงการเคลื่อนไหวของฝ่ายเสื้อแดงและเสื้อเหลือง

บทความบอกว่า ฝ่ายเสื้อแดงกำลังก่อการปฏิวัติทางสังคมซึ่งส่วนหนึ่งมีอุดมการณ์มุ่งล้มล้างราชบัลลังก์และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพียงลูกจ้างของทักษิณ แต่ก็เน้นคำพูดของทักษิณที่ว่าเขาไม่ได้จ้างใคร หากให้เพียงกำลังใจเท่านั้น เกี่ยวกับประเด็นที่ว่าถ้าไม่มีทักษิณสนับสนุนแล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับฝ่ายเสื้อแดง บทความเสนอคำพูดของจักรภพ เพ็ญแข ว่า การเคลื่อนไหวจะดำเนินต่อไปเพราะตอนนี้มีผู้เคลื่อนไหวจำนวนมากที่ไม่ยอมทำตามความประสงค์ของทักษิณแล้ว บทความเสนอเรื่องราวที่สะท้อนมุมมองของทักษิณเป็นจำนวนมาก อาทิ

*ทักษิณบอกว่าเขาไม่ต้องการกลับมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหากมีคนดีบริหารประเทศ เขาสนใจทำธุรกิจมากกว่าซึ่งตอนนี้ขยายไปถึงแอฟริกาแล้ว พร้อมกันนั้นก็มีการเน้นคำพูดของทักษิณที่ว่า “ประชาชนต้องการผม” เพื่อฟื้นฟูประชาธิปไตยและความยุติธรรม

*ทักษิณคุยฟุ้งเรื่องประโยชน์ของการวิปัสสนาแนวพุทธด้วยความกระตือรือร้นสุดๆ ทีเดียว แต่บทความกลับไม่ชี้ให้เห็นความขัดแย้งกับประเด็นที่เกี่ยวกับทักษิณกำลังเร้าร้อนปานถูกเผาด้วยไฟนรกเพราะเคียดแค้นสุดๆ ที่หลุดจากอำนาจและสูญทรัพย์

*ทักษิณซึ่งเคยมีอำนาจเหนือการสื่อสารในเมืองไทยต้องหันมาใช้การสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตของระบบทวิตเตอร์และเฟสบุ๊กพร้อมกับเน้นคำโอดครวญของทักษิณที่ว่า “เราเป็นประชาธิปไตยแบบถูกควบคุม” และผู้ที่ควบคุมมาจากในวังซึ่งมีอิทธิพลเหนือองค์กรของรัฐและไม่ยอมฟังนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ยิ่งกว่านั้นบทความยังเน้นคำพูดของนักโทษชายทักษิณที่ว่า “พวกเขาถึงกับกุเรื่องขึ้นมาเพื่อโค่นรัฐบาล” ในบรรดาผู้ที่มาจากในวังได้แก่ประธานองคมนตรีซึ่งถูกอ้างถึงโดยกล่าวว่าพลเอกเปรมจงเกลียดจงชังทักษิณเป็นการส่วนตัว

*ทักษิณบอกว่าจลาจลที่เกิดขึ้นในระหว่างการประท้วงตอนช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาของฝ่ายเสื้อแดงนั้นเกิดจากผู้ก่อการที่สนับสนุนรัฐบาลทั้งสิ้น บทความจบลงด้วยคำบ่นอุบของทักษิณที่ว่า “ผมไม่ฆ่าแม้แต่ยุง”

ตามธรรมดาผมอ่านการนำเสนอเรื่องต่างๆ ของนิตยสารด้วยความเป็นกลางเพราะถือว่าสื่อ คือ พวกเดียวกัน แต่การนำเสนอเรื่องราวดังที่กล่าวมานั้นเสริมการนำเสนอแบบมองข้างเดียวครั้งก่อนๆ จนทำให้ผมเหลืออดถึงกับต้องส่งจดหมายไปให้เดอะอีโคโนมิสต์ทันทีซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมทำเช่นนั้น เขาไม่ได้นำจดหมายของผมลงพิมพ์ในฉบับต่อมาซึ่งคงเป็นการยืนยันอย่างดีว่าเขาเข้าข้างนักโทษชายทักษิณเต็มที่ จดหมายมีใจความดังนี้

Sir:

While you continue to provide a valuable space for Mr. Taksin to air his views, you have shown a persistent lack of curiosity about other issues and apparently never asked why the British government revoked his visa and other questions. Or if you have and the answers are not favorable to Mr. Taksin, you have chosen not to publish them.

