ASTVผู้จัดการรายวัน- ส.อ.ท.ส่งสัญญาณเริ่มขาดแคลนแรงงาน 2-3 แสนคนช่วงสิ้นปีนี้โดยเฉพาะกลุ่มสิ่งทอ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ปี 2553 คาดต้องการแรงงานเพิ่มอีกมากแนะทุกส่วนรับมือ เผยเหตุหลักที่ขาดแคลนจากคำสั่งซื้อรวมกับนโยบาย ช่วยคนตกงานของรัฐบาล
นายทวีกิจ จตุรเจริญคุณ รองประธานด้านแรงงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรมและคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมได้รายงานถึงแนวโน้มการจ้างงานของภาคอุตสาหกรรมขณะนี้พบว่ามีความต้องการแรงงานเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจนถึงสิ้นปีนี้ประมาณ 10-20% หรือประมาณ 2-3 แสนคนและมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2553 จึงถือเป็นสัญญาณที่ดีของภาวะเศรษฐกิจและไทยและอัตราการว่างงานมีทิศทางลดลงดังนั้นทุกฝ่ายจะต้องเตรียมรับมือกับปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
ทั้งนี้อุตสาหกรรมที่ขาดแคลนแรงงานส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสิ่งทอและอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งประธานส.อ.ท.จังหวัดอยุธยาแจ้งว่าเฉพาะอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ขาดแคลนแรงงานประมาณ 20,000 อัตรา ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขาดแคลนแรงงานสิ่งทอ 5,000 อัตรา แรงงานในโรงงานแหอวน 5,000 อัตรา ส่วนภาคใต้นั้นมีการขาดแคลนแรงงานมานานแล้วและได้เสนอว่าน่าจะเปิดให้มีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวได้ทั้งปี
สำหรับปัญหาการขาดแคลนแรงงานนั้นเนื่องจากที่ผ่านมามีการปลดแรงงานออกไปส่วนหนึ่งและแรงงานส่วนใหญ่เป็นแรงงานจากต่างพื้นที่ เมื่อโดนปลดจึงเรียกกลับมาได้ยาก รวมถึงการช่วยเหลือคนตกงานของรัฐบาลจากโครงการต่างๆ เช่น ต้นกล้าอาชีพ การให้ทุนศึกษาหลังจบม.3 รวมถึงการจ่ายเงินประกันสังคม 50% ของเงินเดือนเมื่อตกงาน ฯลฯ เป็นสาเหตุให้ขาดแคลนแรงงานมากขึ้น
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ภาคเอกชนร่วมมือในการทำงานร่วมกันระหว่างอุตสาหกรรมจังหวัดและสมาชิกส.อ.ท.จังหวัดแบบบูรณาการ รวมไปถึงการที่จะกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมด้วยการที่มอบหมายให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมไปเร่งรัดโครงการลงทุนต่างๆ ภายใต้งบประมาณปี 2553 ให้เร็วขึ้นจากเดิม 1 ปีเหลือเพียง 6 เดือน
นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยรมว.อุตสาหกรรมกล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบให้ส.อ.ท.ไปพิจารณาถึงบทบาทภาคอุตสาหกรรมในอนาคตและจุดยืนถึงความจำเป็นของอุตสาหกรรมต้นน้ำต่างๆ ว่ามีความจำเป็นหรือไม่อย่างไร รวมไปถึงเรื่องเร่งด่วนคือการใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่จะต้องวางบทบาทให้ชัดเจนเพราะมีการตื่นตัวเรื่องนี้ค่อนข้างมาก
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ขณะนี้ส.อ.ท.ได้วางยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมเชิงรุกไว้ 6 ยุทธศาสตร์ได้แก่ 1. การพัฒนาอุตสาหกรรมไทยในแนวทางการสร้างคุณค่าด้วยเทคโนโลยี่และนวตกรรม 2. การพัฒนาอุตสาหกรรมให้อยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างยั่งยืน 3.การพัฒนาการดำเนินธุรกิจแบบคลัสเตอร์ 4. มาตรการเชิงรุกในเวทีโลกหลังเปิดเขตการค้าเสรี(เอฟทีเอ) 5.การสนับสนุนปัจจัยเอื้อต่อการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรม 6. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สู่ความยั่งยืนของอุตสาหกรรม
