ASTVผู้จัดการรายวัน – คืบหน้าไปอีกขั้น สำหรับเจรจาค่าต๋งนัดพิเศษ ระหว่างอสมท และ บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ล่าสุดหาทางออกเลือกโมเดลจ่ายค่าต๋งร่วมกันได้แล้ว แต่ยังไม่เปิดเผย รอสรุปชัดเจนอีกครั้งในนัดสำคัญ ดีเดย์วันศุกร์นี้
นายวิทยาธร ท่อแก้ว กรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากในวันจันทร์ที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา คณะกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้นัดเจรจา กับทาง คณะกรรมการ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เพื่อหาทางออกในการต่อสัญญาสัมปทานอีก 10 ปีกันได้แล้ว โดยเลือกที่จะให้ทั้ง2ฝ่าย ส่งตัวแทนฝ่ายละ 3คน โดย บอร์ด อสมท ได้ส่งตัวแทนร่วมเจรจา เป็น กรรมการ 3 ท่าน คือ นายวิทยาธร ท่อแก้ว, นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ และนายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ ส่วนทางด้านบางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ได้ส่งกรรมการร่วมเจรจา 3 ท่าน เช่นกัน ได้แก่ นายประวิทย์ มาลีนนท์ และนางรัตนานั้น
ล่าสุดวานนี้ (28 ต.ค.) คณะกรรมการชุดพิเศษนี้ ได้มีการประชุมหาแนวทางเลือกโมเดลที่ดีที่สุด ในการจ่ายผลประโยชน์ในรูปตัวเงินมากขึ้นกันได้แล้ว แต่ในรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะทั้งสองบริษัท ต่างอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วยกันทั้งคู่ อย่างไรก็ตามในวันศุกร์ที่ 30 ต.ค.นี้ คณะกรรมการชุดนี้ จะมีการประชุมกันอีกครั้ง เพื่อศึกษาแนวทางและลงในรายละเอียดของโมเดลการจ่ายผลประโยชน์ในรูปตัวเงินมากขึ้นนี้ให้ดียิ่งขึ้น มั่นใจว่าการประชุมในวันนั้นจะสามารถสรุปตัวเลขการ จ่ายผลประโยชน์ในรูปตัวเงินได้แน่นอน ซึ่งถือเป้นการทำงานที่เสร็จก่อนกำหนดตามที่ได้ประชุมกันไว้ว่า จะต้องสรุปเรื่องดังกล่าวให้เสร็จภายในวันที่ 10 พ.ย.ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์ที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา จากที่คณะกรรมการทั้ง 2บริษัทได้เจรจาพูดคุยกันนั้น ทางฝ่าย อสมท ได้เสนอโมเดลในการจ่ายผลประโยชน์ในรูปตัวเงินมากขึ้นไว้หลายข้อ อาทิ เช่น โมเดล ว่าด้วยเรื่องของค่าตอบแทน ที่อยากให้อยู่ในอัตรา6.5% ของรายได้บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งเป็นคู่สัญญา โดยต่อปีบริษัทนี้มีรายได้ราว 4,000 ล้านบาท
ดังนั้นต่อปีควรจะจ่ายค่าตอบแทนให้อสมท ประมาณ 230 ล้านบาท จากเดิมตามสัญญา จะจ่ายที่ 200 ล้านบาท หรือ 10 ปี ต้องจ่าย 2,002 ล้านบาท และอีกโมเดล คือ ต้องการให้ทางช่อง 3 ยอมจ่ายเงินให้เปล่าในการต่อสัญญาครั้งนี้ ซึ่งเป็นแนวทางที่ไม่ต้องเข้าไปแตะในส่วนของสัญญาเดิมแต่อย่างไร เบื้องต้นมองว่า เม็ดเงินก้อนนี้ ควรจะอยู่ที่ประมาณ 300-600 ล้านบาท.
นายวิทยาธร ท่อแก้ว กรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากในวันจันทร์ที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา คณะกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้นัดเจรจา กับทาง คณะกรรมการ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เพื่อหาทางออกในการต่อสัญญาสัมปทานอีก 10 ปีกันได้แล้ว โดยเลือกที่จะให้ทั้ง2ฝ่าย ส่งตัวแทนฝ่ายละ 3คน โดย บอร์ด อสมท ได้ส่งตัวแทนร่วมเจรจา เป็น กรรมการ 3 ท่าน คือ นายวิทยาธร ท่อแก้ว, นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ และนายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ ส่วนทางด้านบางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ได้ส่งกรรมการร่วมเจรจา 3 ท่าน เช่นกัน ได้แก่ นายประวิทย์ มาลีนนท์ และนางรัตนานั้น
ล่าสุดวานนี้ (28 ต.ค.) คณะกรรมการชุดพิเศษนี้ ได้มีการประชุมหาแนวทางเลือกโมเดลที่ดีที่สุด ในการจ่ายผลประโยชน์ในรูปตัวเงินมากขึ้นกันได้แล้ว แต่ในรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะทั้งสองบริษัท ต่างอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วยกันทั้งคู่ อย่างไรก็ตามในวันศุกร์ที่ 30 ต.ค.นี้ คณะกรรมการชุดนี้ จะมีการประชุมกันอีกครั้ง เพื่อศึกษาแนวทางและลงในรายละเอียดของโมเดลการจ่ายผลประโยชน์ในรูปตัวเงินมากขึ้นนี้ให้ดียิ่งขึ้น มั่นใจว่าการประชุมในวันนั้นจะสามารถสรุปตัวเลขการ จ่ายผลประโยชน์ในรูปตัวเงินได้แน่นอน ซึ่งถือเป้นการทำงานที่เสร็จก่อนกำหนดตามที่ได้ประชุมกันไว้ว่า จะต้องสรุปเรื่องดังกล่าวให้เสร็จภายในวันที่ 10 พ.ย.ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์ที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา จากที่คณะกรรมการทั้ง 2บริษัทได้เจรจาพูดคุยกันนั้น ทางฝ่าย อสมท ได้เสนอโมเดลในการจ่ายผลประโยชน์ในรูปตัวเงินมากขึ้นไว้หลายข้อ อาทิ เช่น โมเดล ว่าด้วยเรื่องของค่าตอบแทน ที่อยากให้อยู่ในอัตรา6.5% ของรายได้บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งเป็นคู่สัญญา โดยต่อปีบริษัทนี้มีรายได้ราว 4,000 ล้านบาท
ดังนั้นต่อปีควรจะจ่ายค่าตอบแทนให้อสมท ประมาณ 230 ล้านบาท จากเดิมตามสัญญา จะจ่ายที่ 200 ล้านบาท หรือ 10 ปี ต้องจ่าย 2,002 ล้านบาท และอีกโมเดล คือ ต้องการให้ทางช่อง 3 ยอมจ่ายเงินให้เปล่าในการต่อสัญญาครั้งนี้ ซึ่งเป็นแนวทางที่ไม่ต้องเข้าไปแตะในส่วนของสัญญาเดิมแต่อย่างไร เบื้องต้นมองว่า เม็ดเงินก้อนนี้ ควรจะอยู่ที่ประมาณ 300-600 ล้านบาท.