ในขณะที่คุณสนับสนุนทักษิณให้แสดงมุมมองของเขาผ่านหน้ากระดาษอันมีค่าของคุณอย่างต่อเนื่อง คุณแสดงความไม่ใส่ใจต่อประเด็นอื่นและไม่สนใจที่จะถามคำถามสำคัญๆ เช่น ทำไมรัฐบาลอังกฤษจึงถอนวีซ่าของเขา หรือว่าคุณถาม แต่เมื่อคำตอบที่ออกมาสะท้อนส่วนที่ไม่ดีของทักษิณ คุณจึงเลือกที่จะไม่นำมาลงพิมพ์

You say that he clearly has plenty of money left – enough to retire comfortably out of the reach of Thai law – even after a chunk of his assets worth $2.3 billion that came from the sale of his business holdings to a Singapore’s wealth fund (while he was prime minister and a couple of days after a Thai law was coincidentally passed exempting such a sale from taxes) was frozen. Have you asked how he earned that money and where he kept it or whether he included it in the law-required declarations of assets when he took political offices?

คุณบอกว่าทักษิณมีเงินเหลือมากมายซึ่งอยู่นอกเงื้อมมือกฎหมายของไทยทั้งที่ 7.6 หมื่นล้านบาทถูกอายัดหลังจากขายธุรกิจให้กองทุนของสิงคโปร์โดยไม่เสียภาษีหลังจากที่กฎหมายไทยยกเว้นภาษีให้การขายเช่นนั้นเพียงสองวัน ทำไมคุณไม่ถามเขาว่าเงินนั้นมาจากไหน ฝากไว้ที่ไหนและเคยแสดงไว้ในรายการแจ้งทรัพย์สินเมื่อเขาเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่

His statement, “I don’t even kill mosquitoes now,” receives the most prominent emphasis. I presume you have heard about these events that took place in 2004 when Mr. Taksin was prime minister: over 2,000 Thais killed during the government campaign to eradicate drug trade; in southern Thailand, 32 killed when the government troops stormed a mosque, 78 perished after a peaceful protest was broken up, and a prominent civil-right lawyer disappeared when he took up the cause of those who no longer could speak for themselves. And I presume you have heard Mr. Taskin say that the conflict in southern Thailand is a petty-thief problem.

คำพูดของเขาที่ว่าเขาไม่ฆ่าแม้แต่ยุงได้รับการเน้นมากที่สุด คุณคงทราบแล้วใช่ไหมว่า เมื่อปี 2547 ซึ่งทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี คนไทยกว่า 2,000 คนถูกฆ่าในสงครามปราบยาเสพติด ส่วนทางภาคใต้คนไทย 32 คนตายเมื่อทหารบุกมัสยิด 78 คนเสียชีวิตเมื่อทางการสลายการชุมนุมแบบสันติ และทนายด้านสิทธิมนุษยชนหายสาบสูญไปเมื่อเขานำเอาเรื่องราวของผู้ที่ไม่มีโอกาสพูดอีกแล้วมาเป็นธุระ ในขณะเดียวกัน ผมคิดว่าคุณน่าจะเคยได้ยินทักษิณพูดว่า ปัญหาภาคใต้ของไทยเป็นเพียงเรื่องโจรกระจอก

Mr. Taksin also says that political conflicts in Thailand can be fixed overnight. I would assume you also have heard him say that the notorious traffic jam in Bangkok could be fixed in 6 months and the poverty in Thailand could be eradicated in 6 years.

ทักษิณพูดด้วยว่าเขาสามารถแก้ปัญหาการเมืองของไทยได้ภายในเวลาเพียงชั่วคืน ผมคิดว่าคุณน่าจะได้ยินทักษิณเคยพูดด้วยว่า เขาสามารถแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ ได้ภายใน 6 เดือนและสามารถขจัดความยากจนของคนไทยให้หมดไปได้ภายใน 6 ปี

Lastly, you say that Mr. Taksin enthuses over the benefits of Buddhist meditation and in the same breath say that he is still fuming over his downfall and hell hath no fury like a tycoon dispossessed. I hope this makes the readers see Mr. Taksin for what he really is, if you have not.

สุดท้าย คุณบอกว่าทักษิณพูดถึงประโยชน์ของการวิปัสสนาแนวพุทธด้วยความกระตือรือร้นแบบสุดๆ พร้อมกับบอกว่าเขากำลังรุ่มร้อนดังถูกเผาด้วยไฟนรกเพราะเคียดแค้นที่สูญอำนาจ ผมหวังว่าการนำเสนอนี้จะทำให้ผู้อ่านมองเห็นความไม่อยู่กับร่องกับรอย และความสับปลับกลับกลอกของทักษิณแม้คุณเองจะมองไม่เห็นก็ตาม

                                                               Sawai Boonma

                                                             Washington, D. C.
กำลังโหลดความคิดเห็น