นายทวีกิจ จตุรเจริญคุณ รองประธานด้านแรงงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรมและคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมได้รายงานถึงแนวโน้มการจ้างงานของภาคอุตสาหกรรมขณะนี้พบว่ามีความต้องการแรงงานเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจนถึงสิ้นปีนี้ประมาณ 10-20% หรือประมาณ 2-3 แสนคนและมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2553 จึงถือเป็นสัญญาณที่ดีของภาวะเศรษฐกิจและไทยและอัตราการว่างงานมีทิศทางลดลงดังนั้นทุกฝ่ายจะต้องเตรียมรับมือกับปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
ทั้งนี้อุตสาหกรรมที่ขาดแคลนแรงงานส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสิ่งทอและอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งประธานส.อ.ท.จังหวัดอยุธยาแจ้งว่าเฉพาะอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ขาดแคลนแรงงานประมาณ 20,000 อัตรา ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขาดแคลนแรงงานสิ่งทอ 5,000 อัตรา แรงงานในโรงงานแหอวน 5,000 อัตรา ส่วนภาคใต้นั้นมีการขาดแคลนแรงงานมานานแล้วและได้เสนอว่าน่าจะเปิดให้มีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวได้ทั้งปี
สำหรับปัญหาการขาดแคลนแรงงานนั้นเนื่องจากที่ผ่านมามีการปลดแรงงานออกไปส่วนหนึ่งและแรงงานส่วนใหญ่เป็นแรงงานจากต่างพื้นที่ เมื่อโดนปลดจึงเรียกกลับมาได้ยาก รวมถึงการช่วยเหลือคนตกงานของรัฐบาลจากโครงการต่างๆ เช่น ต้นกล้าอาชีพ การให้ทุนศึกษาหลังจบม.3 รวมถึงการจ่ายเงินประกันสังคม 50% ของเงินเดือนเมื่อตกงาน ฯลฯ เป็นสาเหตุให้ขาดแคลนแรงงานมากขึ้น
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ภาคเอกชนร่วมมือในการทำงานร่วมกันระหว่างอุตสาหกรรมจังหวัดและสมาชิกส.อ.ท.จังหวัดแบบบูรณาการ รวมไปถึงการที่จะกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมด้วยการที่มอบหมายให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมไปเร่งรัดโครงการลงทุนต่างๆ ภายใต้งบประมาณปี 2553 ให้เร็วขึ้นจากเดิม 1 ปีเหลือเพียง 6 เดือน
นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยรมว.อุตสาหกรรมกล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบให้ส.อ.ท.ไปพิจารณาถึงบทบาทภาคอุตสาหกรรมในอนาคตและจุดยืนถึงความจำเป็นของอุตสาหกรรมต้นน้ำต่างๆ ว่ามีความจำเป็นหรือไม่อย่างไร รวมไปถึงเรื่องเร่งด่วนคือการใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่จะต้องวางบทบาทให้ชัดเจนเพราะมีการตื่นตัวเรื่องนี้ค่อนข้างมาก
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ขณะนี้ส.อ.ท.ได้วางยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมเชิงรุกไว้ 6 ยุทธศาสตร์ได้แก่ 1. การพัฒนาอุตสาหกรรมไทยในแนวทางการสร้างคุณค่าด้วยเทคโนโลยี่และนวตกรรม 2. การพัฒนาอุตสาหกรรมให้อยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างยั่งยืน 3.การพัฒนาการดำเนินธุรกิจแบบคลัสเตอร์ 4. มาตรการเชิงรุกในเวทีโลกหลังเปิดเขตการค้าเสรี(เอฟทีเอ) 5.การสนับสนุนปัจจัยเอื้อต่อการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรม 6. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สู่ความยั่งยืนของอุตสาหกรรม
